ขอรอดูคันขายจริงครับ เพราะคัน Prototype ที่เปิดตัว ภายในโล้นมาก แถมพวงมาลัยยังกับรถยุค 70-80
ปล. จะว่าไป คนไทยหลายคนไม่ซื้อรถ Hybrid/Plug-in Hybrid เพราะกลัว'แบตเสียซ่อมแพง' แต่ทำไมพอเป็นรถไฟฟ้าล้วนๆอย่าง Tesla กลับไม่ห่วงเรื่อง'แบตเสียซ่อมแพง'กันซะงั้น
เดานะครับ ว่ารถ Hybrid มีส่วนซ่อมบำรุง/เปลี่ยน อะไหล่ตามระยะ เหมือนรถสันดาบภายใน + แถมอุปกรณ์ไฟฟ้าเพิ่มเติม ทำให้มีส่วนต้องดูแล และ ซ่อมบำรุงเพิ่มขึ้น
ส่วนรถไฟฟ้า ไม่น่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการเช็คระยะ ของเหลวต่างๆ สายพาน อะไหล่สิ้นเปลืองอีก ฯลฯ รวมๆค่าใช้จ่ายก็น่าจะชดเชยตรงนี้(ค่าแบตเตอรี่)ไปได้มากพอดูเลยครับ
และถ้าจะมีอะไหล่เสีย ก็จำนวนชิ้นไม่มากมายยุบยับ เท่ารถสันดาบภายใน และ ถ้าจะมีของเสีย น่าจะทำแบบเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ คือ ยกเปลี่ยนอะไหล่เป็นชิ้นๆไป ชิ้นเก่าเอาไปซ่อมบำรุง แล้วมารอเปลี่ยนให้คันอื่นๆ เวลาซ่อมบำรุงอาจน้อยลง อะไหล่น้อยชิ้น สต๊อกน้อยลง ทุนในการจัดหา/เก็บของ ก็น่าจะลดลง (เดาล้วนๆ)
เทคโนโลยีแบตเตอรี่ยังไปได้อีกครับ ยังดีได้อีก และถูกลงได้อีก ต่างจากสันดาบภายในที่ไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ ในช่วงหลังๆที่ผ่านมา ถ้าเทียบกับเครื่องไฟฟ้า ก็น่าจะถูกลงเรื่อยๆ เรื่อง Tesla นี่ เยอรมันก็ยังค้อนควับเลยครับ 55
ไม่รู้ว่าถ้าจะดูการซ่อมบำรุงรถพวกนี้ เทียบกับพวกรถไฟ ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า จะได้หรือไม่ว่า ทนทาน ซ่อมบำรุงกันขนาดไหน