ขอ Review โช๊คจากประสบการณ์ตัวเองที่ใส่ใน BMW F30 ที่เคยใช้มา 3 ปีนิดๆนะครับ
ตั้งแต่ใช้ F30 มาก็ได้เปลี่ยนโช๊คไปหลายชุด แต่ละชุดมีดีด้อยเด่นต่างกันไป ขอ review คร่าวๆแต่ละตัวในมุม user ที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องช่วงล่างอะไรมากมายนะครับ อาศัยจับความรู้ๆมั่วๆบ้านๆเอา ผิดถูกขออภัย
//Bilstein B12 (B8 + สปริง Eibach)//ข้อดีคือหนึบแน่นเลย แต่มันเก็บรายละเอียดถนนช่วง low speed ไม่ได้เลย ตึงตังกระแทกกระด้างมาก ช่วงความเร็วต่ำกว่า 60 นี่เหนื่อยมาก คนนั่งด้วยบ่นทุกคน แต่พอขับตั้งแต่ 100 ขึ้นไปนี่หนึบดีมากเลย แต่สุดท้ายไม่ไหว ขับช้าๆแล้วขาดความสุนทรีย์ในการขับเกินไป เลยลองเปลี่ยนสปริงเป็น H&R ดู
ข้อเสียอีกอย่างคือชุดสปริงโหลดคือคสามสูงซ้าย-ขวา หน้า-หลัง อาจไม่ได้ตรงใจเรา อย่าง b12 ชุดนี้ของผมหน้าลอยกว่าหลังพอประมาณเลยครับ
Bilstein B8 เป็นโช๊ค mono tube หัวกลับนะครับ คาแร็กเตอร์ของโช๊คประเภทนี้คือแน่น และฟีลออกแข็งกว่าโช๊คที่เป็น twin tube ข้อดีอีกอย่างนึงคือระบายความร้อนน้ำมันได้ดีกว่าและโอกาสที่น้ำมันเกิดฟองได้น้อยกว่า twinเหมาะกับวันรุ่นหรือคนที่ขับคนเดียวเป็นหลัก ออกแนวดิบๆขับมันส์ แต่จะกระเทือนหน่อย ราคาไม่แพง มือหนึ่งน่าจะ 4 ต้น//Bilstein B8 + สปริง H&R//สปริง H&R สำหรับF30 ถูกดีไซน์มาให้ค่า k น้อยกว่า eibach และเตี้ยกว่าด้วย
พอใส่แล้วรู้สึกนุ่มขึ้น เก็บรายละเอียดได้ดีขึ้นหน่อยแบบรู้สึกได้ โดยรวมขับสบายขึ้น แต่ความคม, response และ body roll ด้อยลงหน่อย น่าจะมาจากสปริงที่นุ่มลง
H&R ชุดนี้ความสูงรถโดยรวมเตี้ยลงมาจาก eibach นิดนึงซึ่งทรงสวยมาก แต่ๆๆๆ หลังดันลอย ลอยแบบสังเหตุเห็นได้เลย ขัดใจผมพอสมควรครับ
เหมาะกับวันรุ่นหรือคนที่ขับคนเดียวเป็นหลัก ออกแนวดิบๆขับมันส์ แต่นุ่มกว่าชุด B12 (สปริง Eibach) ราคาไม่แพง มือหนึ่งน่าจะ 4 ต้น//BC V1 Coilovers//ความเชื่อก่อนนี้ที่สตรัทปรับเกลียวต้องแข็งเป็นเกวียนทำให้สองจิตสองใจที่จะลองใช้มาก แต่พอใส่เสร็จเซ็ตเสร็จ เฮ้ย! มันขับสบายอ่ะเก็บรายละเอียดถนนดีกว่าอันก่อนหน้าเยอะมาก เรียกว่า happy เลย ขับเร็วก็โอเคเลย body roll น้อย มุดสนุก response ดี ที่สำคัญสามารถปรับแข็งอ่อนได้ด้วย (น่าจะ 32 ระดับ) เราก็ปรับตามความชอบของเราได้เลย โดย bc ตัวนี้จะปรับแต่ค่า rebound ซึ่งมีผลต่อ body roll ความ stable และความสบายมาก ส่วน bump น่าจะคงที่ครับ
โดยรวมผม happy กับ BC ตัวนี้มากนะครับ เริ่มแรกจากปรับไว้ค่อนข้างนุ่มสบาย ขับไปขับมายิ่งขับยิ่งมันเลยปรับแข็งขึ้นเรื่อยๆจนถึงจุดนึงที่ถ้าแข็งกว่านี้มันจะเริ่มแข็งเป็นกระดานแล้ว สุดท้ายก็มาจบที่ค่านึง พอค่านี้มันเริ่มจะมีความกระด้างระดับนึงแล้ว แต่โดยรวมยังสบายกว่า bilstein b8 b12 พอควร
มีวันนึงนึกอยากลองเทียบกับชุดเก่า เลยให้ร้านสลับเอา B8 + H&R ใส่วิ่งดู ใส่ได้ 2 วันวิ่งกลับไปให้ร้านเปลี่ยน BC คืนมาทันทีครับ เนื่องจากการขับโดยรวมทั้งความ comfort และ body roll ผมว่า BC ทำได้ดีกว่าชัดเจน
สุดท้ายนอกจากข้อดีของ coilovers ที่สามารถปรับแข็ง-อ่อนได้เองตามใจแล้ว ยังปรับสูง-ต่ำได้เองด้วย คราวนี้ผมเซ็ตรถให้เตี้ยลงมากว่าH&R อีกนิดด้วย โดยให้ความสูงหน้า-หลัง ซ้าย-ขวา เท่ากันเป๊ะเลย ออกมาทรงสวยมากครับ ^ ^
BC v1 ตัวนี้เป็นสตรัทปรับเกลียว Mono Tube นะครับ เมืองนอกจะเป็นตัว BC BR ซึ่งคล้ายกันแต่ตัว BR แกนจะใหญ่กว่าและน้ำมันในโช๊คคุณภาพดีกว่า แต่ในไทยไม่ได้เอาเข้ามา stock ถ้าจะเอาน่าจะต้องสั่งผ่านตัวแทนครับ ผมก็อยากลองอยู่เหมือนกันคุ้มมาก ราคาถูก 3 กลางๆ นุ่มหนึบ (เน้นไปทาง sport กว่าถ้าเทียบกับ H.drive) สูง-เตี้ยตามใจ แต่ความทนทานอาจไม่ได้นานนัก**Coilovers หมายถึงสตรัทปรับเกลียวนะครับ//Bilstein B16//ด้วยความอยากลอง B16 ได้ชื่อว่าเป็นโช๊คเทพ hi-end สำหรับ street ตัวนึงเลย เลยตัดสินใจสั่งมาลองครับ หลังใส่เสร็จปรับความแข็งไว้กลางๆ (ปรับไว้ตำแหน่งที่ 6 จากอ่อน ซึ่งแข็งสุดอยู่ที่ 10) ความรู้สึกแรกที่ลงถนนคือ เหมือนรถหนักขึ้น แน่นขึ้น มีความรู็สึกสะเทือนนม (ความรู้สึกนี้มีตอนใส่ B12 มาวันแรก) หลังจากลองเล่นกับ b16 อยู่หลายๆๆๆเดือนโดยรวมถือว่าชอบนะ low speed ผมว่ายังไงก็เก็บรายละเอียดได้ดีกว่า B12 หรือ B8 + H&R แน่นอน ความแน่น เฟิร์ม body roll ไม่ต้องพูดถึง ดีเลย แต่มันก็มีข้อเสียครับ ด้วยความที่มันแน่นมาก เวลาเจอถนนที่ไม่ดี รอยต่อหรือทางขรุขระ มันจะเด้ง เด้งจริงๆ ซึ่งจริงๆถนนเมืองไทยมันเป็นแบบนี้เยอะมากๆมันทำให้ความสุนทรีย์ลดไปพอสำหรับ เอาเป็นว่าเด้งกว่า BC ครับ และอีกข้อคือความสูง มันปรับเตี้ยมากไม่ได้ ใครที่ชอบเตี้ยๆเลยจบแทบขอบยางแตะซุ้มอาจทำไม่ได้นะครับ แต่ผมว่าคนทั่วไปไม่น่ามีปัญหา มีเฉพาะพวกสายเตี้ยๆๆๆเท่านั้น
เคยมีครั้งนึงลองปรับหนืดไว้ที่ 8 หรือ 9 นี่แหละจำไม่ได้ละ แล้วไปวิ่งบนทางด่วน โอ้วมายก็อด มันส์มากๆ โคตรแน่นเฟิร์มฟิน แต่เอามาขับถนนทั่วไปไม่เวิร์ค มันแน่นเกิน
B16 เป็นโช๊ค mono tube หัวกลับ ปรับแข็ง-อ่อน สูง-ต่ำได้ โดยแข็งอ่อนจะเป็นการปรับทั้ง rebound และ bump โดยที่ bump จะถูกปรับไปด้วยในสัดส่วนที่น้อยกว่ามาก (ไม่ได้ปรับแยกกัน)มือหนึ่งราคาค่อนข้างแพงเกือบแสน เน้นแน่นหนึบ เหมาะกับถนนเรียบๆ ถ้าขับถนนดีๆมันจะขับดีมาก เหมาะกับขับคนเดียวเป็นหลัก อึดถึกทนใช้ยาวๆสบายใจหายห่วง//H.drive Coilovers//ด้วยความสูงที่ไม่พอใจ ผมอยากได้เตี้ยกว่านี้ประกอบกับเคยมีคนบอกว่า hdrive นุ่มสบาย เตี้ยได้สุดๆด้วยและที่สำคัญไม่แพง ด้วยค่าตัวที่ 3 หมื่นต้น ผมขาย b16 ยังมีตังทอนเอาไปแต่งอย่างอื่นต่อสุดท้ายเลยจัดครับ
ได้เตี้ยดั่งใจจริงๆ แต่ที่เซอไพรซ์จริงๆคือ นุ่ม มันนุ่มอย่างที่โฆษณาจริงๆ นุ่มแล้วไม่ย้วยด้วย เซ็ตจนลงตัวก็ได้ทั้งนุ่มและหนึบ ขับสนุก ถือเป็นโช๊คที่คุ้มราคาสุดใน 3 โลก ทุกวันนี้ยังคิดถึง hdrive อยู่เลยครับ นุ่มและไม่เด้งเหมือน b16 ครับ และมันเก็บรายละเอียดช่วง low speed ได้ดีเลย เป็นครั้งแรกที่คิดว่าโช๊คโช๊คที่ทั้งนุ่มทั้งหนึบมีอยู่จริงด้วย
แต่ก็มีข้อด้อยคือเวลาโยกแรงๆหรือมุดหนักๆยังมีอาการบ้าง โยกออกแล้วหักกลับโช๊คยังคืนตัวช้าอยู่หน่อย แล้วก็ช่วง hi-speed (180-220) อาจไม่แน่นนิ่งเหมือนโช๊คแพงๆ hi-end ครับ
hdrive เป็นสตรัทที่ออกแบบคล้ายกับ bc เลยครับ ตำแหน่งตัวปรับ rebound ก็เหมือนกัน คาแรกเตอร์การขับขี่ก็คล้ายกันมาก ถ้าจำไม่ผิดคือ hdrive จะออกมาทาง comfort มากกว่าหน่อย ส่วน bc จะไปทาง sport มากกว่าหน่อยสรุป hdrive คุ้มสุดๆๆๆ หาคุ้มกว่านี้คงไม่มีแล้ว (ยกเว้น bc ผมให้พอๆกัน) ขับสนุก นุ่มสบาย (แต่ก็ไม่ขนาดโช๊คเดิม) อาจไม่เหมาะกับสายโหดที่มุดสาดปาดแซงตลอดเวลา เหมาะสำหรับซิ่งบ้าง มุดบ้าง ขับสบายได้ทุกที่ทุกวัน
คุ้มมาก ราคาถูก 3 กลางๆ นุ่มหนึบ (เน้นไปทางนุ่มกว่าถ้าเทียบกับ BC) สูง-เตี้ยตามใจ แต่ความทนทานอาจไม่ได้นานนัก ส่วนใหญ่จบ คนนั่งด้วยไม่มีบ่น//Sachs ZF Performance Coilovers//Sachs ZF Performance อาจชื่อเสียงไม่ได้ดังหรือเป็นที่นิยมเท่าไหร่ แต่ที่เมืองนอกถือเป็นสตรัท hi-end ชั้นเดียวกับพวก B16 KW V3 Ohlins เลยนะครับ คิดว่าเป็นเพราะทาง Sachs ไม่ได้ลงทุรทำตลาดอะไรมาก
ที่ติดใจสตรัทตัวนี้และถึงกับปันใจจาก hdrive ก็เพราะไปลองนั่งรถพี่คนนึงมา เฮ้ยมันนุ่ม นิ่ง แน่น ฟีล premium มากๆ กล่าวง่ายๆถ้าเทียบกับ hdrive คือเจ้า Sachs ตัวนี้นุ่มกว่าหน่อย และหนึบแน่นนิ่งกว่า โดยเฉพาะช่วง hi-speed มันนิ่งมาก อารมณ์เหมือนคนที่ขาแข็งแรง จะวิ่งเร็วแค่ไหนก็ stable ช่วง low speed เก็บรายละเอียดถนนได้ดีจริงๆ เป็นโช๊คที่ทำให้นิสัยเสีย คือขับรูดแม่มหมดเลย จนกลัวล้อจะดุ้งเข้าสักวัน รอยต่อ ฝาท่อ หลุมตื้นๆ วิ่งเข้าใส่ได้เลยไม่ต้องกลัว (ตัวก่อนหน้านี้มันเป็นอันรู้อยู่แล้วว่าใส่โช๊คแต่งเจอพวกนี้ต้องหลบลูกเดียว) เน้นนะครับผมใช้คำว่า รูด ไปเลย เป็นสตรัทที่ทำให้เสียนิสัยจริงๆ
Sachs ตัวนี้เป็น mono tube หัวกลับ ดีไซน์เหมือนกับ Bilstein B16 เลยครับ ตำแหน่งที่เอาไว้ปรับหนืดก็อยู่ที่เดียวกัน สามารถก้มปรับได้เองโดยไม่ต้องใช้แม่แรงยกหรือเข้าร้าน สะดวกสุดๆ และเหมือนกับ b16 อีกคือปรับหนืดทั้ง rebound และ bump โดยที่ bump จะถูกปรับไปด้วยในสัดส่วนที่น้อยกว่ามาก (ไม่ได้ปรับแยกกัน) อีกอย่าง sachs ยังมีชื่อเสียงด้านอึดทนด้วย (เหมือยนกับ bilstein) ทำให้สบายใจใช้ได้ยาวๆจุดด้อยจิ๊ดนึงสำหรับบางคนคือ Sachs ตัวนี้ไม่สามารถเตี้ยแบบสุดๆได้ จริงๆได้แต่มันจะหลุดสเปคและขับไม่ดีครับ สามารถเตี้ยได้กว่า b16 นิดนึง แต่เอาแบบสุดๆถึงขั้นแตะหรืออมยางไม่ได้
สรุป Sachs ตัวนี้คือโช๊คที่ผมคิดว่าชอบและดีที่สุดตั้งแต่ลองมาหลายตัว จนถึงขั้นเป็นสาวก sachs ไปเลย และคิดว่าคงหาโช๊คที่ดีรอบด้านอย่าง sachs นี้ยาก คิดว่าจะใช้ยาวๆไปจนกว่าจะพังหรือขายรถครับ ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่เจอตัวนี้นี่จบแน่นอน
ราคา 8 หมื่นกลาง นุ่มหนึบอารมณ์ premium ทนถึกอึด ปรับง่ายทำเองได้ ใครชอบนุ่มหนึบฟีล mono tube จบแน่นอน เป็นหนึ่งในโช๊คที่ผมชอบที่สุดครับ ยังมีแอบคิดถึงมันอยู่เรื่อยๆ//KW V3 Coilovers//บังเอิญมีคนมากล่อมว่าใช้โช๊ค 2-way สิ (ปรับแยก bump กับ rebound อิสระ ปรับได้ละเอียดกว่า 1-way ที่ปรับได้แต่ rebound) ประกอบกับเคยนั่ง v3 รถคนในคลับอยู่คันนึง นุ่มนิ่งเป็นบ้าเลย เหมือนนั่งพรมวิเศษ มันลอยไปแบบนุ่มๆเลย แต่ไม่ได้ขับเร็วหนือโยกอะไร ใจยังมีคำถามว่าถ้าขับโหดๆมันจะย้วยมั้ย สุดท้ายคาใจมากเลยเสียเงินจนได้
โช๊คโกง! น่าจะเป็นคำที่อธิบายความเป็นโช๊คตัวนี้ได้ดี หลังจากที่มั่วปรับจูนอยู่หลายวันร่วมอาทิตย์ก็ลงตัว เชี่ยย โช๊คไรวะเนี่ยทั้งนุ่มทั้งหนึบ body roll น้อยมากๆน้อยสุดตั้งแต่เปลี่ยาโช๊คมาแล้ว response ดีสุดๆ มุดโคตรมัน โยกออกตบเข้า สาดโค้ง เนียนๆนิ่งๆ ขับ hi-speed 200+ ก็นิ่ง ขับ low-speed นุ่มเก็บรายละเอียดถนนสุดยอด ถ้าถนนขรุขระ lv1 ฝาท่อ หลุมตื้น สบายสุดๆรูดได้เลย ถนนคอนกรีตนี่เหมือนญาติสนิทมิตรสหายขับไปอย่างเนียนๆ เก็บรอยต่อถนนสบาย แต่ถ้าถนนขรุขระ lv2 ยังมีอาการอยู่บ้าง (แต่ไม่มาก) อันนี้ Sachs เก็บดีกว่านิด แต่โดยปกติเวลาเจอ lv2 เราจะเลี่ยงกันอยู่แล้ว ที่สำคัญเวลาขับรถมันจะเป็นระนาบมากแทบไม่กระโดกกระเดกไปตามผิวถนนที่ไม่เรียบ ไม่เหมือนตัวอื่นด้านบนทุกตัว (ซึ่งจะกระโดกกระเดกตามผิวถนนเพราะความแน่นของโช๊ค) แต่มีจุดที่ v3 ยังทำได้ไม่ดีนักคือจั๊มคอสะพาน ยังเก็บไม่เนียนเท่า Sachs กับ B16 แต่ก็ไม่ได้แย่นะครับ ส่วนเรื่องความสูงตัวนี้มันจะค่อนข้างเตี้ยเลย ใครชอบสูงหมดสิทธิ์ ปรับได้จนเตี้ยจนถึงขั้นอมยางเลย
KW V3 ตัวนี้เป็นโช๊คแบบ Twin Tube ซึ่งเป็นตัวเดียวเลยในบรรดาโช๊คที่ใช้มาทั้งหมด (ยกเว้นโช๊คเดิมติดรถ) เค้าว่า Mono Tube หนึบกว่า (และแข็งกว่า) ส่วน Twin ไปทางนุ่ม (ตัวที่เป็น Twin Tube และได้ชื่อว่านุ่มทางฝั่งญี่ปุ่นคือ Tein ครับ) ซึ่ง v3 ตัวนี้ปรับแข็งอ่อนได้ทั้ง rebound และ bump แยกกันอิสระทำให้เซ็ตได้ตามต้องการของเราโดยเฉพาะถนนเมืองไทยได้ดีมาก เช่น ปรับ bump ให้น้อยหน่อยและปรับ rebound ให้มากหน่อย แต่ข้อเสียของตัวนี้คือ rebound ด้านหลังมันไม่สามารถปรับเองได้ ต้องเข้าร้านถอดล้อถอดโช๊คออกมาปรับวุ่นวายเล็กน้อย และเค้าว่าเซ็ตค่อนข้างยากมีโอกาสออกทะเลสูง แต่ถ้าได้สูตรมาหรือร้านที่ชำนาญก็จบได้ไม่ยากครับ จริงๆ v3 มันมี bypass valve เป็นเคล็ดลับทำให้เวลาเจอหลุมหรือถนนปูดที่ทำให้โช๊คมันเคลื่อนที่ขึ้น-ลงเร็วมาก น้ำมันมันจะถูกไหลไปที่ bypass valve ทำให้มันยืดหดได้สะดวกรถเลยไม่สะเทือนสรุป V3 เรื่อง body roll response ความนิ่ง นุ่ม เก็บรายละเอียด ที่ใช้มายังหาตัวไหนดีกว่าไม่ได้เลย คือมันดันดีทุกทาง ช่างโกงซะจริง
ค่าตัวเกือบแสนแต่จบ ใครงบมากหน่อยประมาณนี้แนะนำเลยครับ คุณจะได้โช๊คที่ดีทุกด้าน ขับคนเดียว หลายคน ครอบครัว ได้หมด นุ่ม หนึบ นิ่ง พรมวิเศษ (ถ้าไม่ปรับแข็งจนเกินไป) เรื่องรั่วง่ายมั้ยเค้าว่ารุ่นใหม่ๆหลังเปลี่ยนโรงงานไม่รั่วง่ายแล้ว**เพิ่มเติมนะครับ V3 เองที่ว่าปรับได้ 2-way คือปรับ bump และ rebound จริงๆ bump จะเป็นการปรับ low speed bump นะครับ ซึ่งคำว่า low speed ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงขับรถช้าๆนะครับ แต่จะเป็นความเร็วของลูกสูบโช๊ค
Low speed จะเป็นช่วงที่โช๊คทำงานเวลารถเลี้ยว เปลี่ยนเลน เข้าโค้ง ซึ่งจะเป็นช่วงที่เกี่ยวกับ handling โดยตรงครับ
High Speed จะเป็นเวลารถปีน apex (ในสนาม) หรือพวกรอยปูดบนถนน หลังเต่าคมๆ ที่พอปีนปุ๊ปโช๊คมันจะยุบทันทีเดียวความเร็ว
สรุปก็คือ V3 จะสามารถปรับได้แต่ Low speed bump ซึ่งเป็นช่วงที่เกี่ยวกับ handling ของรถครับ ส่วนถ้าเป็น high speed จะปรับไม่ได้ครับ ถ้าจะปรับ high speed bump ด้วยได้รู้สึกว่าต้องเป็น KW V4 ครับ (3-way)//KW Clubsport//พอดีผมแยกรีวิวของ KW Clubsport เป็นอีกกระทู้นึงนะครับ
https://community.headlightmag.com/index.php?topic=78072.0//Claws//ช่วงหลังๆคนเริ่มรู้จัก Claws กันมากขึ้นนะครับ แล้วเนื่องด้วย F30 ผมจากวันที่เขียนรีวิวกระทู้นี้จนมาถึงวันนี้ก็ร่วม 3 ปีครับ เลยมีการขยับขยายนิดหน่อยเปลี่ยนมาใช้ G30 530e แทนครับ
เนื่องจากมันคนละคันกัน ดังนั้นการรีวิวเชิงเปรียบเทียบคงทำไม่ค่อยได้ครับ เพราะมันมีตัวแปรที่ต่างกันเกินไปจะทำให้การรีวิวออกมานั้นไม่ตรง เลยขอเขียนเท่าที่ทำได้ละกันนะครับ
โช๊ค Claws เราสามารถสั่ง custom ทั้งวาล์วและสปริงตามความชอบของคนขับครับ สามารถคุยกับร้านได้เลย ผมว่านี่คือจุดเด่นอันนึงของ Claws เลยครับ จริงๆเค้าก็มีค่า standard ของแต่ละรุ่นแหละครับ แต่ถ้าใครคิดว่าต้องการใช้งานแตกต่างจาก standard แน่ๆก็คุยกับร้านได้เลยครับ
Claws เป็นโช๊ค Monotube แบบ 1-way ปรับ rebound แต่มีการปรับ bump พ่วงไปด้วยนิดหน่อยครับ และที่สำคัญเป็นโช๊คสไลด์กระบอกด้วย สามารถปรับความสูงรถแยกกับการบีบสปริงได้เลย อย่างใน G30 ผม เนื่องด้วยด้านหลังถ้าตัวปรัอยู่ด้านบนเวลาปรับต้องถอดล้อ รื้อเบาะ ถอดโช๊ควุ่นวาย ทาง Claws เลยออกแบบมาเป็นโช๊คหัวกลับให้ตัวปรับอยู่ด้านล่างให้สามารถมุดล้วงปรับจากด้านล่างแทนครับ อ่ออีกอย่างสปริงเป็นสปริง Linear นะครับ ซึ่งส่วนตัวผมชอบสปริงแบบนี้มากกว่าที่เป็น progressive ครับ ซึ่งสปริงแบบ Linear มันตอบสนองได้ไวกว่าครับ แถวต่อไปถ้าอยากเปลี่ยนความแข็งสปริงก็สามารถไปหาสปริงอย่าง Swift มาเปลี่ยนได้ด้วย ไม่ต้องไปลำบากทำ adapter มาใส่เหมือนสปริง Progressiveเท่าที่ใช้มาร่วม 6 เดือนนะครับ โดยรวมคือชอบเลย ราคาแพงกว่าพวก BC, H.Drive หน่อยเท่านั้น แต่คุณภาพนับว่าเกินราคาไปไกลครับ โช๊คมีความแน่น เฟิร์ม แต่ไม่กระด้าง ถ้าปรับดีๆก็นุ่มได้เลยครับ ส่วนผมชอบขับมันส์ๆหน่อยเลยปรับไว้แข็งระดับนึงเลยครับ แต่ถ้าเอาจริงๆปรับกลางๆแบบที่คนปกติเเค้าปรับกันก็เรียกว่านุ่มแน่นครับ ทำให้รถที่ใหญ่อย่าง G30 และน้ำหนักเยอะจากแบตเเตอรี่ให้ขับสนุก เหมือนรถคันเล็กลงได้ (แต่ก็ต้องบอกว่า 530e รถมันหนักมีแบตน้ำหนักเพิ่มจากตัวปกติเกือบ 300kg ด้วย ทำให้มันรู้สึกแข็งยากกว่าปกติครับ ดังนั้นที่บอกว่านุ่มก็อย่าเชื่อผม 100% นะครับ ^ ^) และที่สำคัญใช้มายังไม่มีปัญหาหรือเสียงก๊อกแก๊กอะไรกวนใจเลยสักนิดครับ
สรุป Claws ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆครับ ด้วยคุณภาพ และราคาที่ยังไม่ก้าวไปไกลอย่างโช๊คเยอรมัน เหมาะกับขาซิ่งที่ยังต้องการความสบายอยู่ด้วย และชอบฟีลแน่นแบบ monotube (แน่นไม่ได้แปลว่าแข็งนะครับ)ปล. ร้านที่ขาย Claws เข้าใจว่ามีร้านเดียวเลยคือ BDR อยู่ตรงบางนาครับ ที่ร้านมีไดโน่โช๊คด้วย และที่ร้านสามารถ service หรือโอเวอร์ฮอลโช๊คได้หมด 100% ครับ ไม่ต้องไปหาร้านทำ
เรื่องโช๊คนี่จริงๆขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่นด้วยนะครับ มีหลายปัจจัย ลองกับคันอื่นอาจไม่ได้เหมือนที่ผมรีวิว เช่นน้ำหนักรถอันนี้ผมว่ามีผลมาก หรือ balance น้ำหนักหน้ากับหลัง อีกอย่างที่อยากฝากไว้คือน้ำหนักล้อ ยาง และลมยางมีผลการช่วงล่างเป็นอย่างมาก เซ็ตโช๊คแล้วลองปรับค่าลมยางที่เหมาะสมเป็นการ fine tune กันด้วยนะครับ ปรับลมยางถูกนี่วิ่งต่างกันคนละเรื่องครับ ล้อเบานอกว่าการออกตัวที่ดีแล้วเวลาเจอหลุมบ่อถนนขรุขระ แรงสะเทือนหรือกระแทกเข้ามาจะน้อยลงไปเยอะด้วยครับ ทำให้ขับแล้วรู้สึกนุ่มสบายขึ้น
อยางไรนี้ข้อมูลรีวิวของผมถือว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์กันนะครับ ขอบคุณครับ