ผู้เขียน หัวข้อ: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน  (อ่าน 18751 ครั้ง)

ออฟไลน์ Seatar

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 158
    • อีเมล์
ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« เมื่อ: มกราคม 03, 2012, 23:12:48 »
 ถ้าคุณมีเงินก้อนนึงที่พอจะซื้อรถได้ ซักคัน พวกคุณจะตัดสินใจซื้อสดหรือซื้อเงินผ่อนดีครับ แล้วจะแตกต่างกันมากไหมครับในด้านกรบริการและของแถมจากศูนย์

 แล้วถ้าเกิดว่าซื้อเงินผ่อนอยู่จะขอโปะให้ครบก่อนระยะเวลาผ่อนที่กำหนดได้ไหมเช่นผ่อนไป2งวดแล้วโปะให้ครบเลย

 พอดีมีเงินก้อนอยู่พอจะซื้อเงินสดได้แต่ถูกเพื่อนๆให้แนะนำให้ซื้อเงินผ่อนน่ะครับ

เลยเข้ามาถามถึงความแตกต่างระหว่างซื้อสดกับซื้อเงินผ่อน

ออฟไลน์ Exeter

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 93
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 03, 2012, 23:24:50 »
เวลาซื้อผ่อน เซลล์อาจจะชอบเพราะได้มาร์จิ้นมากกว่าหรือเปล่า เลยอาจจะทำให้ได้ของแถมเยอะกว่า แต่ผมว่าถ้ามีเงินเย็นที่ไม่ได้ต้องเอาไปหมุนหรือไปลงทุนอะไรก็ซื้อสดไปเถอะครับ สบายใจดี ความไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐนะครับ

ออฟไลน์ JJ

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 191
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มกราคม 03, 2012, 23:40:44 »
เห็นด้วยอย่างแรงเลยครับ ถ้ามีเงินเย็นที่ไม่ได้ต้องเอาไปหมุนหรือไปลงทุนอะไรก็ซื้อสดไปเถอะ สบายใจดี ความไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ

ออฟไลน์ mckyparty

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 748
    • อีเมล์
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มกราคม 03, 2012, 23:43:42 »
มือสองซื้อสด

มือหนึ่งซื้อผ่อนแบบเร็วๆ ดอกจะได้น้อยสุด

ออฟไลน์ pk71

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 115
    • อีเมล์
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มกราคม 03, 2012, 23:54:18 »
ถ้าเงินเหลือจะซื้อสดครับ ไม่ชอบเป็นหนี้  แต่ถ้าไม่มั่นใจหรือเงินไม่เย็นพอ ผ่อนให้น้อยที่สุดก็ยังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดครับ

แล้วการซื้อสด เซลส์อาจจะไม่ชอบนัก เพราะอดค่าคอมมิสชั่นจาก finance แต่ก็ลงพิจารณาดูครับ การที่เราไม่จัด finance ไม่เสียดอก อาจจะคุ้มกว่าส่วนลดหรือของแถมที่เซลส์เอามาล่อก็ได้

อีกอย่าง ผมไม่แน่ใจว่าเป็นทุกที่รึเปล่า แต่ตอนผมคุยกับ Volvo ถ้าจัด finance ต้องซื้อประกันชั้น 1 กับ AXA (ไม่แน่ใจว่าต้อง AXA เท่านั้นหรือไม่) ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเงื่อนไขบังคับของ finance TISCO  แต่ถ้าซื้อสด จะไปซื้อประกันอะไรที่ไหนหรือไม่ซื้อเลยก็แล้วแต่เราครับ

ส่วนผ่อนๆ อยู่จะจ่ายโปะปิดบัญชี ส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้ทำได้ครับ แล้วแต่ว่าเลือกจัด finance กับใคร ทั้งนี้มักจะบอกว่าปิดบัญชีลดดอกที่เหลือครึ่งนึง แต่อย่าดีใจไป ไอ้ที่บอกดอกที่เหลือครึ่งนึงเนี่ย เหลือไม่มากแล้วเพราะเค้าเอาดอกไปลงงวดแรกๆ ไปเยอะแล้ว ดังนั้นยิ่งปิดช้ายิ่งลดดอกได้น้อย และแม้จะปิดเร็วก็ยังลดได้น้อยอยู่ดีครับ 555+

ออฟไลน์ HYDE--

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,643
    • อีเมล์
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มกราคม 03, 2012, 23:57:24 »
เห็นด้วยอย่างแรงเลยครับ ถ้ามีเงินเย็นที่ไม่ได้ต้องเอาไปหมุนหรือไปลงทุนอะไรก็ซื้อสดไปเถอะ สบายใจดี ความไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ

ส่วนตัวผม ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากซื้อสดมากๆเลยครับ
แต่ที่บ้านก็ยังซื้อผ่อนอยู่ดี เพราะคิดว่า อยากเอาเงินก้อนไปทำอย่างอื่นมากกว่า

แต่ถ้าเป็นรถที่ราคาไม่แพงมาก เช่น รถมือสอง หรือ รถเล็ก ก็ซื้อสดไปเลยครับ

ออฟไลน์ MC Stradale

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,520
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 00:18:34 »
ถ้าเราซื้อเงินผ่อนและจัด finance กับค่ายที่คุณซื้อรถ เซลล์ชอบเลยหละครับ เพราะว่าเค้าได้ค่าดอกเบี้ยด้วย แต่ถ้าคุณซื้อเงินสดคุณก้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย
แต่ซื้อผ่อนมันก้ดีตรงที่ว่าคุณไม่ต้องลงเงินทั้งหมดที่คุณมีอยู่ เผื่อว่าคุณอาจจะต้องใช้เงินด่วนเวลาคุณผ่อนรถอยู่ อย่างนี้ก้ไม่เป็นปัญหา

ถ้าคุณอยากซื้อเงินสด ลองดูครับว่าคุณลงเงินไปสำหรับรถแล้ว ยังมีเงินเหลือไว้เผื่อใช้รึเปล่า

หรือถ้าคุณอยากจะผ่อน ลองดูครับว่า finance ที่คุณจัดให้ดอกแพงแค่ไหนครับ ถ้าจะจัด finance ดอกเบี้ยถูกคงมีของธนาคารธนชาติหละครับที่ถูก
หรือไม่ก้ลองเจรจากับเซลล์ดูครับ

ออฟไลน์ beercs

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 313
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 00:20:33 »
ถ้าจะซื้อ รถ 6 แสน แล้วมีเงินเก็บอยู่ 10 ล้าน  อันนี้ไม่ต้องคิด
ซื้อสดไปเลย
ส่วนการโปะเงินผ่อนนั้น  ไม่ควรทำ  เพราะดอกเบี้ยลดนิดเดียวเอง

ออฟไลน์ Buffy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,503
    • อีเมล์
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 00:23:06 »
หากคุณซื้อสด ลองคิดว่าว่าภายในห้าปีหากต้องผ่อน ต้องใช้เงินก้อนไหม

หากไม่ ก็สดไปเลยครับ

ออฟไลน์ red898

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 206
    • อีเมล์
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 03:35:20 »
ซื้อผ่อนสิครับ ถ้าดอกเบี้ยซื้อรถมันต่ำกว่า อัตราผลตอบแทนที่คุนคิดว่าจะเอาเงินก้อนที่เหลือไปทำอย่างอื่น

สมมุติ ดอกไฟแนนซ์2.5%แต่เงินฝากประจำ3% คุณก็ได้กำไรไปแล้วปีละ0.5% ถ้าไม่อยากคาราคาซังก็ผ่อนสั้นๆ

ออฟไลน์ SP

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,745
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 07:02:18 »
มันก็แล้วแต่ความจำเป็นนะครับ ที่บ้านผมซื้อผ่อนกันเพราะคุณแม่ไม่อยากเอาเงินก้อนเดียวไปจมกับรถ

เอาเงินมาทำอย่างอื่นดีกว่า อีกอย่างดอกเบี้ยมันก็ไม่ได้แพงมาก แต่ถ้าซื้อสดเลยก็ดีครับ ไม่ต้องมาเป็นหนี้

ก็แล้วแต่คนชอบนะครับ  ;D ;D ;D

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 07:34:09 »
ซื้อสดเหมือนกันครับ

สมมุติ
รถราคา 6 แสน จ่ายดาวน์ไป 2 แสน

ยอดจัด 4 แสนบาท ดอกเบี้ย 1%
สมมุติผ่อน 4 ปี หรือ 48 งวด = เอา 4 แสน คูณ 1% = 16,000 บาท
คุณผ่อน งวดล่ะ 8,000 กว่าบาทต่อเดือน อาจจะดูเหมือนน้อย แต่จริงๆแล้ว เราก็เสียเงินเหมือนกัน

ลองคิดดูว่ามันคุ้มกันมั้ย กับของแถมที่ได้ จากการหลอกล่อของเซลล์

และผมบอกได้เลยว่า ดอก 1 % ที่ผมสมมุติขึ้นมา มันเป็นไปไม่ได้
ส่วนมาก 2% ขึ้นไปทั้งนั้น ซึ่งเท่ากับว่า คุณจะต้องจ่ายเพิ่ม 32,000 บาท จากราคาเต็ม

ซื้อสด = 600,000 บาท
ซื้อผ่อน = 632,000 บาท

ส่วนต่าง 32,000 บาท เอาไปเปลี่ยนยางดีๆได้ 2 รอบ และ แบตเตอรี่ได้อีก 2 ลูกครับ

ออฟไลน์ Seatar

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 158
    • อีเมล์
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 07:52:44 »
ขอบคุณทุกๆความเห้นนะครับ พอดีตัดสินใจเลือกระหว่าง Teana กะ almeraอยู่ แม้จะคนละsegmentก็เถอะนะ
ตอนนี้ผมก็จะซื้อalmera รุ่นtopด้วยเงินสดแหละครับจะได้เหลือเงินเยอะๆเอาไปทำอย่างอื่นได้

ออฟไลน์ redsun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,101
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 08:46:30 »
ผ่อนมี VAT 7% ด้วยนะครับ

ออฟไลน์ BestHuafoo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,120
  • เอี๊ยดแอ๊ด
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 09:00:33 »

ซื้อสดครับ จบแล้วจบกัน

ต้องให้เก็บเงินนานแค่ไหนก็ยอม

ออฟไลน์ tubtup

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 669
    • อีเมล์
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 09:12:37 »
ผ่อนมี VAT 7% ด้วยนะครับ

ผมไม่แน่ใจนะครับ
แต่จากเท่าที่รู้มา ผ่อน Vat 7% น่าจะเป็นของรถมือสองน่ะครับ :D

ออฟไลน์ Korn Coconut

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 145
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 09:13:07 »
ดอกเบี้ยรถที่เราต้องจ่ายคิดโหดกว่า ดอกเบี้ยแบงค์ที่เราจะได้ครับ ถ้ามีเงินถึงขนาดดอกเบี้ยแบงค์จ่ายดอกรถได้เนี่ย
คุณต้องมีเงินต้นในแบงค์เยอะมากๆๆๆ
นั่นหมายความว่าคุณมีเงินพอที่จะซื้อสดรถขนาดเล็กหรือขนาดกลางสักคันแล้วครับ

ถ้าจะหาดอกเบี้ยรายรับมาตัดดอกรถ ในขณะที่มีเงินประมาณหนึ่งที่ไม่ได้เยอะมาก กำลังตั้งตัว
คงต้องไปลงทุนในลักษณะดอกเบี้ยค่าตอบแทนสูงแต่ความเสี่ยงสูงตาม มีโอาสขาดทุน
เช่น เล่นหุ้นในตลาดหุ้น

ถ้ามีประสบการณ์ในการลงทุน ก็จัดไป
แต่ถ้าไม่ และมีเงินพออยู่บ้าง

สดเถอะครับ

ซื้อสด  รู้สึกเหี่ยวๆในวันจ่ายเงินรับรถ  

           แต่ 3-6 เดือนผ่านไปจะเริ่มรู้สึกโล่งงงง   สดชื่น หายใจไม่ติดขัด

ซื้อผ่อน  รู้สึกสดชื่น ปลื้มปิติ เมื่อเซลล์ถอยรถมาจอดหน้าเราในวันรับรถ

           แต่ 2-6 ปีหลังจากนั้น หม่น เครียด หายใจไม่สะดวก   เชื่อมั้ย แม้แต่คนมีเงินยังรู้สึก เพราะต้องผ่อนรถ compact หรูๆ ดอกมหาโหด

ตอบตามความรู้สึกและ ปสก ส่วนตัวล้วนๆ  การไม่มีหนี้คือลาภอันประเสริฐจริงๆ

สดเถอะครับ :)

ออฟไลน์ NineKlao

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,907
  • ชีวิตไม่ได้เป็นดังที่คิด ก็มันคือชีวิตนี่
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 09:15:29 »
ผ่อนมี VAT 7% ด้วยนะครับ

ผมไม่แน่ใจนะครับ
แต่จากเท่าที่รู้มา ผ่อน Vat 7% น่าจะเป็นของรถมือสองน่ะครับ :D

มือหนึ่งราคารวมvat แล้วครับ

ส่วนมือสอง ยอดกู้ ต้องเสีย vat ครับ

ออฟไลน์ Korn Coconut

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 145
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 09:20:59 »
เพิ่มเติมครับ :)

1.ถ้าต้องรีบใช้รถเพราะต้องใช้ในงานอาชีพ   แต่เงินไม่พอ   -  ผ่อน
                                                                ถ้าเงินพอ      -  สด


2.ถ้าอยากออกรถสนองความต้องการแต่ไม่ได้ช่วยเรื่องงานประจำ      รอเก็บเงินแล้วออกสดรถสักคัน

ผมเป็นคนหนึ่งที่อยากออกรถสนองกิเลสตัวเองมากๆ  แต่ยังห้ามใจไว้ได้ รอเวลาที่รายได้เราถึงแล้วออกรถที่ชอบครับ :)

ออฟไลน์ THEKHAM

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 487
    • อีเมล์
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 09:45:04 »


ออกสด ผ่อนกับที่บ้านครับ

เพราะถ้าไม่ทำเเบบนี้ บ้านผมก็เอาเงินไปให้ญาติยืม

ผมเลยยืมมาออกลดเงินสดซะเองเลย  เดิมว่าจะดาวน์-ผ่อนเหมือนกันครับ

ออฟไลน์ Arado_kung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,070
    • อีเมล์
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 09:52:17 »
ซื้อผ่อนสิครับ ถ้าดอกเบี้ยซื้อรถมันต่ำกว่า อัตราผลตอบแทนที่คุนคิดว่าจะเอาเงินก้อนที่เหลือไปทำอย่างอื่น

สมมุติ ดอกไฟแนนซ์2.5%แต่เงินฝากประจำ3% คุณก็ได้กำไรไปแล้วปีละ0.5% ถ้าไม่อยากคาราคาซังก็ผ่อนสั้นๆ

คอกเบี้ยรถมันเป็นแบบทบต้นทบดอกนะครับ เอาแบบง่ายๆเลยคือ ถ้าดอกเบี้ยรถ 2.5 จะเท่ากับดอกเบี้ยธนาคาร 5.0 ครับ รถเนี่ยลองปิดบัญชีก่อนกำหนดดูสิครับมันลดนิดเดียวเองแต่ธนาคารปิดก่อนลดบานเลย แม่ผมยังเคยเอาที่ดินไปกู้แบงค์มาซื้อรถเลยครับ คำนวณแล้วยังไงก็ถูกกว่า

ออฟไลน์ 7777777

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 599
    • อีเมล์
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 10:32:08 »
ถ้ามีเงินพอสามารถซื้อสดได้โดยไม่กระทบกับชีวิตประจำวัน ซื้อสด เถอะครับ

ไม่ต้องนั่งกังวลใจทีหลัง

แต่กับเซลส์ขายรถ ชอบให้ซื้อผ่อนมากกว่าครับ เค้าคงได้อะไรจากตรงนี้ด้วย

ของแถมเยอะกว่าซื้อสดหน่อยนึง แต่+/-ดูแล้ว ซื้อสดยังไงก็ถูกกว่าครับ แถมต่อรองราคาได้มากกว่าอีกด้วย

ออฟไลน์ warez

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 702
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 14:30:19 »
ซื้อผ่อนสิครับ ถ้าดอกเบี้ยซื้อรถมันต่ำกว่า อัตราผลตอบแทนที่คุนคิดว่าจะเอาเงินก้อนที่เหลือไปทำอย่างอื่น

สมมุติ ดอกไฟแนนซ์2.5%แต่เงินฝากประจำ3% คุณก็ได้กำไรไปแล้วปีละ0.5% ถ้าไม่อยากคาราคาซังก็ผ่อนสั้นๆ

คอกเบี้ยรถมันเป็นแบบทบต้นทบดอกนะครับ เอาแบบง่ายๆเลยคือ ถ้าดอกเบี้ยรถ 2.5 จะเท่ากับดอกเบี้ยธนาคาร 5.0 ครับ รถเนี่ยลองปิดบัญชีก่อนกำหนดดูสิครับมันลดนิดเดียวเองแต่ธนาคารปิดก่อนลดบานเลย แม่ผมยังเคยเอาที่ดินไปกู้แบงค์มาซื้อรถเลยครับ คำนวณแล้วยังไงก็ถูกกว่า

ไฟแนนซ์คิดดอกเบี้ยอัตราคงที่ตลอดระยะเวลาผ่อน เงินที่ผ่อนไปแล้วไม่ได้นำไปลดดอกเบี้ยงวดถัดไป เพราะคิดเหมารวมตั้งแต่จัด

เงินกู้ธนาคาร จะทำการคิดดอกเบี้ยทุกๆเดือน(หรือรอบบัญชี) ทำให้เมื่อผ่อนไป ดอกเบี้ยก็จะลดลงเป็นลำดับ

คิดง่ายๆก็เอาดอกเบี้ยไฟแนนซ์(ผ่อน4ปี) คูณ2 ก็จะได้ดอกเบี้ยเงินกู้

ออฟไลน์ mongolias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,369
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 15:01:03 »
ผมมองถึงการออกดอกผลเป็นหลักครับ
ถ้าคุณมีความสามารถหาดอกผลได้มากกว่าดอกเบี้ยที่คุณต้องจ่ายในกรณีผ่อนรถ ผมเลือกซื้อเงินผ่อนครับ
แต่ถ้าคุณเก็บเงินก้อนนั้นไว้เฉยๆ ไม่คิดจะลงทุนอะไร นอกจากฝากออมทรัพย์ อันนี้ผมเลือกซื้อสดครับ

ออฟไลน์ redsun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,101
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 18:59:29 »
ผ่อนมี VAT 7% ด้วยนะครับ

ผมไม่แน่ใจนะครับ
แต่จากเท่าที่รู้มา ผ่อน Vat 7% น่าจะเป็นของรถมือสองน่ะครับ :D

มือหนึ่งราคารวมvat แล้วครับ

ส่วนมือสอง ยอดกู้ ต้องเสีย vat ครับ

ผมลองไปคำนวณใน EXCEL เทียบกับ เว็บไซด์ (สินเชื่อรถใหม่) แห่งหนึ่ง
เป็นจริงอย่างที่คุณ tubtup และคุณ NineKlao บอกไว้เลยครับ

ผมปล่อยไก่ตัวเบ่อเร่อเลยครับ :D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 04, 2012, 19:03:00 โดย redsun »

ออฟไลน์ mckyparty

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 748
    • อีเมล์
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 23:16:38 »
ไม่ต้องคำนวนอะไรหรอกครับ
จะรถใหม่ รถเก่า ถ้าซื้อผ่อน เค้ามีบวก Vat 7% ในแต่ละงวดรวมอยู่แล้ว แน่นอนชังป้าด ท้าให้ไปดูไปค่างวดที่ส่งมาแต่ละเดือนเลย

ตอนแรกผมก้อคิดว่ามันมีแต่รถมือสองที่บวก Vat ในแต่ละเดือน แต่นี่รถใหม่ๆ บิลที่บ้าน ทั้งธนชาติ ทั้งกรุงศรี แต่ละใบบวก Vat 7% ด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่เค้าคำนวนมาให้เราสบายใจแล้วในตอนแรกไงครับ

ลองไปดู ใครที่คิดว่ารถใหม่ แต่ละงวดไม่เสีย Vat นะ

ออฟไลน์ porasit33

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,189
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: มกราคม 05, 2012, 00:21:42 »
ดาวน์ครึ่งนึงครับ
อีกครึงเอาไปหมุน
  - ปล่อยกูให้นายหน้าเอาไปปล่อยอีกที เราก็เก็บดอกร้อยละ 3 สมมติ ดาวน์ 400,000 ผ่อน 500,000 ถ้าเอา 500,000 ไปปล่อยกู้ ร้อยละ 3 (ดอกไม่สูงมากแต่ก็ไม่เสีย่งมากเช่นกัล) จะได้เดือนละ 15,000  เอาส่วนนี้ไปผ่อน รถ ผ่อนหมดก็จะมีเงินก้อน 500,000 บาท
  - หมุนเงินแบบนี้ไม่ควรเอาไปลงทุนประเภทอื่น เช่น ทำร้านค้า ขายของ เพราะเงินที่เอาไปหมุนอาจจะย้อนกลับมาเป็นภาระได้ ซึ่งหนักกว่าเดิมอีก

ยังไงก็ลองคิดดูน่ะครับ สบายใจสุดก็ซื้อสด  แต่ถ้าสู้ๆนิดหน่อย หาทางเอาเงินไปปล่อย ก็คุ้มอีกนิด 555+

ออฟไลน์ Lecter the Ripper

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 201
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: มกราคม 05, 2012, 01:37:31 »
ขอแหวกแนวครับ

เป็นผม รวยแค่ไหนก็ซื้อผ่อนครับ เพราะ

1 ถ้ามีบริษัท ซื้อรถในนามบริษัท สามารถเอาค่า ลีซซิ่งไปเป็นค่าใช้จ่ายบริษัทได้ งวดละไม่เกิน 36,000 บาท

พอผ่อนหมด โอนเข้าบริษัท สามารถหักค่าเสื่อมได้อีก

ไม่เกินคันละ 1 ล้านบาท ปีละ 20 เปอร์เซ็น หักได้ตั้งห้าปี  มีกี่บริษัทก็ยัดๆๆรถเข้าไป

ในทางบริษัท เอา รายได้ - ค่าใช้จ่าย (ค่าลีซซิ่งรถ หรือ ค่าเสื่อม) = กำไร แล้วค่อยไปเสียภาษีทีหลัง  ถูกต้องตามกฎหมาย 1000% คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม

2 ถ้าซื้อในนามบุคคล  เงินสดในปัจจุบันมีค่ามากที่สุด  ผมและคุณสามารถหาผลตอบแทนได้มากกว่า

ดอกเบี๊ยเล็กน้อยจากค่าผ่อนรถแน่นอนยิ่งกว่าแช่แป้งครับ  (ขายลูกชิ้นปิ้งยังได้ผลตอบแทน 50% เลย)

นี่ยังไม่รวมเงินเพื้อ ที่ 3.5 เปอร์เซ็นและมีแนวโน้มปรับขึ้น  เทียบกับดอกเบี๊ยเล็กน้อยแล้ว แทบจะแปลว่าคุณเป็นหนี้น้อยลงเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไปเลยครับ

เจ้าหนี้ตะหากที่เป็นคนขาดทุน ไม่ใช่คุณ  ยิ่งถ้ามีเงินก้อนนึง พอจะซื้อรถตามหัวข้อ ผมมองว่า การซื้อสดกลับกลายเป็นความเสี่ยงอย่างมาก

ถ้าผ่อนๆไปแล้วมีเรื่องเจ็บป่วยโน่นนี่นั่น จำเป็นต้องใช้เงิน อย่างเลวร้ายที่สุดก็โดนยึดรถ  แต่คุณยังมีเงินรักษาพยาบาล

(ค่ารักษาพยาบาลสมัยนี้ถูกๆที่ไหนกัน เป็นหนักๆนี่หลักสิบล้านหายไปในวับตา)  มีกินมีใช้ไม่อดตาย  บ้านที่ผ่อนก็อาจไม่โดนยึด มีที่ซุกหัวนอน

ถ้ายิ่งมีก้อนนึงพอซื้อรถตามหัวข้อ แล้วจ่ายสด กลับกลายเป็นว่าได้รถมา  แต่เกิดมีปัญหาโน่นนี่นั่นมา ต้องให้รถเป็นแพทย์ เป็นบ้าน เป็นอาหาร ???

สิ้นชีวิตแต่ได้รถมา  คิดว่าไม่น่าจะคุ้ม



สรุป  ยังไงๆ ก็ซื้อผ่อนครับ  ดาวเงินสด น้อยที่สุด ผ่อนให้นานที่สุด

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 05, 2012, 03:21:02 โดย Lecter the Ripper »

ออฟไลน์ neo7s

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 35
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: มกราคม 05, 2012, 03:42:06 »
แนวคิดคุณ Lecter the Ripper (เฉพาะกรณีเช่าซื้อเพื่อนำไปหักเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท)
ถ้าเป็นเจ้าของบริษัทที่ทำกำไรต่อปีได้ดีพอสมควร
วิธีนี้ถือเป็นการบริหารบัญชี เพื่อช่วยลดภาระภาษีเงินได้ของบริษัท
ถือเป็นหนทางที่ทุกบริษัทก็ทำกัน

แต่ผมข้อเสริมซักนิดนะครับ กับ กรณีที่พูดถึง เงินที่เหลืออยู่ในมือของเรา
กับการมองว่า กู้นานๆดี เพราะยิ่งนานยิ่งเป็นหนี้น้อยลงเพราะภาวะเงินเฟ้อ
ผมกังวลว่า ถ้าคนที่ไม่เข้าใจจริงๆ เอาแนวคิดนี้ไปใช้ สุดท้ายมันจะเข้าตัวครับ

1. คุณต้องมีวินัยทางการเงินเป็นอย่างมาก ต้องบริหารหนี้ที่มีอยู่อย่างแม่นยำ

2. คุณต้องห้ามลืมว่า เงินสดที่คุณมีอยู่ ไม่ใช่ของคุณ แต่เป็นหนี้ที่คุณได้
    ยืดการชำระออกไป เพื่อให้คุณได้มีโอกาส นำเงินก้อนนี้ไปต่อยอดได้
    ต้องห้ามนำไปใช้จ่ายอย่างอื่น ด้วยหลงคิดว่าเป็นเงินของตนเองโดยเด็ดขาด

3. การนำไปต่อยอด ย่อมมีความเสี่ยง ต้องมั่นใจว่า เงินก้อนนี้
    จะไปต่อยอดในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด และให้ผลตอบแทนที่แน่นอน
    มิเช่นนั้นจะกลายเป็นการไปสร้างหนี้ก้อนใหม่ ซ้ำเติมไปอีก

4. อย่าผ่อนทุกอย่างในชีวิต เพราะเมื่อวันที่คุณสะดุด
    ทุกอย่างมันจะล้มครืนลงมาพร้อมๆกัน
    มันจะหนักหนาสาหัส จนหาทางออกไม่ได้

5. การมองว่ากู้นานๆ ภาวะเงินเฟ้อจะช่วยให้หนี้คุณลดลง
    เราฉลาดเจ้าหนี้ขาดทุน เป็นแค่คำพูดในเชิงกลอุบายทางจิตวิทยา
    แต่จริงๆแล้ว หนี้มันไม่ได้ลดนะครับ หนี้ก็ส่วนหนี้
    เงินเฟ้อก็ส่วนเงินเฟ้อ สองเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน
    หนี้ที่ก่อไว้ก็ยังเท่าเดิม แม้ว่าในอนาคตค่าครองชีพของเราจะสูงขึ้น
    แต่ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ไม่ได้แปลว่ารายได้เราจะสูงขึ้นตามไป
    ในอัตราส่วนที่เท่ากันนะครับ ดูง่ายๆ อย่างบ้านเราตอนนี้
    นโยบายค่าแรงขั้นต่ำของรัฐ ทำให้ราคาก๋วยเตี๋ยวชามนึง
    จาก 25-30 วิ่งไปอยู่ที่ 35-40 บาท ก็ราว 30-40%
    แล้วเงินเดือนท่านๆ ณ วันนี้ เพิ่มขึ้น 30-40% รึเปล่าครับ
    บางคนก็ยังเงินเดือนเท่าเดิม ไม่ขึ้นซักบาทซะด้วยซ้ำ
    ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ก็มีแต่จะค่อยๆลดลงตลอดเวลา เช่นกัน
    สมมุติว่าคุณเลือกผ่อนรถไว้ 5 ปี ตอนปี 2551
    อัตราดอกเบี้ย ณ วันนั้น กับวันนี้ ก็ต่างกันแล้วครับ
    แล้วไอ้ดอกเบี้ยที่เราคุยๆกันอยู่ มันเป็นแบบ flat rate ไม่ใช่ effective rate นะครับ
    จริงแล้วเราจ่ายสูงกว่านั้น ลองทำความเข้าใจเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้ดูก่อน
    http://topicstock.pantip.com/home/topicstock/2011/06/R10641058/R10641058.html

ผมมีคนรู้จักหลายๆคน ที่เคยคิดแบบนี้ คิดว่าการกู้เงินเป็น smart choice
ส่วนใหญ่มักจบลงที่มีหนี้สินล้นตัว เนื่องด้วยอย่างที่บอกไปข้างต้นว่า
วิธีนี้จำเป็นต้องมีวินัยการเงินอย่างมาก รวมถึงต้องต่อยอดเงินที่มีอยู่ได้จริงๆ
ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ไม่มีวินัยทางการเงิน เงินที่มีก็ไม่ได้เอาไปต่อยอด
แต่ชอบหลงคิดว่าเป็นของตนเองแล้วนำไปใช้จ่ายด้านอื่นๆ
คิดแต่ว่า หนี้สินในอนาคต ก็คือหนี้สินในอนาคต ยังไม่เกิดไม่มีตัวตน เป็นแค่อากาศ
กว่าจะรู้ตัว ก็สายเสียแล้ว

ผมแนะนำว่า ถ้าจะตัดสินใจเป็นหนี้เมื่อใด ก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไปอย่างระมัดระวังนะครับ
ชนชั้นระดับ Land Lord เค้าคงไม่ฉลาดน้อย จนออกกติกาที่ทำให้ตัวเองต้องเสียเปรียบหรอกครับ :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 05, 2012, 04:14:49 โดย neo7s »

ออฟไลน์ redsun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,101
Re: ซื้อสดVsซื้อเงินผ่อน
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: มกราคม 05, 2012, 04:41:46 »
ไม่ต้องคำนวนอะไรหรอกครับ
จะรถใหม่ รถเก่า ถ้าซื้อผ่อน เค้ามีบวก Vat 7% ในแต่ละงวดรวมอยู่แล้ว แน่นอนชังป้าด ท้าให้ไปดูไปค่างวดที่ส่งมาแต่ละเดือนเลย

ตอนแรกผมก้อคิดว่ามันมีแต่รถมือสองที่บวก Vat ในแต่ละเดือน แต่นี่รถใหม่ๆ บิลที่บ้าน ทั้งธนชาติ ทั้งกรุงศรี แต่ละใบบวก Vat 7% ด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่เค้าคำนวนมาให้เราสบายใจแล้วในตอนแรกไงครับ

ลองไปดู ใครที่คิดว่ารถใหม่ แต่ละงวดไม่เสีย Vat นะ

คือ มันมีวิธีปฎิบัติคำนวณของรถใหม่ กับรถเก่า เพื่อความสะดวกในการหาผลลัพท์อ่ะครับ
    (ซึ่งผลลัพท์ที่แตกต่างในแต่ละเดือนก็คือ VAT ที่ยังไม่รวมเข้าไปของกรณีรถเก่าน่ะครับ)