ผู้เขียน หัวข้อ: ช่วยผมเลือกรถด้วยครับ ผมลองขับมาเกือบหมดแล้ว ยังเลือกไม่ได้...  (อ่าน 16321 ครั้ง)

ออฟไลน์ Odrecranon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 398
    • อีเมล์
ตอนนี้ผมกำลังจะเรียนจบ จะต้องออกไปทำงานต่างจังหวัด ไปกลับประมาณสัปดาห์ละ 2 ครั้งระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตร
เดิมผมมีรถผลัดใข้กับน้องอยู่ 2 คัน คือ NV 5 ประตู MT กับ Ford Focus 1.8
เนื่องจากผมใกล้จะจบ ที่บ้านเลยจะให้ออกรถใหม่ เอาไว้ออกต่างจังหวัด คือที่บ้านจะดาวน์ให้ แล้วผมจะผ่อนต่อเอง
งบประมาณมีจำกัดครับ ดาวน์ไม่เกิน 300,000

ตอนนี้ตัวเลือกผมมีเยอะมาก ไปลองขับมาเกือบหมดแล้ว แต่ตัดสินใจไม่ได้เลยครับ เพราะมัวแต่มาอ่านบอร์ดที่นี่ เลยรู้ข้อดี-ข้อเสียเยอะเลย

ตัวเลือกผมเป็นแบบนี้ครับ

1. Ford Focus 2.0 Sedan กับ Cruze 1.8 LTZ
    ที่บ้านไม่ชอบดีเซล ขอยังไงก็ไม่ยอม แม่ไม่ชอบเสียงรถดีเซลเลย ไปลองขับครูซมาแล้ว ผมว่าทุกอย่างดูลงตัว
    แต่ติดที่ช่วงล่าง ผมคิดว่า  ยังไง Torsion Beam ก็สู้ MultiLink ไม่ได้ และผมก็ไม่ชอบเบาะแบบที่เป็นสี ๆ ด้วย
    เลยสับสนมากกว่าจะเลือกตัวไหน เพราะถ้าซื้อ 2 ตัวนี้คงจะไม่คิดขายต่อ และมันอืดทั้งคู่

2. Honda Civic 1.8 Modulo กับ Altis 2.0G
    ผมชอบรูปร่าง civic มากกว่า แต่ถ้าซื้อกว่าจะได้รถ ใช่ไม่กี่เดือนคงจะตกรุ่น ประกันภัยไม่แถม ส่วน Altis ผมชอบ
    อัตราเร่ง แต่ไม่ชอบรูปร่างเลย ภายใน OK ส่วนลดได้เยอะดีครับ ที่จริงผมว่า Handling สู้ Focus กับ Cruze ไม่ได้
    แต่ยังไงผมก็ขับไม่เกิน 120 อยู่แล้ว ก็เลยตัดออกจากตัวเลือกไม่ได้ สองตัวนี้ผมตั้งใจจะขายทิ้ง เพื่อซื้อ Focus ตัวใหม่

3.  Honda CR-V 2.0S กับ Captiva 2.4 LS
     อันนี้ที่จริงไม่อยู่ในตัวเลือก แต่ที่บ้านชอบเพราะมันนั่งสบายดี ที่บ้านไม่มีรถ SUV เรื่องการขับขี่ ผมชอบช่วงล่าง
     Captiva มากกว่า แต่ชอบภายใน CR-V เรื่องอัตราเร่ง ผมเคยลองขับแต่ Captiva 2.0 กับ CR-V 2.4 เลยบอกไม่ได้
     ว่ารุ่นที่ผมสนใจต่างกันมากไหม ที่ผมกังวลคือ CR-V มันจะออกรุ่นใหม่ ตามหลัง Civic ครับ
     ที่จริงผมว่ามันก็ดีที่มีรถหลาย ๆ แบบในบ้าน แต่ปัญหาคือ ผมกลัวว่ามันจะเกินตัวผมไป เพราะเพิ่งจะเรียนจบ


      ที่จริงผมรู้ว่าต้องเลือกรุ่นที่ลองขับแล้วชอบมากที่สุด แต่ผมเลือกยากครับ ที่จริงชอบหมดแต่มันคงเป็นไปไม่ได้
ผมเลยอยากถามความเห็นของคนที่เลยตัวสินใจคล้าย ๆ ผม หรือลองขับมากก่อนครับ ที่จริงผมเป็นคนเท้าหนัก
แต่ขับไม่เกิน 120 แน่นอนครับ ผมชอบช่วงเร่งมากกว่า อยากได้ช่วงล่างใกล้เคียง Focus อัตราเร่งใกล้เคียง NV
ผมไม่แน่ใจว่าพวก Altis กับ Civic มันจะมันคงเท่า Focus ที่ความเร็วสูงหรือไม่

      ทั้งหมดนี้ผมขอขอบคุณทุกท่านจะครับ
      ที่บ้านบอกว่าผมเรื่องมาก ถ้าตัดสินใจไม่ได้ ก็ให้รอ ขับรถคันเก่าไปก่อน แต่ผมคิดว่า รถมันเก่าแล้ว กลัวจะมีปัญหาเวลาออกต่างจังหวัดครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 14, 2010, 20:53:02 โดย Odrecranon »

ออฟไลน์ nelveska

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 10
    • อีเมล์
ตกอยู่ในสถานการน์เดียวกับผมเลยครับ เพียงแต่ผมเลือกแค่เฟียสต้า กับโฟกัส เพราะผมชอบฟอร์ดครับ

ฉนั้นผมขอแนะนำ โฟกัสครับ สาเหตุเดียวของผมเลยคือ ผมเดินเข้าไปเอามือจับๆรถ แล้วมันแข็งโป๊ก รู้สึกชอบมากๆครับ

ออฟไลน์ Artty_Ray

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 304
  • -!@#$%
อยากจะบอกว่า
ที่บ้านท่านมีเก๋งอยู่แล้วคันหนึ่งจะออกเก๋งมาอีกทำไมก็ออกเป็นsuvไปเลย ซิครับ
My impression is Impreza

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
เห็นทางเลือกเท่าที่มีเป็นผม ผมยังไม่สามารถช่วยออกความเห็นได้เลยครับ

แต่เท่าที่ดู จากการที่มี NV กับ Focus และข้อกำหนดต่างๆที่บอกมานั้น พอสรุปเป็นข้อๆได้ดังนี้

1. ที่บ้านมี Focus อยู่แล้ว ผมว่าไม่ต้องมี Focus ซ้ำอีกคันก็ได้ครับ โดยเฉพาะในเมื่อใจความหลักของความแตกต่าง
อยู่ที่อัตราเร่ง และการประหยัดน้ำมัน ซึ่งถ้าไม่ได้ขยับไปเล่น TDCi แล้ว ตัว 1.8 ที่ใช้อยู่ก็พอแล้ว อีกอย่างนึง
ตัว 2.0 เบนซิน..ไม่มีขายแล้วไม่ใช่หรือครับ?

2. Torsion beam ในรถขับหน้า สู้ multilink ไม่ได้ในแง่ของการโยกตัวถังเวลาวิ่งผ่านพื้นที่ระนาบซ้ายขวาไม่เท่ากัน
แต่ในความเป็นจริง และถ้าพูดถึงการใช้งานบนท้องถนน Torsion beam ในรถขับหน้าสามารถรักษาบาลานซ์
การหน้าดื้อท้ายปัดได้ดี Multilink มีข้อดีในรถขับหลังเพราะเวลาทิ้งโค้งมุมแคมเบอร์ล้อหลังสามารถถ่างออกได้
แต่กับรถขับหน้าที่มีนิสัยหน้าไม่ค่อยไปตามโค้งอยู่แล้ว ก็ใช้ช่วงล่างหลัง Torsion beam ที่ไม่ค่อยเกาะโค้ง
ทำให้ท้ายมันมีโอกาสสไลด์ออกได้บ้าง กลายเป็นว่าแก้อาการหน้าดื้อด้วยการทำให้ด้านหลังปัดหน่อยๆ

ที่ตลกคือเมื่อเอาเข้าจริง รูปแบบช่วงล่างไม่ใช่ประเด็นเดียวในการกำหนดนิสัยรถยนต์ เท่าที่ลองมา
Lancer EX ท้ายปัดน้อยกว่า Tiida Tiida ท้ายปัดน้อยกว่า Lancer CNG โฉมเก่า และ Civic FD เวลาโยนแรงๆก็ท้ายออกเหมือนกัน
Lancer ทั้งสอง และ Civic ต่างก็ใช้ช่วงล่างหลังแบบอิสระในขณะที่ Tiida Latio เป็นคานแข็งตัว U หน้าตาธรรมดาๆ

ยิ่งถ้าบอกว่าไม่ได้ขับรถเร็ว ประเด็นเรื่องช่วงล่างนี้ผมคิดว่าคุณควรจะใช้รถช่วงล่างหลังคานแข็งมากกว่าด้วยซ้ำ
เพราะชิ้นส่วนไม่เยอะ กินที่ไม่เยอะ ออกแบบให้พื้นที่ฝากระโปรงหลังใหญ่ขึ้นได้ ข้อดีตรงนี้น่าจะนำมาประมวลผลด้วย

3. Altis นั้นถ้าไม่ได้สนออพชั่นมาก ในความเห็นผม ตัว 1.8 ก็น่าใช้แล้วครับ ช่วงล่างนั้นไม่ใช่ว่าไม่ดี มันดี และเหมาะ
กับการใช้งานในประเทศไทยระดับหนึ่ง ยิ่งเวลาบู๊ๆนี่ทำอะไรได้มากกว่าที่คิด เราต้องล้างภาพช่วงล่างของ Altis ปี 2002
ออกไปจากหัวเลยครับ แต่ถามว่าทำไมช่วงล่างถึงไม่เด่น เพราะผมคิดว่า Lancer EX เกาะถนนมั่นคงกว่า แต่กลับนุ่มสบายกว่า
ที่ความเร็วต่ำ

4. CR-V กับ Captiva ผมมีข้อสงสัยว่าคุณมองสองตัวนี้เนื่องจากมองอรรถประโยชน์ในแบบรถทรงกล่องที่บรรทุกของได้มาก
ซึ่งมันเป็นสิ่งที่คุณได้รับจาก NV แต่ถ้าไม่ใช่อย่างที่ผมกล่าวมา ก็คงต้องสำรวจดูว่าเราเลือกใช้รถสูงทรงแบบนี้เพราะอะไร
การออกต่างจังหวัด หากเป็นเส้นทางทั่วๆไปรถเก๋งก็วิ่งได้ ยกเว้นว่าอาชีพของคุณต้องขับรถไปยังที่ที่ถนนสุดจะคาดเดา
และคุณต้องการความสูงใต้ท้องรถมาเป็นตัวช่วย

ถ้าไม่ใช่อย่างนี้..อย่าไปเล่นให้เสียเงิน..รถหนัก ใหญ่ คุณใช้เครื่อง 2.4 ลิตรยังทำให้มันวิ่งดีเท่า Altis 1.8 ไม่ได้เลย
เรื่องกินน้ำมันก็สู้ไม่ได้ ค่าบำรุงรักษา ยางขอบ 17 แก้มหนาก็แพงใช่เล่น ที่สำคัญ ราคาที่ต้องเพิ่มเงินไปอีกอย่างน้อย
200,000 บาทเมื่อเทียบกับรถขนาด C-Segment คันอื่นๆ นั้นไม่ใช่น้อยๆเลย


- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
สะดุดตรง
ขับไม่เกิน 120


ถ้าขับไม่เร็ว น่าจะมองเครื่องยนต์เล็กกว่านี้นะครับ
ผมเพิ่งจบใหม่ เพิ่งทำงานได้ไม่นาน
เลิกขับรถ(วันทำงาน)แล้วล่ะครับ
แบกรับค่าน้ำมันไม่ไหว (ขนาดรถผมเครื่อง1.5ลิตรนะ)

และถ้าขับไม่เร็ว
ผมว่าช่วงล่างไหนๆก็เอาอยู่ครับ

ปล. ช่วงล่างแบบคานแข็ง ทำให้เกาะเท่าช่วงล่างอิสระได้
แต่ความนุ่ม คงสู้ไม่ได้

ออฟไลน์ chai99

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 364
    • อีเมล์
เห็นทางเลือกเท่าที่มีเป็นผม ผมยังไม่สามารถช่วยออกความเห็นได้เลยครับ

แต่เท่าที่ดู จากการที่มี NV กับ Focus และข้อกำหนดต่างๆที่บอกมานั้น พอสรุปเป็นข้อๆได้ดังนี้

1. ที่บ้านมี Focus อยู่แล้ว ผมว่าไม่ต้องมี Focus ซ้ำอีกคันก็ได้ครับ โดยเฉพาะในเมื่อใจความหลักของความแตกต่าง
อยู่ที่อัตราเร่ง และการประหยัดน้ำมัน ซึ่งถ้าไม่ได้ขยับไปเล่น TDCi แล้ว ตัว 1.8 ที่ใช้อยู่ก็พอแล้ว อีกอย่างนึง
ตัว 2.0 เบนซิน..ไม่มีขายแล้วไม่ใช่หรือครับ?

2. Torsion beam ในรถขับหน้า สู้ multilink ไม่ได้ในแง่ของการโยกตัวถังเวลาวิ่งผ่านพื้นที่ระนาบซ้ายขวาไม่เท่ากัน
แต่ในความเป็นจริง และถ้าพูดถึงการใช้งานบนท้องถนน Torsion beam ในรถขับหน้าสามารถรักษาบาลานซ์
การหน้าดื้อท้ายปัดได้ดี Multilink มีข้อดีในรถขับหลังเพราะเวลาทิ้งโค้งมุมแคมเบอร์ล้อหลังสามารถถ่างออกได้
แต่กับรถขับหน้าที่มีนิสัยหน้าไม่ค่อยไปตามโค้งอยู่แล้ว ก็ใช้ช่วงล่างหลัง Torsion beam ที่ไม่ค่อยเกาะโค้ง
ทำให้ท้ายมันมีโอกาสสไลด์ออกได้บ้าง กลายเป็นว่าแก้อาการหน้าดื้อด้วยการทำให้ด้านหลังปัดหน่อยๆ

ที่ตลกคือเมื่อเอาเข้าจริง รูปแบบช่วงล่างไม่ใช่ประเด็นเดียวในการกำหนดนิสัยรถยนต์ เท่าที่ลองมา
Lancer EX ท้ายปัดน้อยกว่า Tiida Tiida ท้ายปัดน้อยกว่า Lancer CNG โฉมเก่า และ Civic FD เวลาโยนแรงๆก็ท้ายออกเหมือนกัน
Lancer ทั้งสอง และ Civic ต่างก็ใช้ช่วงล่างหลังแบบอิสระในขณะที่ Tiida Latio เป็นคานแข็งตัว U หน้าตาธรรมดาๆ

ยิ่งถ้าบอกว่าไม่ได้ขับรถเร็ว ประเด็นเรื่องช่วงล่างนี้ผมคิดว่าคุณควรจะใช้รถช่วงล่างหลังคานแข็งมากกว่าด้วยซ้ำ
เพราะชิ้นส่วนไม่เยอะ กินที่ไม่เยอะ ออกแบบให้พื้นที่ฝากระโปรงหลังใหญ่ขึ้นได้ ข้อดีตรงนี้น่าจะนำมาประมวลผลด้วย

3. Altis นั้นถ้าไม่ได้สนออพชั่นมาก ในความเห็นผม ตัว 1.8 ก็น่าใช้แล้วครับ ช่วงล่างนั้นไม่ใช่ว่าไม่ดี มันดี และเหมาะ
กับการใช้งานในประเทศไทยระดับหนึ่ง ยิ่งเวลาบู๊ๆนี่ทำอะไรได้มากกว่าที่คิด เราต้องล้างภาพช่วงล่างของ Altis ปี 2002
ออกไปจากหัวเลยครับ แต่ถามว่าทำไมช่วงล่างถึงไม่เด่น เพราะผมคิดว่า Lancer EX เกาะถนนมั่นคงกว่า แต่กลับนุ่มสบายกว่า
ที่ความเร็วต่ำ

4. CR-V กับ Captiva ผมมีข้อสงสัยว่าคุณมองสองตัวนี้เนื่องจากมองอรรถประโยชน์ในแบบรถทรงกล่องที่บรรทุกของได้มาก
ซึ่งมันเป็นสิ่งที่คุณได้รับจาก NV แต่ถ้าไม่ใช่อย่างที่ผมกล่าวมา ก็คงต้องสำรวจดูว่าเราเลือกใช้รถสูงทรงแบบนี้เพราะอะไร
การออกต่างจังหวัด หากเป็นเส้นทางทั่วๆไปรถเก๋งก็วิ่งได้ ยกเว้นว่าอาชีพของคุณต้องขับรถไปยังที่ที่ถนนสุดจะคาดเดา
และคุณต้องการความสูงใต้ท้องรถมาเป็นตัวช่วย

ถ้าไม่ใช่อย่างนี้..อย่าไปเล่นให้เสียเงิน..รถหนัก ใหญ่ คุณใช้เครื่อง 2.4 ลิตรยังทำให้มันวิ่งดีเท่า Altis 1.8 ไม่ได้เลย
เรื่องกินน้ำมันก็สู้ไม่ได้ ค่าบำรุงรักษา ยางขอบ 17 แก้มหนาก็แพงใช่เล่น ที่สำคัญ ราคาที่ต้องเพิ่มเงินไปอีกอย่างน้อย
200,000 บาทเมื่อเทียบกับรถขนาด C-Segment คันอื่นๆ นั้นไม่ใช่น้อยๆเลย




กระจ่างมากๆ ขอบคุณมากเพราะผมกำลังตัดสินใจตามตัวเลือกแบบนี้เหมือนกัน
ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,154
ผมว่าคุณใช้รถคันเก่าไปก่อนก็ได้ เห็นว่าจะรอโฟกัสใหม่
ถ้าเอาอัตติส 2.0G มาแล้วขายทิ้งก็เสียดายนะ

ออฟไลน์ SignifeR

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,953
  • Impreza Type GDG WRX
    • ร้านหนังสือผ้าสำหรับเด็ก IGGY BOOK
    • อีเมล์
มาร์ชครับ....ดาวน์ 300,000 ผ่อนสองปีเดือนละหลักพัน ค่าน้ำมันก็ถูกกว่าทุกตัวที่กล่าวครับ แถมเคยใช้นิสสันอยู่แล้ว
ก็ใช้นิสสันต่อเลยครับ คุ้มกว่าเห็นๆ ในทุกแงุ่มุมเชียวนะ

ใช้สัก 3-4 ปี ค่อยขาย NV ทิ้งแล้วยกมาร์ชเป็นรถประจำตำแหน่งที่บ้านแทนก็ไม่เสียหายนะ
In Garage Subaru Impreza GDG WRX  y2008 // Nissan March 1.2E y2011

ออฟไลน์ Odrecranon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 398
    • อีเมล์
มาร์ชครับ....ดาวน์ 300,000 ผ่อนสองปีเดือนละหลักพัน ค่าน้ำมันก็ถูกกว่าทุกตัวที่กล่าวครับ แถมเคยใช้นิสสันอยู่แล้ว
ก็ใช้นิสสันต่อเลยครับ คุ้มกว่าเห็นๆ ในทุกแงุ่มุมเชียวนะ

ใช้สัก 3-4 ปี ค่อยขาย NV ทิ้งแล้วยกมาร์ชเป็นรถประจำตำแหน่งที่บ้านแทนก็ไม่เสียหายนะ


ที่จริงผมก็อยากได้แบบนั้น แต่ผมต้องใช้ภาพลักษณ์นิดหน่อยครับ เลยต้องใช้รถที่มันดูน่าเชื่อถือนิดนึงครับ

ออฟไลน์ nonpatan

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 421
    • non-motocycle
    • อีเมล์
งั้นเป็นผมคงเอา Civic  ครับ แล้วพอ ฟอร์ด ตัวใหม่ออกมา ก็ขายทิ้งซะเอา ฟอร์ดใหม่ ถ้ายังเป็นแฟนพันธ์แท้ ฟอร์ดอยู่ครับ เพราะอย่างน้อยก็ชอบรูปทรง Civic

ออฟไลน์ Terng

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,762
เพิ่งจบ ทำงาน อนาคตยังไม่แน่ไม่นอน ถ้าเกิดเปลี่ยนใจเรียนต่อขึ้นมาอีก ฯลฯ

รถน่ะ ถ้าเงินที่บ้านไม่สามารถออกให้ได้ทั้งคัน หรือเหลือให้ผ่อนเกินเดือนละ 5000 นะ

ผมแนะนำให้เก็บออมเงินเอาไว้ใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นที่จำเป็นมากกว่าดีกว่าครับ


ส่วนตัวผมทำงานมาสองปีแล้ว ตอนจบที่บ้านเค้าให้ Altis 1.6G ตัวล่าสุดที่ยังไม่ไมเนอร์เชนจ์เนี่ยแหละ แต่เอาเข้าจริง ผมก็ขับน้อยมากครับ เพราะได้งานที่นั่งรถไฟใต้ดินไปทำงานได้ แต่เจ้าอัลติสรถผมก็ได้ใช้ประโยชน์รับส่งผู้ใหญ่ไปๆมาๆอยู่บ่อยๆเหมือนกันเวลาเสาอาทิตย์

ถ้าจะเอาเพราะจำเป็นจริงๆ แนะนำให้ดูแค่พวก 1.5 1.6 หรืออย่างมาก 1.8 ก็ได้ สำหรับประเภทซีดาน

สำหรับรถ SUV จะเอาไปเพราะมีความจำเป็นจริงๆหรือเปล่าครับ? ถ้ารับได้กับค่าน้ำมันโหดๆ สำหรับคนจบใหม่ ก็อีกเรื่องครับ


ผมแนะนำให้มองเรื่องกำลังซื้อ และความสามารถในการดูแลรักษา และค่าเชื้อเพลิงครับ ซื้อรถคันนึงมันยังมีค่าประกันอีก ปีแรกๆก็มักต้องทำชั้น 1 กัน มีสองหมื่นบวกลบอยู่แล้ว ไหนจะค่าน้ำมัน ค่าดูแลรักษาทั่วไปอีก ถ้าคิดใช้นานๆก็ต้องเคลือบต้องขัดมันบ่อยๆ ป้องกันสีถลอกปอกเปิกป้องกันสนิม ฯลฯ

มีรถ มีแต่ค่าใช้จ่าย

ให้ได้งานก่อนแล้วคิดใหม่...ดีไหมครับ?
=====================
รถที่ใช้เป็นประจำ
2013 Toyota Camry Extremo 2.0
2015 Ford Ranger T6 XLT Open Cab 2.2 MT
2018 Toyota CHR HV Mid
=====================

ออฟไลน์ SignifeR

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,953
  • Impreza Type GDG WRX
    • ร้านหนังสือผ้าสำหรับเด็ก IGGY BOOK
    • อีเมล์
เพิ่งจบ ทำงาน อนาคตยังไม่แน่ไม่นอน ถ้าเกิดเปลี่ยนใจเรียนต่อขึ้นมาอีก ฯลฯ

รถน่ะ ถ้าเงินที่บ้านไม่สามารถออกให้ได้ทั้งคัน หรือเหลือให้ผ่อนเกินเดือนละ 5000 นะ

ผมแนะนำให้เก็บออมเงินเอาไว้ใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นที่จำเป็นมากกว่าดีกว่าครับ


ส่วนตัวผมทำงานมาสองปีแล้ว ตอนจบที่บ้านเค้าให้ Altis 1.6G ตัวล่าสุดที่ยังไม่ไมเนอร์เชนจ์เนี่ยแหละ แต่เอาเข้าจริง ผมก็ขับน้อยมากครับ เพราะได้งานที่นั่งรถไฟใต้ดินไปทำงานได้ แต่เจ้าอัลติสรถผมก็ได้ใช้ประโยชน์รับส่งผู้ใหญ่ไปๆมาๆอยู่บ่อยๆเหมือนกันเวลาเสาอาทิตย์

ถ้าจะเอาเพราะจำเป็นจริงๆ แนะนำให้ดูแค่พวก 1.5 1.6 หรืออย่างมาก 1.8 ก็ได้ สำหรับประเภทซีดาน

สำหรับรถ SUV จะเอาไปเพราะมีความจำเป็นจริงๆหรือเปล่าครับ? ถ้ารับได้กับค่าน้ำมันโหดๆ สำหรับคนจบใหม่ ก็อีกเรื่องครับ


ผมแนะนำให้มองเรื่องกำลังซื้อ และความสามารถในการดูแลรักษา และค่าเชื้อเพลิงครับ ซื้อรถคันนึงมันยังมีค่าประกันอีก ปีแรกๆก็มักต้องทำชั้น 1 กัน มีสองหมื่นบวกลบอยู่แล้ว ไหนจะค่าน้ำมัน ค่าดูแลรักษาทั่วไปอีก ถ้าคิดใช้นานๆก็ต้องเคลือบต้องขัดมันบ่อยๆ ป้องกันสีถลอกปอกเปิกป้องกันสนิม ฯลฯ

มีรถ มีแต่ค่าใช้จ่าย

ให้ได้งานก่อนแล้วคิดใหม่...ดีไหมครับ?

เห็นด้วยมากๆครับ อยากให้เด็กเพิ่งจบเพิ่งทำงาน คิดได้แบบนี้ทุกคนจัง แต่สำหรับความเป็นจริงแล้ว เด็กจบใหม่ทุกคนก็อยากได้รถใหม่ป้ายแดงกันทั้งนั้น
ฉลองทำงาน และในขณะเดียวกัน ฉลองการเป็นหนี้ก้อนโตก้อนแรกของชีวิต....

ผมใช้รถมือสองมาโดยตลอดครับ คันนึงก็สองแสนกว่าบาทใช้ไปซ่อมไปเพิ่งจะมีรถใหม่ป้ายแดงก็อายุ 26 นี่แหละครับ ( ทำงานมาแล้วประมาณ 4-5 ปี )
ก็เริ่มรู้จักหนี้ก้อนแรกของชีวิตเช่นกัน และ ปีนี้อายุ 30 ก็ฉลองการเป็นหนี้ก้อนใหม่อีกล้านกว่าบาทกับเจ้าอิมเพรสซ่าที่ถอยมีเนี่ยหละ
มีแต่เรื่องเสียเงินทั้งนั้นนะ

ต่อคำถามที่ว่า ภาพลักษณ์
จริงๆแล้ว ภาพลักษณ์คืออะไร ? คุณต้องมาตอบคำุถามนี้ก่อน ถ้าคุณต้องการใช้รถเพื่อภาพลักษณ์นะครับ ไปหา BMW มือสองที่ยังติด BSI ขับไปเลยไม่ดีหรอครับ หล่อกว่า หรูกว่า มีภาพลักษณ์ที่ดีกว่า แบบนั้นหรือเปล่า หรือ....

ภาพลักษณ์ของคุณเพื่อความโก้เก๋ เท่ห์หล่อระเบิด ไม่ต้องเสียเวลาดูรถพวกนี้หรอกครับ หาพวกรถแนวๆไปเลย ถ้างั้น

หรือต้องการให้ดูมีความน่าเชื่อถือ สุขุม เรียบร้อย ข้ามไอ้รถกลุ่มที่ว่ามาทั้งหมดแล้วไปหาเทียน่าขับเลยดีกว่าครับ เอาตัว 2.0 ก็ได้ล้านต้นๆไม่ดีกว่าหรอครับ
เพราะไอ้กลุ่มที่คุณว่าๆ มานั่นนะ มันไม่ใช่จะทำให้ภาพลักษณ์อะไรคุณดูดีขึ้นเลยจริงๆนะ มันก็คือรถตลาดๆ บ้านๆ คันหนึ่งในความคิดผมนะครับ

อยากมีภาพลักษณ์ต้องแลกกับอะไรบ้างหล่ะครับ และทำไปเพื่ออะไร งานอะไรก็ตาม รถมันไม่ใช่ประเด็นเลยนะ ให้ตายสิ!!!
คุณรู้มั๊ยครับว่าเจ้าของตึกใบหยกทาวเวอร์ัขับรถอะไร ? โตโยต้า โคโรน่าหน้ายิ้มครับ...ขับไปตึกทุกวัน...ทั้งๆที่มีรถมากมายในโรงจอดรถ

จะบอกว่ารถไม่ได้ช่วยยกระดับภาพลักษณ์อะไรในตัวคุณเลยครับ ข้อสำคัญคือ การทำงานของคุณที่มีความตั้งใจ ขยัน อดทน และจริงใจต่อทุกคน
นั่นคือภาพลักษณ์ที่แท้จริงนะครับ  คุณอย่าหลงกับวัตถุครับ มันไม่ใช่เลย 

อย่าเอาข้อนี้มาอ้างเลยครับ มันฟังไม่ขึ้นหรอกจะบอกให้

In Garage Subaru Impreza GDG WRX  y2008 // Nissan March 1.2E y2011

ออฟไลน์ NineKlao

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,907
  • ชีวิตไม่ได้เป็นดังที่คิด ก็มันคือชีวิตนี่
ขออีกคน ครับ ภาพลักษณ์ >:(   

คุณเอาไป แล้วมันช่วยคุณได้เปล่า ถ้าได้ ก็มอง BMW , Benz ครับ

มือสองราคา ไม่ถึงล้านก็มี อย่าง E46 นี้ เจ็ดแสนก็ได้แล้ว ภาพลักษณ์ดีกว่า รถที่คุณเลือกเยอะครับ

และขับออกตจว. แบบสบาย ถ้าไม่เหยี่ยบอย่างที่คุณว่า 120 มันก็ประหยัดพอสมควร และได้ภาพลักษณ์ที่คุณอย่างได้

แต่กินไม่ได้ด้วยครับ

จริงๆ คำตอบมัน ง่ายๆ น่ะครับ ชอบคันไหนซื้อคันนั้นครับ

ออฟไลน์ patzahut

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,091
ต่างคนต่างคิดนะครับ

ผมจบใหม่เหมือนกัน แต่ขอ Lancer E Car จากที่บ้านมาใช้ โดยโยน Lancer EX คันใหม่ให้ที่บ้านไป    แต่จริงๆแล้ว ที่บ้านอยากยัด EX มาให้ผมใช้มากกว่า  แต่ที่บ้านผมคนเยอะ แล้วก็มีคุณย่าด้วย เราควรให้เค้านั่งรถใหม่ คันใหญ่ขึ้น แต่ถ้าพูดถึงความนุ่ม E Car กับ EX นี่ก็กินกันไม่ลงครับ แล้วแต่ช่วงความเร็ว เพราะทั้งคู่แก้มยางค่อนข้างหนาเหมือนกัน (จึงไม่นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นว่าใครจะใช้คันไหน แต่เอามาเป็นประเด็นในการเลือกซื้อรถตั้งแต่แรก )

ถ้าให้ผมเดา คุณ Odrecranon  เป็นคนที่อยากได้รถดีๆทีเดียวจบ ราคาไม่เกี่ยง เพราะไม่กะขายต่อ  พูดง่ายๆ ซื้อของดีของแพงไปเลยชิ้นเดียว  แต่ถ้าซื้อแล้ว ผมก็ไม่อยากให้ขาย เพื่อออก New Focus 2012 นะครับ  เพราะขายรถในสภาพที่ยังใหม่ มันน่าเสียดาย ราคาฮวบไปเยอะเลยหละ

ไม่เกิน 120 ผมว่ารถสมัยนี้มันก็เอาอยู่นะที่ความเร็วนี้  แต่ ถ้าชอบ 140 ขึ้น อาจจะต้องเฉพาะคันแล้วหละ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าภาพลักษณ์มันมีส่วนช่วยในการทำงานก็ต้องซื้อครับ

ผมเคยฟังคุณวิกรม เล่าให้ฟัง ว่าสมัยหนุ่ม ๆ ซื้อเบนซ์มา แล้วเอาไปรับลูกค้า ทำให้ลูกค้ามั่นใจ อันนี้น่าซื้อครับ

แต่ถ้าซื้อรถภาพลักษณ์ดี ๆ แต่เอาอวดเพื่อน ๆ คุยโอ่บนโต๊ะกินเหล้า จบกันครับ มันก็แค่นั้น

คิดว่าเจ้าของกระทู้คงรู้ดี

แต่ ผมไม่เห็นว่ารถที่คุณว่ามาภาพลักษณ์อะไรต่างกับ March นะ ถ้าเรื่องขับทางไกล March น่าจะ (ผมยังไม่ได้ขับ) เหนื่อยกว่าอันนี้พอเป็นไปได้

ออฟไลน์ Odrecranon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 398
    • อีเมล์
ที่จริงผมก็เห็นด้วยนะครับ แต่ที่ผมบอกว่าภาพลักษณ์ เพราะว่าผมเป็นหมอ ถ้าจะให้ขับรถขนาด march เวลาไปประชุม มันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่  ผมเลยอยากได้รถที่มันไม่ได้ถึงกับหรู มาก แต่ไม่อยากโดนเอาไปนินทานะครับ อันที่จริงเรื่องรถ มันมีความจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องซื้อ เพราะเมื่อผมออกไปทำงานข้างนอก รถที่หมดใช้ในบ้านจะเหลือคันเดียว ซึ่งเหลือแม่กับน้องที่ต้องใช้รถครับ น้องผมก็กลับดึกบ่อย ๆ เพราะเรียนหนัก แม่ไปรับไปส่งไม่ไหว เลยมีความจำเป็นจะต้องซื้ออีกคันครับ ผมเลยอยากถามความเห็นเฉย ๆ ครับ เพื่อช่วยในการตัดสินใจ ไม่ได้ต้องการมาอวดอะไรเลยจริง ๆ นะครับ เพราะผมต้องรีบใช้ปีหน้า กลัวว่าจะจองรถแล้วต้องรอนาน จะได้ไม่ทัน มันจะลำบาก

แต่ถ้าตัดสินใจไม่ได้ ผมก็คงต้องให้ที่บ้านไปรับไปส่ง แต่มันไม่สะดวกเลยครับ
ผมได้คุยกับที่บ้านมาหลายเดือนแล้ว มีความจำเป็นต้องซื้อจริงครับ ตอนนี้อยู่ที่ว่า คันไหน เท่านั้น เพราะเลือกกันไม่ได้ครับ
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 15, 2010, 11:53:21 โดย Odrecranon »

ออฟไลน์ LimitedEdition

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,410
ขอตอบสามเรื่องครับ

1.เรื่องซื้อบางคันแล้วจะนำมาขายต่อเพื่อไปถอย Focus ตัวใหม่
อันนี้อย่าทำเลยครับ เสียเงินสองต่อโดยเปล่าประโยชน์ อย่าไปคิดว่ารถราคาไม่ตกมากขายทิ้งไปก็คงไม่เท่าไหร่ เวลาเต้นท์รถซื้อเข้ามันไม่ได้ราคาสวยหรูแบบที่เราดูจาก one2car หรือราคาหน้าเต้นท์นะครับ อย่างน้อยถ้าออก Altis 1.8 ราคา 9 แสนกว่าบาท เวลาขายก็มีรับกันที่ 7 แสนกว่าหรือต่ำกว่านั้นขึ้นอยู่กับระยะทางที่ใช้ไป ยิ่งคุณออกต่างจังหวัดเป็นประจำด้วย ค่าเสื่อมราคามันก็ยิ่งเยอะเป็นทวีคูณ คิดง่ายง่ายเหมือนกับคุณเอาเงินดาวน์ที่ที่บ้านช่วยเหลือมาโยนทิ้งไปเกินครึ่ง แล้วยังต้องผ่อนต่อเพิ่มอีก ไม่คุ้มหรอกครับ ถ้าอยากได้ Focus จริงจริงก็รอครับ ถ้ารอไม่ได้แล้วจำเป็นต้องใช้รถก็ต้องจำใจครับ บางทีเราก็ไม่สามารถเลือกในสิ่งที่เราถูกใจมากที่สุดด้วยเงื่อนไขหลายหลายอย่าง

2.เรื่องภาพลักษณ์
ผมไม่แน่ใจว่าหมายถึงอะไร แต่เท่าที่ผมทำงานมาหลายปีก็ไม่ได้เห็นว่าการขับรถสองยี่ห้อที่ต่างกันจะมีผลกับหน้าที่การงานของใครอย่างมีนัยสำคัญ ผมอาจจะผิดก็ได้ แต่ผมคิดว่าภาพลักษณ์ในสายตาคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้รู้เรื่องรถ ก็น่าจะเป็นแบรนด์ยอดนิยมเช่น Honda, Toyota, หรือไม่ก็รถยุโรปเช่น BMW, Benz แต่ไม่ใช่รถ Mazda, Ford, หรือรถตราโบทองอย่าง Chevrolet ครับ ถ้าคิดเรื่องนี้แล้วตัวเลือกทั้งหมดก็หายไปเหลือแค่ Civic กับ Altis เท่านั้น คำถามคือ แล้วถ้าขับ Altis คนที่เค้าวัดคุณจากยี่ห้อรถที่คุณขับ จะหาว่าคุณขับรถแท็กซี่หรือรถเช่ามั้ย

3.เรียนกำลังจะจบ
บางท่านอาจจะเรียนจบปั๊บรับเงินเดือนหลักแสน บางท่านรับหลักหมื่นต่างกันไป แต่อยากให้ช่ังใจดีดีครับ ว่าเรามีความจำเป็นที่จะต้องใช้รถขนาดใหญ่อย่าง SUV หรือไม่ วิ่งต่างจังหวัดทีกินน้ำมันคนละเรื่องกับรถเก๋ง C-Segment ค่าบำรุงรักษา ราคารถตอนออกใหม่ และค่าใช้จ่ายอื่นอื่นมันก็เพิ่มเป็นทวีคูณขึ้นไป หากไม่ได้มีความจำเป็นจริงจริง แล้วรถคันนี้ซื้อมาเพื่อ "ใช้งาน" ผมอยากให้มองและเลือกซื้อให้ถูกต้องกับวัตถุประสงค์มากกว่า ยกเว้นว่าจะเป็นรถคันเดียวที่ต้องใช้ทุกสถานการณ์เลยมอง SUV ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วก็คงต้องตัดตัวเลือกรถเก๋งทิ้งไป

ลองคิดดูดีดีครับ

ออฟไลน์ LimitedEdition

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,410
ที่จริงผมก็กเห็นตด้วยนะครับ แต่ที่ผมบอกว่าภาพลักษณ์ เพราะว่าผมเป็นแพทย์ ถ้าจะให้ขับรถขนาด march เวลาไปประชุม มันจะถูกนินทาได้นะครับ ขนาดผมขับ nv ยังถูกพยาบาลนินทา ว่าฉันยังขับรถดีกว่าหมออีก ผมเลยอยากได้รถที่มันไม่ได้ถึงกับหรู มาก แต่ไม่อยากโดนเอาไปนินทานะครับ ว


ถ้าเป็นอย่างนั้นผมจะบอกว่า คุณขับรถอะไรไปก็ถูกนินทาครับ
คนจะนินทามันจะหาเรื่องอะไรมานินทาก็ได้ แล้วผมคิดว่าคุณค่าของการเป็นแพทย์ไม่ได้วัดจากการที่คุณถูกพยาบาลนินทาหรือไม่ แต่มันมาจากจรรยาบรรณ ความขยันหมั่นเพียร และความตั้งใจจริงของคุณมากกว่า เรื่องนินทามันไม่ได้มีสาระสำคัญอะไรที่ทำให้เราควรจะตัดสินใจเสียเงินเสียทองมากมาย เพียงเพราะจะตอบสนองลมปากของคนรอบข้างเราหรอกนะครับ

อย่างนี้หากวันนึงมีพยาบาลใหม่เข้ามาแล้วขับ ซีคลาส
คุณไม่ต้องระวิงขายรถคันใหม่ของคุณทิ้งแล้วไปถอย อีคลาส มาหรือครับ

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วซึ่ง มากๆครับกับทุกค.เห็น ผมก็รุ่นเดียวกับ จขกท. แต่ทำงานมาแล้ว สัก2-3 ปีก็เข้าใจ
ตัวเองก็อยากเปลี่ยนรถเหมือนกันแต่คงเลือก Eco car ครับ ทั้งที่ใจจริงชอบ MU-7 มากๆ
แต่ก็แบบเหตุผลที่พี่ๆทุกท่านบอกก็ถูกมากครับ

ออฟไลน์ Odrecranon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 398
    • อีเมล์
ที่จริงมันก็ไม่ได้ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ที่จริงเรื่องนี้ไม่ควรเอามาเปรียบเทียบครับ เพราะมันจะเป็นปัญหา ผมจะขออนุญาติลบนะครับ
ผมเข้าใจที่คุณแนะนำครับ ผมก็คิดอยู่ว่ามันมากเกินไปไหมที่ผมซื้อรถขนาดนั้น
เพราะเวลาเราดูตารางผ่อน มันเพิ่มอีกนิด เพิ่มอีกนิด จนมันกลายเป็นรถรุ่นที่อาจจะมากเกินตัวครับ

ปล. ที่จริงเรื่อง Teana 2.0 เป็นตัวเลือกแรกนะครับ แต่พอไปขับแล้ว มันดูใหญ่ไปสำหรับผม เลยลดขนาดลงเป็น C-Segment ครับ
เรื่องจบใหม่อยากได้รถใหม่ ผมว่าทุกคนอยากได้ บางคนจำเป็น และไม่จำเป็น มันเหมือนเป็นรางวัลที่เราเรียนจบนะครับ  สำหรับผม ไม่ได้ถึงกับจำเป็นมาก แต่ ถ้ามี ก็จะทำให้สะดวกมากขึ้นครับ เพราะต้องไป ๆ มา ๆ บ้านตลอด

ผมขอระบายนิดนึงนะครับ เรื่องที่เราโดนนินทา บางครั้งมันก็มากจนเกินไปครับ บางครั้งผมก็อยากจะเอาชนะ ให้มันจบไปเลยนะครับ
ผมรู้ว่ามันไม่ถูก ไม่คุ้มที่จะทำ แต่ลึก ๆ มันก็ไม่รู้จะระบายยังไงครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 15, 2010, 11:59:12 โดย Odrecranon »

ออฟไลน์ prai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,154
ที่จริงมันก็ไม่ได้ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ที่จริงเรื่องนี้ไม่ควรเอามาเปรียบเทียบครับ เพราะมันจะเป็นปัญหา ผมจะขออนุญาติลบนะครับ
ผมเข้าใจที่คุณแนะนำครับ ผมก็คิดอยู่ว่ามันมากเกินไปไหมที่ผมซื้อรถขนาดนั้น
เพราะเวลาเราดูตารางผ่อน มันเพิ่มอีกนิด เพิ่มอีกนิด จนมันกลายเป็นรถรุ่นที่อาจจะมากเกินตัวครับ

ปล. ที่จริงเรื่อง Teana 2.0 เป็นตัวเลือกแรกนะครับ แต่พอไปขับแล้ว มันดูใหญ่ไปสำหรับผม เลยลดขนาดลงเป็น C-Segment ครับ
เรื่องจบใหม่อยากได้รถใหม่ ผมว่าทุกคนอยากได้ บางคนจำเป็น และไม่จำเป็น มันเหมือนเป็นรางวัลที่เราเรียนจบนะครับ  สำหรับผม ไม่ได้ถึงกับจำเป็นมาก แต่ ถ้ามี ก็จะทำให้สะดวกมากขึ้นครับ เพราะต้องไป ๆ มา ๆ บ้านตลอด

ผมขอระบายนิดนึงนะครับ เรื่องที่เราโดนนินทา บางครั้งมันก็มากจนเกินไปครับ บางครั้งผมก็อยากจะเอาชนะ ให้มันจบไปเลยนะครับ
ผมรู้ว่ามันไม่ถูก ไม่คุ้มที่จะทำ แต่ลึก ๆ มันก็ไม่รู้จะระบายยังไงครับ
โอเค ครับ ผมเข้าใจคุณนะ เพราะที่นี่คือประเทศไทย ที่เกือบทุกคนต้องรักษาภาพลักษณ์
จนลืมว่าตัวเองนั้นเกิดมาจากตรงไหน งั้นคุณก็ซื้อสิ่งใช่ สิ่งที่ชอบไปเลยครับ
จะได้มีความสุขเวลาอยู่กับมัน อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยแต่ NV ไม่เหมาะ จริงๆ นะ

ออฟไลน์ rchai24

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 55
    • อีเมล์
ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ..

เลือกที่ชอบเลยครับ สมรรถนะรถเดี๋ยวนี้ ไม่หนีกันเท่าไร..
แนะนำอย่าเลือกเพราะโดนดูถูกครับ ไม่งั้นทุกครั้งที่จับพวงมาลัย คงนึกถึงหน้าคนเหล่านั้น.. เลือกเพราะคนที่เรารักหรือเพราะตัวเราเองน่าจะดีกว่า..

ส่วนตัวผม ขับรถเก่ามา 11 ปี (COROLLA HITORQ 1.8) นี่ก็อยู่ระหว่างรอถอยใหม่เหมือนกัน (CAPTY) จองไปในงาน MOTOR EXPO ที่ผ่านมา
ไม่ได้เลือกเพราะสมรรถนะมากมายเท่าไร เพราะที่ดูๆมาก็ต่างกันไม่มากเท่าไร เลือกเพราะ..
1. อยากให้คนที่เรารัก นั่งสบายๆ ไปไหนมาไหนได้ทั้งครอบครัว (7 ชีวิต+ ลูกน้อยอีกคน) และใช้ทำงานด้วย
2. มีปัญญาดูแลไหว..ประมาณนี้ มีอีกหลายรุ่นที่ชอบมากกว่านี้ แต่ดูแลตึงมือเกินไป
3. ชอบ..

เวลานึกถึงทีไร จะนึกถึงภาพครอบครัวนั่งกันพร้อมหน้า ไปเที่ยวด้วยกันตลอด.. ผมว่ามีความสุขไปอีกแบบ..

อยากแนะนำให้เลือกเพราะ..รัก และดูแลไหว นะครับ จะได้มีความสุขระหว่างดูแลไปด้วย

คำแนะนำส่วนตัวนะครับ อย่าคิดมาก.. ใจเย็นๆ ค่อยๆคิด..
ไงก็ขอให้ได้รถถูกใจ และยินดีล่วงหน้ากับคุณหมอคนใหม่นะครับ

สู้ๆ ครับ
(^^")

ออฟไลน์ buggle01

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 246
สวัสดีครับพี่หมอ ผมก็เป็น นศพ. อยู่ครับ ขออนุญาตเรียกพี่นะครับ
จริงๆที่อ่านมาแล้วผมเข้าใจพี่นะครับ เห็นภาพครับ แต่ว่าอย่างว่าครับผมว่าต่างคนต่างความคิด
โดยส่วนตัวผมว่า ถ้าพี่คิดว่าจะเรียนต่อในอีกไม่กี่ปี ก็เท่ากับว่าจะไม่ได้ใช้รถเยอะเท่าไหร่นะครับ
การออกรถก็ใช้เงินพอสมควร ต่อให้เราจะมีก็เถอะครับ

ด้วยเหตุนี้เอง ตอนนี้ผมเรียนอยู่ ที่บ้านก็อยากให้ออกรถ
ถามว่าอยากมีมั้ย ก็ตอบครับว่าอยาก แต่พอนึกถึงความจำเป็นแล้ว เลยคิดได้ว่า
ถ้าไม่มีมันก็ไม่เป็นภาระไปอย่างนึง ยิ่งเรียนคลินิค ก็ไม่ได้ไปไหน ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองคิดถูก
เหนื่อยก็แท็กซี่เอาครับ

แต่ในกรณีของพี่หมอที่ต้องไปทำงานต่างจังหวัด ความจำเป็นก็ต่างกับผม
ผมว่ารถเล็กสมัยนี้ก็เท่ห์ไม่เบานะครับ อย่างเฟียสต้า ขับดีใช้ได้ครับ แถมหล่อพอตัวเลย
ใช้จนพัง 7ปี แ้ล้วเรียนต่อจบ จะออกรถใหม่สักคันเป็นรางวัลตอนนั้นผมว่าก็ยังไหวนะครับ

เห็นในพันทิป ก็มีคนรีวิว เฟียสต้าตัวท๊อป ก็เป็นหมอจบใหม่เหมือนกันครับ

ออฟไลน์ liveshow

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,751
  • รถไม่แรงแต่แซงยาก
ผมแนะนำนะครับ ถ้าสามารถจะซื้อ Focus ได้ ลองไปดู Im แบบคุณ SignifeR ดีไหมครับ งานนี้พยาบาลคงขึ้นมานั่งกับคุณเลยแหละครับ ตัวเลือกที่คุณเลือกมาอะมันเด็กๆเลยครับ เอา FD  AE140 หรือ CY2A หรือ Focus คนทั่วไปขับกัน
ก็แค่คนธรรมดา ไม่ลองก็ไม่รู้

ออฟไลน์ NineKlao

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,907
  • ชีวิตไม่ได้เป็นดังที่คิด ก็มันคือชีวิตนี่
ถ้าเป็นหมอก็บอกได้ หน่อยครับ เพราะผมเจอหมอมาเยอะ เจอเพราะแฟนเป็นผู้แทนยา

รถที่หมอใช้ ไม่แสดงถึงภาพลักษณ์ของหมอเลยครับ

หมอบางคนรวยอยู่แล้ว จบใหม่ๆ ขับBMW Benz ก็มีครับ

ผมเคยถามว่าพี่ซื้อคันนี้เพราะอะไร หลายท่านตอบว่า ก็ทำงานตรงนี้แล้วมีช่วงทาง

ที่สามารถสนองความต้องการของเขาได้ เขาเลยซื้อรถคันนั้น บางครั้งก็เห็นรถเพื่อนหมอด้วยกัน

ก็ซื้อตามก็มี ความสามารถผ่อนหรือซ่อมมันได้   บางคนซื้อ Altic Civic เพราะเห็นว่าประหยัดน้ำมัน

ซ่อมง่ายๆ อะไหล่หาง่ายก็มี   บางคนซื้อ Focus เพราะ เห็นว่าผ่อนไม่ดอก ไม่ต้องใช้เงินดาว์ ก็มี

(หมายเหตุ อาชีพหมอเป็นอาชีพที่ ไฟแนนท์ชอบปล่อยโปรพวก ผ่อนน้อย ดาว์ไม่ต้องครับ)

ผมก็เลยอยากให้คุณหมอดูว่า คุณชอบคันไหน ซื้อคันนั้นครับ จะรถมือหนึ่ง หรือมือสองก็ได้

เอาที่คุณชอบ แล้วคุณจะมีความสุขกับรถที่คุณเลือก และซื้อใช้ครับ


จบน่ะ  8)

ออฟไลน์ Pasakorndvm

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,310
คุณหมอครับ เท่าที่ได้ข้อมูลจากคุณหมอมา ผมว่าเหมาะที่สุดคือ อัสติส แต่แค่ 1.8 ก็พอ
ถึงภาพลักษณ์จะกลาง ๆ เท่าที่ลองขับการใช้งานก็ดีครับ ข้างในก็กว้าง อาจนั่งไม่สบายเท่ายี่ห้ออื่น
แต่การขับขี่ จากอัตราเร่งถือว่าดี และก็ประหยัดเชื้อเพลิงด้วยครับ

อนึ่ง ผมขออนุญาตบอร์ดนี้เล่าเรื่องบางส่วนเกี่ยวกับตัวผม
ผมจบสัตวแพทย์มาอยู่ในธุรกิจยาสัตว์มาก็เกือบจะครบ  6 ปี (ขับรถเดือนละ ~4,000 กม.มาตลอด) โดนค่อนขอดเรื่องรถประจำ
ทุกวันนี้ใช้ยาริส (ทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยชอบพี่โต) เพราะเมียซื้อแต่ไม่มีปัญญาผ่อนเอง
 ผมก็แฮปปี้ดี เนื่องจากรถเล็กประหยัดค่าน้ำมัน การบำรุงรักษา และส่วนหนึ่งจากรายได้ที่เกินรายจ่ายมาไม่มากด้วย
ทุกวันนี้ยังโดนหัวหน้า(จบสัตวบาล)แซวว่าหมอใช้รถอะไรไม่เหมาะสมกับฐานะเลย
ทำไมไม่ใช้เบาะหนัง (รถผมเป็นเบาะผ้าน่ะครับ) ที่ทำงานก็บ่นบ้าง แซวบ้าง ด่าบ้างเป็นประจำ
ที่ทำงานเก่าก็บอกว่ายาริสโดนสิบล้อสอยก็เหมือนกระดาษ หมอเปลี่ยนเถอะ แบบนี้เกือบทุกวัน
สิทธิ์ของเขาน่ะครับ

ผมก็รู้่ว่าคนที่ถามผมนั้นส่วนใหญ่ก็ไม่มีเงินเก็บ เ่ช่าห้องอยู่บ้าง อยู่อาศัยกับพ่อแม่ ใช้เงินพ่อแม่อยู่เลย
แต่ผมสามารถผ่อนบ้านที่ซื้อเองได้ตั้งแต่อายุ 26  ลูกเมียกินดี อยู่ดี ใช้ของดีที่สุดเสมอ
และมีแผนที่จะสร้างทรัพย์สิน (สิ่งที่ก่อใ้ห้เกิดรายได้เพิ่มเติม) อื่น ๆ ตามควร  ถ้ารายได้หักรายจ่ายเหลือ
เยอะเมื่อไหร่ผมก็อาจจะเปลี่ยนรถให้ใหญ่ขึ้นครับ แต่ตอนนี้ก็พอใจที่ผมมีอยู่แล้ว

 
'19 Honda Civic EL

ออฟไลน์ 1212312121

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 150
สำหรับผม ผมว่า แค่เป็นหมอจบใหม่ นี่ภาพก้อโอแล้วคับ ขับอะไรก้อดูดีครับ

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
บอกตามตรงว่า  อันนี้เ็ป็นความรู้สึกผมเองนะครับ ถ้ามีหมอสงคน คนนึงขับ 520d กับอีกคน ขับ สามห่วงมา แล้วตัวหมอเองไ่ม่ต่างกันนัก ผมจะรู้สึกดีกับคนที่ขับสามห่วงมากกว่า เพราะผมมักรู้สึกว่า หมอจบใหม่หลายๆคนไม่ค่อยได้เรื่องเลย ยิ่งเห็นรถหรูๆยิ่งรู้สึกแอนตี้ ว่า ขับรถสมฐานะ แต่ทำตัวไม่สมอาชีพเลย เพราะสองปีที่ผ่านมา เวลาผมไปหาหมอ หรือไปเป็นเพื่อนกับเพื่อนคนอื่น ที่รพ.เอกชน ไม่เคยสักครั้งเดียวที่หมอวินิจฉัยได้ตรงจุดในครั้งแรก ตอนผมเป็นไส้ติ่ง หมอหนุ่มมาก จับม X-Ray 2รอบ อัลตร้าซาวน์รอบนึง ให้นอนดูอาการคืนนึง สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร มาบอกผมว่า"ขอลองผ่าดู" ซะงั้น สุดท้ายก็ไปจบกับหมอมีอายุ ที่ขับเบนซ์เก่าๆ คันนึง ซึ่งเขาจิ้มท้องดูสีหน้าผมก็ส่งผมเข้าห้องผ่าตัด และ่ผ่าเสร็จด้วยเวลา 18 นาที กับแผลนิดเดียว แถมคุยสนุกตอนผ่าอีกด้วยครับ

ไม่ได้ว่าอาชีพหมอนะครับ อาชีพอื่นก็เหมือนกัน ผมเรียนอยู่ปี3 ผมก็รู้สึกเหมือนกันว่า เพื่อนๆหลายคน ที่เรียนวิดวะด้วยกัน ไม่ได้มีความรู้อะไรเลย รู้งูๆปลาๆ ไม่รู้อะไรจริงซักอย่าง ดีแต่คุยขโมงโฉงเฉง เข้าเรื่องวิชาการจริงๆ อ้ำๆอึ้งๆกันหมดเหมือนกัน

ออฟไลน์ pon

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 34
คุณหมอครับ เท่าที่ได้ข้อมูลจากคุณหมอมา ผมว่าเหมาะที่สุดคือ อัสติส แต่แค่ 1.8 ก็พอ
ถึงภาพลักษณ์จะกลาง ๆ เท่าที่ลองขับการใช้งานก็ดีครับ ข้างในก็กว้าง อาจนั่งไม่สบายเท่ายี่ห้ออื่น
แต่การขับขี่ จากอัตราเร่งถือว่าดี และก็ประหยัดเชื้อเพลิงด้วยครับ

อนึ่ง ผมขออนุญาตบอร์ดนี้เล่าเรื่องบางส่วนเกี่ยวกับตัวผม
ผมจบสัตวแพทย์มาอยู่ในธุรกิจยาสัตว์มาก็เกือบจะครบ  6 ปี (ขับรถเดือนละ ~4,000 กม.มาตลอด) โดนค่อนขอดเรื่องรถประจำ
ทุกวันนี้ใช้ยาริส (ทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยชอบพี่โต) เพราะเมียซื้อแต่ไม่มีปัญญาผ่อนเอง
 ผมก็แฮปปี้ดี เนื่องจากรถเล็กประหยัดค่าน้ำมัน การบำรุงรักษา และส่วนหนึ่งจากรายได้ที่เกินรายจ่ายมาไม่มากด้วย
ทุกวันนี้ยังโดนหัวหน้า(จบสัตวบาล)แซวว่าหมอใช้รถอะไรไม่เหมาะสมกับฐานะเลย
ทำไมไม่ใช้เบาะหนัง (รถผมเป็นเบาะผ้าน่ะครับ) ที่ทำงานก็บ่นบ้าง แซวบ้าง ด่าบ้างเป็นประจำ
ที่ทำงานเก่าก็บอกว่ายาริสโดนสิบล้อสอยก็เหมือนกระดาษ หมอเปลี่ยนเถอะ แบบนี้เกือบทุกวัน
สิทธิ์ของเขาน่ะครับ

ผมก็รู้่ว่าคนที่ถามผมนั้นส่วนใหญ่ก็ไม่มีเงินเก็บ เ่ช่าห้องอยู่บ้าง อยู่อาศัยกับพ่อแม่ ใช้เงินพ่อแม่อยู่เลย
แต่ผมสามารถผ่อนบ้านที่ซื้อเองได้ตั้งแต่อายุ 26  ลูกเมียกินดี อยู่ดี ใช้ของดีที่สุดเสมอ
และมีแผนที่จะสร้างทรัพย์สิน (สิ่งที่ก่อใ้ห้เกิดรายได้เพิ่มเติม) อื่น ๆ ตามควร  ถ้ารายได้หักรายจ่ายเหลือ
เยอะเมื่อไหร่ผมก็อาจจะเปลี่ยนรถให้ใหญ่ขึ้นครับ แต่ตอนนี้ก็พอใจที่ผมมีอยู่แล้ว

 

เห็นด้วยนะครับ เรื่องคำพูดคนอื่นๆอย่าไปใส่ใจมากครับ
เขาพูดแล้วก็หายไปในอากาศ แต่สิ่งที่อยู่กับเราและทำให้เราสุขใจหรือทุกข์ก็คือความจริงเรื่องการเงิน เรื่องความสะดวกสบาย และเรื่องอื่นๆ

คนอื่นเขาไม่ได้มาช่วยอะไรเราสักหน่อย เขาจะค่อนขอดหรือนินทามันก็เรื่องของเขา ถ้าเรารู้ว่าสิ่งที่เขาแซวมันไร้สาระก็ไม่เห็นจะจำเป็นอะไรต้องเก็บมาอยู่ในใจ
เพื่อนร่วมงานผมก็มีที่ชอบแซว เพราะผมยังขับรถมือสองอายุ10กว่าปี ก็มีบางคนชอบแซวว่าทำไมไม่ขับรถให้สมฐานะหน่อย เปลี่ยนรถได้แล้วอะไรทำนองนี้
ซึ่งที่คนที่แซวก็ซื้อและใช้รถแค่4-5ปีก็เปลี่ยนใหม่ ก็โอเคถ้าเขาเป็นคนชอบรถ แต่มันดูจะไม่ค่อยโอเคเมื่อเขาต้องคอยขอกู้สหกรณ์
ขอเพื่อนร่วมงานมาช่วยค้ำการกู้ให้ หรือบางทีเงินช็อตก็ต้องออกปากขอยืมหัวหน้า ฯลฯ

แต่กรณีของคุณหมอ ผมคิดว่าคงไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน ก็ซื้อคันที่ชอบไปเลยครับ ยิ่งทำงานตจว.ด้วยถือว่ารถกลายเป็นสิ่งจำเป็นขึ้นมาเลยครับ
สมรรถนะไม่น่าจะต่างกันมากจากที่บอกว่าขับไม่เร็ว ชอบรูปร่างภายนอกก็เอาคันที่ชอบนั้น ชอบความสบายก็เอาคันที่ชอบนั้น
ลึกๆแล้วมันไม่น่าจะต่างกันมากจนต้องคิดมากเท่าไรแล้วหากไม่ต้องคิดถึงเรื่องคุ้มหรือไม่คุ้มเทียบกับสิ่งที่ตัวเองต้องการ

ส่วนเรื่องภาพลักษณ์ หากใช้รถเล็กรถเก่าอาจจะมีบางคนค่อนแคะนินทา แต่ผมเชื่อว่าหมอผู้ใหญ่ หัวหน้าหมอ หรือหมอรุ่นพี่คนอื่นๆเขาจะมองคุณดีเสียอีกที่ใช้รถอะไรที่เหมาะกับตัวเอง ก็ต้องลองพิจารณาดูครับระหว่างภาพลักษณ์ในสายตาเพื่อนร่วมงานใกล้เคียงกันหรือพยาบาล กับภาพลักษณ์จากหัวหน้า/เจ้านาย
แบบไหนที่เราควรจะให้ความสำคัญกว่าถ้าต้องเอาเรื่องภาพลักษณ์มาช่วยตัดสินใจ  :)

ออฟไลน์ Odrecranon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 398
    • อีเมล์
บอกตามตรงว่า  อันนี้เ็ป็นความรู้สึกผมเองนะครับ ถ้ามีหมอสงคน คนนึงขับ 520d กับอีกคน ขับ สามห่วงมา แล้วตัวหมอเองไ่ม่ต่างกันนัก ผมจะรู้สึกดีกับคนที่ขับสามห่วงมากกว่า เพราะผมมักรู้สึกว่า หมอจบใหม่หลายๆคนไม่ค่อยได้เรื่องเลย ยิ่งเห็นรถหรูๆยิ่งรู้สึกแอนตี้ ว่า ขับรถสมฐานะ แต่ทำตัวไม่สมอาชีพเลย เพราะสองปีที่ผ่านมา เวลาผมไปหาหมอ หรือไปเป็นเพื่อนกับเพื่อนคนอื่น ที่รพ.เอกชน ไม่เคยสักครั้งเดียวที่หมอวินิจฉัยได้ตรงจุดในครั้งแรก ตอนผมเป็นไส้ติ่ง หมอหนุ่มมาก จับม X-Ray 2รอบ อัลตร้าซาวน์รอบนึง ให้นอนดูอาการคืนนึง สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร มาบอกผมว่า"ขอลองผ่าดู" ซะงั้น สุดท้ายก็ไปจบกับหมอมีอายุ ที่ขับเบนซ์เก่าๆ คันนึง ซึ่งเขาจิ้มท้องดูสีหน้าผมก็ส่งผมเข้าห้องผ่าตัด และ่ผ่าเสร็จด้วยเวลา 18 นาที กับแผลนิดเดียว แถมคุยสนุกตอนผ่าอีกด้วยครับ

ไม่ได้ว่าอาชีพหมอนะครับ อาชีพอื่นก็เหมือนกัน ผมเรียนอยู่ปี3 ผมก็รู้สึกเหมือนกันว่า เพื่อนๆหลายคน ที่เรียนวิดวะด้วยกัน ไม่ได้มีความรู้อะไรเลย รู้งูๆปลาๆ ไม่รู้อะไรจริงซักอย่าง ดีแต่คุยขโมงโฉงเฉง เข้าเรื่องวิชาการจริงๆ อ้ำๆอึ้งๆกันหมดเหมือนกัน
เรื่องนี้ผมต้องยอมรับว่า ต้องอาศัยประสบการณ์ครับ ตอนผมเรียนนี่ ได้ผ่าตัดไส้ติ่งประมาณ 30 - 40 ราย แต่ละคน อาการแทบจะไม่เหมือนกันเลยครับ แต่คนไข้มักจะมาด้วยปวดท้อง มีหลายแบบ บางคนอธิบายไม่ได้ว่าปวดแบบไหน ปวดบิด ๆ เหมือนถ่าย หรือ ปวดตื้อ ๆ ต่อมา ขึ้นกับเวลาที่คนไข้มาครับ ถ้ามาช่วงแรก ๆ นี่ บอกยากมากครับ ถ้าปวดท้อง อาการไม่ชัด เขาก็จะเอกซเรย์ เพื่อดูว่าลำไส้อุดตันหรือไม่ อัลตราซาวน์ดู ว่ามีไส้ติ่ง หรือ มีการอักเสบในช่องท้องอื่น ๆ ไหม ซึ่งปกติช่วงแรก ๆ ไส้ติ่งที่อักเสบมักเกิดจากการอุดตันครับ พอมันต้น เมือกที่มันสร้างออกมากก็ คั่ง พอคั่งนาน ๆ เชื้อโรคในลำไส้ก็ทำให้มันอักเสบ หรือมันอาจจะอักเสบด้วยตัวมันเองได้ ช่วงนี้ คนที่สังเกตตัวเองดี จะมาพบแพทย์ ตรวจอะไรแทบไม่ได้เลยครับ ปกติหมด หมอก็จะให้กลับบ้าน พอกลับบ้านไปสักหนึ่งวัน ไส้ติ่งที่อักเสบ มันก็บวม ไปติดผนังช่องท้อง ทำให้อักเสบตามไปด้วย นี่แหละครับ ตัวที่ทำให้หมอ บอกได้ว่าคุณเป็นอะไร เพราะมันกดเจ็บที่ท้องน้อยขวาชัดเจน อาจารย์ผมบอกเสมอว่า ไส้ติ่งต้องระวัง ยิ่งคนไข้ไปหลายที่ ยิ่งน่ากลัว เพราะหมอคนแรกที่ตรวจมักจะพลาด และถูกฟ้อง เพราะฉะนั้น หมอที่มีประสบการณ์มากกว่าเขาจะรู้ว่าประวัติคนไข้เป็นอย่างไร ตรวจในช่วงแรก ๆ เป็นอย่างไร จึงมีความแม่นยำมากกว่าครับ
ผมก็เป็นหมอที่พึ่งจะจบใหม่ ตรวจโรคต่าง ๆ อาจยังไม่คล่อง ไม่แม่นยำเท่าคนอื่น แต่ผมคิดว่าถ้าได้อ่าน ได้ฝึกบ่อย ๆ ผมคงจะเก่งขึ้น
เมื่อก่อนผมยังไม่เชื่อตัวเองเลยว่า เรียนมา 6 ปี จะรักษา ผ่าตัด คนไข้ได้ แต่ตอนนี้ ผมทำได้เกือบหมด แต่ต้องทำงานเก็บประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ ก่อนนะครับ