รปภ."ขอโทษนะครับ รถพี่ยี่ห้ออะไรครับ"
ผม "อ่อ ซูบารุ ครับ"
รปภ. "อ่ออ สวยดีนะครับ + ทำหน้า งง ต่อไป"
สวัสดีครับทุกท่าน...ประโยคคำถามข้างตน ผมเจอมาไม่ต่ำกว่า 3 ครั้งตามสถานที่จอดรถต่างๆ ....จริงๆ อยากทำ รีวิว คันนี้มานานแล้วครับ ตั้งใจถ่ายรูปเก็บไว้นานแล้ว แต่ไม่มีเวลานำมาลงเสียที
นานขนาดหนักจนคันที่ท่านๆกำลังจะได้อ่าน ในอีกไม่กี่ย่อหน้าด้านล่าง ผมได้ส่งมอบท่านเจ้าของใหม่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (แอบเสียดายเล็กๆ เพราะรุ่นนี้กว่าจะได้มาจอดเล่นในโรงรถ ผมติดตามและ ผุดลุก ผุดนั่ง ตามงาน Motor Expo และ Show Room อยู่นานเกือบๆ 2 ปี !! สารภาพว่าอยากได้ขนาดหนัก..ถ้าให้เปรียบเปรยดั่งคำกล่าว เสมือนได้เห็นหน้าหญิงสาว...ครั้นได้สบตาสาวเจ้า...ก็เหมือนรักแรกพบก็มิปาน) ส่วนสาเหตุที่ต้องขาย...ก็เพื่อตามฝัน+กิเลศมนุษย์ นั่นเอง
Legacy โฉมนี้เป็นรุ่นที่ 4 และเป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ แต่เดิมที ผมตั้งใจจะเอารุ่น 4 ประตู แต่เปลี่ยนใจกลางอากาศเสียก่อนเลยได้รุ่น แวน มาครับ....(ตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ ถ้าสำหรับ Legacy แล้วมันต้อง แวน เท่านั้นถึงจะหล่อ ! ) รุ่นนี้เป็น Legacy 2.0R ปี 2008 รหัสตัวถัง BP (เป็น Legacy รุ่นสุดท้ายที่ยังคง dna ความเป็น ซู ไว้เต็มพิกัด)
รูป+รายละเอียดภายนอกสมัยป้ายแดง โฉมนี้มีไม่น่าเกิน 30 คันในประเทศไทย เต็มที่คิดว่าประมาณ 40 คัน รวมโฉม 4 ประตูด้วย
รูปด้านหน้าเต็ม ตกแต่งด้วยลิ้นหน้า STI สีดำด้าน
รูปด้านหลังเต็ม
กระจกประตู ไร้กรอบ เอกลักษณ์ความเป็น ซู อยู่ที่ตรงนี้ และจะพบได้ใน Legacy โฉมนี้เป็นโฉมสุดท้ายแอบใจหายจริงๆ
เอกลักษณ์อีกอย่างที่สามารถพบได้ใน Legacy โฉมนี้เป็นโฉมสุดท้ายก็คือลายเส้นด้านข้างตัวรถที่ลากยาวมาตั้งแต่กระจกประตูด้านหน้าจนถึงกระจกบังลมหลัง
ล้อแต่เดิมเป็นขอบ 17 แต่เปลี่ยนเป็นขอบ 18 ของ STI ตรงรุ่น (ผลิตโดย Enkei) ลายนี้ภูมิใจเสนอจริงๆ เพราะหายากแบบสุดๆ
จำได้ว่า เห็นมีพี่ท่านนึงใน Board ของ Subaru บอกว่ามีลายนี้ของพึ่งลงที่เชียงกงบางนา ผมรีบขับรถไปดูเดี๋ยวนั้นและสอยทันที !
สปอยเลอร์ ด้านท้าย ไม่ใช่ของโรงงานนะครับของโรงงานจะสั้นและเป็นสีเดียวกับตัวรถ ผมเปลี่ยนเป็นของแต่ง+หุ้มด้วย 3M Kevlar
รูป+รายละเอียดภายในSunroof 2 ตอนขนาดใหญ่มากๆ เปิดได้เกือบถึงที่นั่งด้านหลัง
รุ่น 4 ประตูจะไม่มี ส่วนรุ่น แวน Spec ขายเมืองไทยก็ไม่มีอีกเช่นกัน ของผมได้มาเป็น Spec ฮ่องกงเลยมีครับ
พวงมาลัย 3 ก้าน วิทยุ+ซีดีจะเป็นของ Clarion ซึ่ง Spec ขายเมืองไทยจะเป็น Mcintosh แต่ถ้าได้ Mcintosh จะไม่ได้ Sunroof
ผมเลือก Sunroof เพราะดูอย่างไรก็คุ้มกว่าและหล่อกว่าเยอะ Airbags สำหรับ Spec ฮ่องกงมากถึง 8 ใบ (Spec ขายเมืองไทย จะมีแค่ คู่หน้า)
Cruise Control บนพวงมาลัย ระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone
แยกปรับอูณหภูมิ ซ้าย-ขวา
งานประกอบ ค่อนข้างดีมาก วัสดุสมราคา
วัสดุแอบดีกว่า Impreza หน้าแมวและ Forester โฉมปัจจุบัน เยอะ
ด้านหลังกว้างสุดๆ ใส่ของได้เยอะมากๆ
เครื่องยนต์ และการขับขี่ หน้าตาเครื่องคุ้นๆไม๊ครับ มันก็คือขุมพลังเดียวกันกับ Impreza โฉมหน้าแมวรุ่น 2.0R นั่นแหละ
ต่างกันที่รายละเอียดปลีกย่อย และการ Set up ระบบเครื่องยนต์เท่านั้นเอง
4 สูบ Boxer ไม่ต้องสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลก พร้อมระบบ AWD อันโด่งดัง !
พกม้ายุ่นมาให้ขยี้เบาๆทั้งหมด 150 ตัวที่ 6800 รอบ !
พร้อมแรงบิด 196 นิวตันเมตร (แรงบิดต้องขอโทษจริงๆ ผมจำไม่ได้ว่าแรงบิดมาที่กี่รอบ แต่จำได้ว่า ต่ำมากๆ ทำให้การขับขี่ในเมืองค่อนข้างดี และคล่องตัวมากๆ)
อัตราเร่งค่อนข้างอืดเล็กน้อย (สำหรับคนเท้าขวาหนัก สำหรับคนเท้าขวาปกติ คิดว่าไม่น่ามีปัญหาถ้าคุณไม่เคยขับรถ Turbo ของ ซูมาก่อน)
ทั้งนี้ ต้องทำความเข้าใจว่า ตัวเครื่องพิกัดแค่ 2000 cc. ม้าละอ่อน 150 ตัว ต้องรับภาระอันใหญ่หลวง !
ทั้งตัวถังอันหนักอึ้งถึง 1.5 ตันเศษ ผนวกกับระบบ AWD ขับเคลื่อน 4 ล้อ จึงทำให้อัตราเร่งค่อนข้างอืดเป็นธรรมดา
แต่เมื่อใดที่ลอยลำได้แล้ว แถวๆ 120 ขึ้นไปก็ไม่มีปัญหา ไหลได้ไปเรื่อยๆเป็นปกติ..เคยลอง Top Speed บนบูรพาวิถี สุดๆที่ประมาณ 190
และมีอยู่หนนึงวิ่งเส้น Motor Way กำลังมุ่งหน้า พัทยา โดนกระบะเด็กซ่อมแอร์ สงสัยเป็นแฟน ดาวลูกไก่ หรือประการใด อันนี้ผมไม่ทราบได้
สงสัยเห็นตูดซูแล้วไปสกิดต่อมแว้นกระมั้ง ..... พี่แกมาจี้ก้นทันที ผมเลยต้องหลบให้พี่เค้าไป ขืนไปเล่นด้วย โดนกระบะสวนจบเห่ !
(แหมม..ลองนึกเล่นๆ สมมุติถ้าวันนั้นผมเป็นหัวใจ GT จะเวียนเทียนรอบพี่เค้่าซัก 3 รอบ)
น้ำหนักพวงมาลัย Handling การขับขี่ ใกล้เคียงรถยุโรปมากๆครับ ต้องยกนิ้วให้ Subaru เค้าจริงๆ
ส่วนการเข้าโค้ง เล่นโค้ง เลาะขอบโค้ง หายห่วงครับ ! AWD จัดให้ได้ เกาะสุดๆ ผมเคยหักหลบกระทันหันมา 1 หน โอ้วว นี่หรือคือ AWD เข้าใจก็วันนั้นเอง
แต่ไม่ว่าจะ AWD หรือสุดยอดช่วงล่างอะไรก็ตาม ต้องอยู่บนพื้นฐานของความไม่ประมาท นี่จะดีที่สุด
...จริงๆแล้วผมกะซื้อมาวางเครื่องเป็นตัว GT Turbo แต่ด้วยราคาหัวตัด(ตรงรุ่น)ในขณะนั้นราคาแรงมากๆ (ประมาณ 4 แสนบาท อาจจะ + หรือ - นิดหน่อยขึ้นอยู่กับสภาพ และของว่าได้มาครบๆหรือไม่) ประกอบกับอยากได้รถที่ตรง Concept การใช้งาน และตรงกับ Character ส่วนตัว เลยทำให้ต้องลาจากกันไปก่อน ทำให้ Project นี้ต้องล้มเลิกไป !
จริงๆแล้ว พี่คนที่ได้ต่อจากผมไป ใช้อีกซัก 1-2 ปี แล้วค่อยหาหัวตัดตัว GT มาลง
ผมมองว่ายังไงก็สุดยอดแห่งความคุ้มค่า ! และยังไม่สาย กับการปลุกเสกม้าศึกโดยไม่ต้องไปพึ่งอาจารย์ไสยศาตร์โด่งดังจากสำหนักไหน..!
พึ่งแค่เงินเพียง 4 แสนโดยประมาณ ก็สามารถ เสกม้าผอมๆแถมขี้เซาจาก 150 ตัวไปเป็นม้าตัวโตกล้ามใหญ่ 260 ตัว
เสกแรงบิดจาก 196 ไปอยู่ที่ 350 นิวตันเมตร ! กับการลงทุนทั้งหมด รวมตัวรถแค่ไม่เกิน 2 ล้านบาท !
จับวาง และร้อยน๊อตใส่ได้ทันที ไม่ต้องแปลงอะไรเลย (ข้อแม้ว่าต้องได้สายไฟแบบเลาะมาไม่ได้ตัดและของมาแบบครบๆ)
ซึ่งรุ่น GT จากโรงงานมาเลย สนนราคากระชากใจผู้ใหญ่ และบรรดาแม่ยกทั้งหลาย ที่ต้องเขียนแคชเชียร์เชค
เป็นจำนวนถึง 3.9 ล้านบาทไทย !! เพื่อแลกมาซึ่งรถญี่ปุ่นหน้าตาอันแสนธรรมดาๆมา 1 คัน (แต่แรงสุดๆ)
ซึ่งราคาตามที่บอกสำหรับรุ่น GT จากโรงงาน สำหรับตลาดเมืองไทย อาเจ๊ก อาอี๊ ... ชี้ชัดว่าราคานี้ เล่น ดาวสามแฉก
หรือ ใบพัดฟ้าขาว ไม่ดีกว่าหรือไร ? อันนี้เป็นความชอบส่วนบุคคลล้วนๆ หาเหตุและผลมาสนับสนุนไมไ่ด้จริงๆ ถามชาวซู แล้วจะรู้ดี
ขอบคุณครับ ผิดพลาดประการใดๆ ขออภัยมา ณ ที่นี้
Jae_156JR