แนวคิดคุณ Lecter the Ripper (เฉพาะกรณีเช่าซื้อเพื่อนำไปหักเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท)
ถ้าเป็นเจ้าของบริษัทที่ทำกำไรต่อปีได้ดีพอสมควร
วิธีนี้ถือเป็นการบริหารบัญชี เพื่อช่วยลดภาระภาษีเงินได้ของบริษัท
ถือเป็นหนทางที่ทุกบริษัทก็ทำกัน
แต่ผมข้อเสริมซักนิดนะครับ กับ กรณีที่พูดถึง เงินที่เหลืออยู่ในมือของเรา
กับการมองว่า กู้นานๆดี เพราะยิ่งนานยิ่งเป็นหนี้น้อยลงเพราะภาวะเงินเฟ้อ
ผมกังวลว่า ถ้าคนที่ไม่เข้าใจจริงๆ เอาแนวคิดนี้ไปใช้ สุดท้ายมันจะเข้าตัวครับ
1. คุณต้องมีวินัยทางการเงินเป็นอย่างมาก ต้องบริหารหนี้ที่มีอยู่อย่างแม่นยำ
2. คุณต้องห้ามลืมว่า เงินสดที่คุณมีอยู่ ไม่ใช่ของคุณ แต่เป็นหนี้ที่คุณได้
ยืดการชำระออกไป เพื่อให้คุณได้มีโอกาส นำเงินก้อนนี้ไปต่อยอดได้
ต้องห้ามนำไปใช้จ่ายอย่างอื่น ด้วยหลงคิดว่าเป็นเงินของตนเองโดยเด็ดขาด
3. การนำไปต่อยอด ย่อมมีความเสี่ยง ต้องมั่นใจว่า เงินก้อนนี้
จะไปต่อยอดในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด และให้ผลตอบแทนที่แน่นอน
มิเช่นนั้นจะกลายเป็นการไปสร้างหนี้ก้อนใหม่ ซ้ำเติมไปอีก
4. อย่าผ่อนทุกอย่างในชีวิต เพราะเมื่อวันที่คุณสะดุด
ทุกอย่างมันจะล้มครืนลงมาพร้อมๆกัน
มันจะหนักหนาสาหัส จนหาทางออกไม่ได้
5. การมองว่ากู้นานๆ ภาวะเงินเฟ้อจะช่วยให้หนี้คุณลดลง
เราฉลาดเจ้าหนี้ขาดทุน เป็นแค่คำพูดในเชิงกลอุบายทางจิตวิทยา
แต่จริงๆแล้ว หนี้มันไม่ได้ลดนะครับ หนี้ก็ส่วนหนี้
เงินเฟ้อก็ส่วนเงินเฟ้อ สองเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน
หนี้ที่ก่อไว้ก็ยังเท่าเดิม แม้ว่าในอนาคตค่าครองชีพของเราจะสูงขึ้น
แต่ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ไม่ได้แปลว่ารายได้เราจะสูงขึ้นตามไป
ในอัตราส่วนที่เท่ากันนะครับ ดูง่ายๆ อย่างบ้านเราตอนนี้
นโยบายค่าแรงขั้นต่ำของรัฐ ทำให้ราคาก๋วยเตี๋ยวชามนึง
จาก 25-30 วิ่งไปอยู่ที่ 35-40 บาท ก็ราว 30-40%
แล้วเงินเดือนท่านๆ ณ วันนี้ เพิ่มขึ้น 30-40% รึเปล่าครับ
บางคนก็ยังเงินเดือนเท่าเดิม ไม่ขึ้นซักบาทซะด้วยซ้ำ
ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ก็มีแต่จะค่อยๆลดลงตลอดเวลา เช่นกัน
สมมุติว่าคุณเลือกผ่อนรถไว้ 5 ปี ตอนปี 2551
อัตราดอกเบี้ย ณ วันนั้น กับวันนี้ ก็ต่างกันแล้วครับ
แล้วไอ้ดอกเบี้ยที่เราคุยๆกันอยู่ มันเป็นแบบ flat rate ไม่ใช่ effective rate นะครับ
จริงแล้วเราจ่ายสูงกว่านั้น ลองทำความเข้าใจเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้ดูก่อน
http://topicstock.pantip.com/home/topicstock/2011/06/R10641058/R10641058.htmlผมมีคนรู้จักหลายๆคน ที่เคยคิดแบบนี้ คิดว่าการกู้เงินเป็น smart choice
ส่วนใหญ่มักจบลงที่มีหนี้สินล้นตัว เนื่องด้วยอย่างที่บอกไปข้างต้นว่า
วิธีนี้จำเป็นต้องมีวินัยการเงินอย่างมาก รวมถึงต้องต่อยอดเงินที่มีอยู่ได้จริงๆ
ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ไม่มีวินัยทางการเงิน เงินที่มีก็ไม่ได้เอาไปต่อยอด
แต่ชอบหลงคิดว่าเป็นของตนเองแล้วนำไปใช้จ่ายด้านอื่นๆ
คิดแต่ว่า หนี้สินในอนาคต ก็คือหนี้สินในอนาคต ยังไม่เกิดไม่มีตัวตน เป็นแค่อากาศ
กว่าจะรู้ตัว ก็สายเสียแล้ว
ผมแนะนำว่า ถ้าจะตัดสินใจเป็นหนี้เมื่อใด ก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไปอย่างระมัดระวังนะครับ
ชนชั้นระดับ Land Lord เค้าคงไม่ฉลาดน้อย จนออกกติกาที่ทำให้ตัวเองต้องเสียเปรียบหรอกครับ