รถเมืองไทยบวกกันหลายทอดมากกว่าจะถึง end user เลยต้องบวกเยอะๆ หน่อย ยกตัวอย่าง mbth
MB > MBTH > ธนบุรีประกอบยนต์ > dealer ต่างๆ ที่ลงทุนกัน 500-600 ล้าน > เซล์ ค่าการตลาด จัดทริป, จัดคอนเสิต, test drive ที่สนามแข่ง, จ้าง presenter, ลงโฆษณาตามช่องทางต่างๆ
คิด margin ที่โดนแต่ละทอดรวมๆ กันแล้วคิดว่าเกิน 30% ถ้าขายแบบ tesla ผมว่า c class คันละ 3 ล้าน เหลือ 2 ต้นๆ ได้
อีกประเด็นที่ต้องคำนึงคือปริมาณรถที่ขายไป 1 รุ่นของเรา ขายทั้งปียังไม่เท่าอเมริกาขาย 1 เดือนเลย ดังนั้นถ้าการลงทุนพอๆ กัน ประเทศไทยที่ขายได้น้อยกว่า ก็ต้อง +% มากกว่า เพื่อให้ cover ต้นทุนที่ลงทุนไป คิดเล่นๆ ถ้าขายรถ margin 5% จากรถราคา 3 ลบ. เท่ากับต้องขายรถให้ได้ขั้นต่ำ 66,667 คัน เพื่อให้ cover เงินลงทุน 1 หมื่นล้าน (ปีที่ผ่านๆ มา benz bm ขายได้ยี่ห้อละ 1x,xxx คัน)
สุดท้ายถึงแม้ว่าผมจะพยายามเข้าใจผู้ประกอบการ แต่ในฐานะผู้บริโภค ก็ต้องบอกว่าการมาของ Tesla นั้น อาจช่วยให้ยี่ห้ออื่นๆ คิดหน้าคิดหลังก่อนตั้งราคา ต้องยอมลด margin ลง แต่ถ้าการมาของ Tesla ไม่ส่งผลต่อยอดขายของแบรนหรูละก่อน ราคาขายก็จะยังเป็นแบบนี้ต่อไป