การได้ทำ powered-oversteer ได้ดริฟนิดๆในโค้งคือสนุกสำหรับผม เอามาวิ่งทางตรงๆหรือมุดบนมอเตอร์เวย์คงไม่ใช่แนว
ข้อดีของรถขับหลังอีกอย่างหนึ่งก็คือเมื่อรถเสียการทรงตัวแล้วแก้ไขง่าย แต่รถขับหน้าถ้าเสียการทรงตัวแล้วแก้ยากถึงแก้ไม่ได้เลย ถ้าขับแค่ในกรุงเทพหรือทางง่ายๆไม่ค่อยเห็นความแตกต่าง ถ้าทางยากๆต่างกันแน่นอน
ไม่น่าใช่นะครับ ขับหน้า โดยทั่วไปมีแนวโน้มจะ under ซึ่งแก้ง่ายกว่า over .... แต่ผม(ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า)คิดว่าขับหลังว่าจับอาการง่ายกว่า
ผมเคยขับ Civic กับ Foucs เชื่อไหมครับว่า Civic เข้าโค้ง หรือ หักหนักๆ มันจะ under แต่ Focus มันฟิลลิ่งเหมือนรถขับหลัง จะออกแนวท้ายออก ท้ายแถ แต่ไม่ถึงกับ over เหมือนรถขับหลังซะทีเดียว
ไม่รู้ว่าเป็นสไตล์การขับของผมเอง หรือ เป็นที่รถ แต่ทั้ง 2 คัน ขับแบบเดียวกัน เพราะขับในสนาม
อันนี้จริงครับ Focus MK3.5 ด้วย body style และเอกลักษณ์ช่วงล่าง เข้าโค้งรถเกาะดีมาก โค้งมักกะสันบนทางด่วนทำได้ 110km/h ตามที่่ headlight mag เทสไว้เลยครับ
ผมไม่ได้ลองจับความเร็ว หรือ เวลา บนถนนครับ
พอดีเอาไปลองในสนาม กับ รถ เพื่อน ขับเล่นๆ วันหยุด
แล้วก็สลับกันขับ คนละ 3-4 รอบ ผมว่า เวลามันไม่ได้ต่างกันนะ
แต่อาการรถมันคนละแบบ ตามที่เล่าครับ
ขับหน้ามันน่าเบื่อไงครับ อะไรมันง่ายไปหมด ขับหลังมันรู้สึกเหมือนเจอม้าพยศเฆี่ยนแรงมากมันก็ดีดแรง เร้าใจกว่า อาการออกตัวแล้วท้ายปัดดังเอี้ยดๆ นิดๆ มันสนุกดีนะ
อย่างที่บอกแหละครับ ผมว่ามันคนละ แล้วแต่โจทย์ แล้วแต่การใช้งาน และ แล้วแต่คันด้วยครับ
บางคนรถสปอร์ตมันต้องแรง แต่สำหรับไม่ต้องขนาดนั้น แค่ 200 กว่าม้า แต่โดยรวมกลมกล่อม ผมก็ถือว่ามันสปอร์ต ขับสนุก แล้วครับ
ชอบอ่านกระทู้แบบนี้ครับ
ถือว่าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ ไม่ได้จะมา ขิง หรือ ติ อีกคน ชมอีกคัน เป็นการแชร์มุมของแต่ท่านครับ
เพราะผมก็มีรถทั้ง 3 แบบครับ