« ตอบกลับ #30 เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 19:07:44 »
เหมือน e:hev ของ honda จะใช้เครื่องยนต์เป็นหลักตอนวิ่งความเร็วสูงๆ
อย่าง hrv ทำได้ 18.36 km/L แต่เห็นในกลุ่มใช้งานจริงก็มี 20 ขึ้นเยอะอยุ่นะครับ
เดาว่าถ้าใช้งานทั่วไป ไม่ได้วิ่งด้วยความเร็วยาวๆ น่าจะอยุ่ที่ 17-18 km/L
มันคือ mislead ของการนำผลทดสอบของ HLM มาเปรียบเทียบบนตารางไงครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเปรียบเทียบระหว่างเครื่องยนต์ต่างรูปแบบ
เพราะการวิ่งบนสภาพจราจรจริงในชีวิตประจำวัน
ICE จะกินมากกว่าที่ HLM test อยู่พอควร
แต่ HEV จะประหยัดกว่าที่ HLM test
เรียกว่าอัตราสิ้นเปลืองจริง จะวิ่งออกจากผลเทส
ไปกันคนละทางครับ
เหตุผลง่ายๆ คือ ในการใช้งานบนสภาพจราจรจริง
การชะลอ การเบรค การลดความเร็ว สำหรับรถ ICE
คือการทิ้งระยะทางที่ควรจะวิ่งได้ไปเปล่าๆ
แต่กับรถ HEV มันจะเกล็บพลังงานจลน์กลับมาใช้ใหม่ครับ
เห็นด้วยครับ
เอากติกาเดียวกันมาทดสอบกับรถทุกรุ่น ไม่ใช่ว่าผิด
แต่กติกานี้มันใช้มานานตั้งแต่รถส่วนใหญ่หรือประมาณร้อยละ 9x% เป็นรถสันดาปล้วน
มันเลยไม่เอื้ออำนวยต่อรถใหม่ๆที่เกิดมาเท่าไหร่
เอาง่ายๆ civic 1.5 turbo กับ ehev ตัวเลขทดสอบก็ต่างกันไม่มาก
แต่ดูชีวิตจริงโดยเฉพาะในเมือง 1.5 มีเลขตัวเดียว 8~9 บ่อยๆ แต่ ehev มีเกือบๆ 20 ประจำ
แล้วแต่ท่านผู้เจริญจะพิจารณาครับ
จะเทสในเมื่อง ด้วยเงื่อนไขเดียวกัน มันทำได้หรอครับ
ตัวแปรควบคุมไม่ได้มันเยอะ ไฟแดง จำนวนรถ ฯลฯ
พี่จิมมี่ก็เคยพูดแล้วมันทำได้ไม่เที่ยงตรงนะครับ
ถ้าเป็นผม ผมจะมองว่าการทดสอบ HLM คือการทดสอบวิ่งทางไกล
ให้พิจารณาที่เงื่อนไขทางไกล
แค่บอกว่ากติกามันไม่เอื้อครับ
กติกาไม่เอื้อกับอะไรครับ ไม่เอื้อกับฮอนด้าหรอ ??
เพราะจากตารางผลการทดสอบทุกคันทดสอบกติกาเดียวกันหมดแต่ผลที่ออกมาคือ ทำได้แย่กว่า x-trail และ outlander ซึ่งก็วิ่งด้วยความเร็วและเส้นทางเดียวกันทั้งหมด ชนิดน้ำมัน และปั๊มน้ำมันเดียวกัน โดยเฉพาะ X-trail ที่เป็นรถไฮบริจเหมือนกัน
กติกาไหนถึงยุติธรรมกับฮอนด้าล่ะ
ผมเคยแนะนำว่า ขอข้อมูลการกินน้ำมันแบบใช้งานทั่วไปประกอบด้วย
คือเวลายืมรถมาทดมอบเนี่ย ทางต้นสังกัดจะเติมน้ำมันให้เต็มถัง
และตอนไปคืนก็ต้องเติมคืนอยู่แล้วใช่มั้ยครับ แล้วระหว่างที่รถอยู่กับ
ทีมงาน มันมีทั้งวิ่งไปโน่น มานี่ ติดต่อธุระบ้าง เดินเอกสารบ้าง
ถ่ายรูปบ้าง ก็เอาทั้งหมดนั่นหารกันแล้วแชร์ข้อมูลประกอบด้วย
จริงอยู่ว่าการทำแบบนี้มันไม่สามารถควบคุมปัจจัยให้เท่ากันทุกครั้ง
เพื่อใช้เทียบกับรถต่างรุ่นต่างยี่ห้อได้ แต่มันทำให้พอเห็นภาพว่า
ถ้าผู้อ่านซื้อรถคันนี้ไปใช้งานจริงบนสภาพจราจรจริง จะมีอัตราสิ้นเปลือง
ประมาณเท่าไหร่ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ามองลึก ๆ คันต่อคัน เทียบรถคันเดียวกัน
จะเห็นด้วยซ้ำไปว่า ตัวเลขที่ได้จากการวิ่ง 110 นิ่งๆ กับตอนเอาไปใช้จริง
ประจำวัน ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองจะต่างกันมากน้อยแค่ไหน
รถบางคันวิ่ง 110 นิ่งๆ ดูประหยัดมากจนตาลุกวาว แต่พอซื้อใช้จริง
รถติดๆ วิ่งๆ หยุดๆ กินอย่างกะรถคนละคันแบบคุณหลอกดาว
กันเลยทีเดียวครับ
อย่าลืมนะครับว่า ชีวิตจริง ขับจริง เติมจริง เนี่ย โอการวิ่งนิ่งๆ 110
มันมีน้อยมาก ดังนั้นถ้าถามว่าทำแบบที่ผมว่ามันเอื้อกับใคร
ก็เอื้อกับคนซื้อรถจริง ขับจริง เติมจริง จ่ายค่าพลังงานจริงไงครับ