อลหม่านภาษีรถใหม่ขู่ย้ายฐาน " ปิกอัพ-ไฮบริด " อ่วม / เพิ่มลงทุนอีโคคาร์

Nut_K

ที่มา : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1356167530&grpid=02&catid=08&subcatid=0800

ค่ายรถอลหม่าน รับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ วงในชี้ "ปิกอัพ-ไฮบริด" อ่วม รถยนต์ไฮบริดเครื่องยนต์ 2,000 ซีซีขึ้นไป ภาษีเพิ่มขึ้นเท่าตัว หวั่น "โตโยต้า" ย้ายฐานซบมาเลย์ ภาษีจูงใจ 0% จับตาค่ายรถเร่งลงทุน พัฒนาเทคโนโลยี "มิตซูฯ" คาดต้นทุนเฉลี่ยเพิ่มไม่เกิน 10,000 บาท หลังปีใหม่ค่ายรถเข้าหารือขอความชัดเจนในรายละเอียดอีกรอบ

นางเพียงใจ แก้วสุวรรณ นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ถือเป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย โดยเฉพาะการกำหนดค่ามาตรฐานการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 และเงื่อนไขระยะเวลาที่ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งแน่นอนว่าบางค่ายรถอาจได้รับผลกระทบหรือสูญเสียผลประโยชน์มาก โดยเฉพาะค่ายรถปิกอัพที่เพิ่งเปิดตัวรุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด หรือที่มีแผนจะเปิดตัวภายใน 1-2 ปีนี้ เนื่องจากอายุของรถปิกอัพมีช่วงเวลาค่อนข้างยาว 8-9 ปี เพราะหมายความว่าค่ายรถปิกอัพที่เพิ่งเปิดตัวรุ่นใหม่จะมีโอกาสทำตลาดได้เพียง 2-3 ปี ก็ต้องลงทุนเพิ่มเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อให้ได้มาตรฐาน CO2 สอดคล้องกับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่

"อย่างไรก็ตาม ภาครัฐก่อนที่จะเอาตัวเลขเหล่านี้มาได้มีการศึกษามาอย่างดี โดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาโซลูชั่นที่ใกล้เคียงกับโจทย์ของประเทศไทย และเชื่อว่าทุก ๆ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รู้เรื่องดังกล่าวมาก่อน อีกทั้งยังมีเวลาเตรียมตัวมาล่วงหน้าพอสมควร" นางเพียงใจกล่าว

ค่ายปิกอัพกระทบหนัก

แหล่งข่าวจากอุตสาหกรรมยานยนต์วิเคราะห์ว่า จากข้อมูลเบื้องต้นเชื่อว่ากลุ่มผู้ผลิตรถปิกอัพจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก โดยจะเห็นว่ารถปิกอัพโดยเฉพาะในส่วนของรถตอนครึ่ง หรือสเปซแค็บ มีการปรับขึ้นภาษีค่อนข้างสูง คือจาก 3% ขยับมาเป็น 5% หากสามารถจำกัดการปล่อย CO2 ได้ต่ำกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตร แต่หาก CO2 เกินกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตร ก็จะถูกจัดเก็บภาษีในอัตรา 7%

ขณะที่รถปิกอัพดัดแปลงหรือพีพีวี ที่เครื่องยนต์น้อยกว่า 2,250 ซีซี เดิมเสียภาษีที่ 20% แต่ภาษีใหม่ หากปล่อย CO2 ได้ต่ำกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตร ก็จะเสียภาษี 25% และหากขนาดเครื่องยนต์เกิน 3,250 ซีซี ภาษีจะขยับไปที่ 50% ส่วนปิกอัพ 4 ประตู หรือดับเบิลแค็บ ที่เครื่องต่ำกว่า 3,250 ซีซี ปล่อย CO2 ต่ำกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตร เสียภาษีเท่าเดิมที่ 12% แต่หาก CO2 เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จะต้องเสียภาษีที่ 15%

ทั้งนี้จะเห็นว่ารถปิกอัพขนาด 1 ตันนั้นมีการปรับโครงสร้างภาษีที่ค่อนข้างชัดเจน ทำให้ค่ายรถยนต์ที่มีรถประเภทนี้ ทั้งโตโยต้า, อีซูซุ, นิสสัน, มิตซูบิชิ, มาสด้า, เชฟโรเลต, ทาทา ฯลฯ จะต้องมีการปรับตัวและพัฒนาสินค้าเพื่อลดการปล่อย CO2 โดยเฉพาะค่ายอีซูซูที่มีสินค้าเฉพาะรถปิกอัพ และรถพีพีวี จึงต้องมีการปรับตัวค่อนข้างมาก

ไฮบริดเกิน 2,000 ซีซี เพิ่มเท่าตัว

นอกจากนี้ในส่วนของรถยนต์ไฮบริดถือเป็นอีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างชัดเจน เพราะเดิมเสียภาษีในอัตรา 10% หากพิจารณาจากโครงสร้างใหม่จะเห็นว่า รถไฮบริดที่มีเครื่องต่ำกว่า 2,000 ซีซี และปล่อย CO2 ต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร ยังคงเสียภาษีในอัตราเท่าเดิมคือ 10% แต่ในส่วนของเครื่องยนต์ขนาด 2,001-2,500 ซีซี ปล่อย CO2 ระหว่าง 101-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บในอัตรา 20% เครื่องยนต์ขนาด 2,501-3,000 ซีซี ปล่อย CO2 ที่ 151-200 กรัมต่อกิโลเมตร เสียภาษีที่ 25% และหากปล่อย CO2 เกินกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตร ต้องเสียภาษีที่ 30%

แหล่งข่าวกล่าวว่า หากพิจารณาโดยละเอียดจะเห็นว่า อัตราภาษีสรรพสามิตของรถไฮบริดถูกปรับขึ้นทั้งกระดาน ซึ่งค่ายรถยนต์ที่ดูจะได้รับผลกระทบหนักคือค่ายโตโยต้า ที่ได้เปิดตัวรถยนต์ไฮบริดออกสู่ตลาดประเทศไทย เมื่อประมาณ 3 ปีก่อนหน้านี้ กับโตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด และตามมาด้วยโตโยต้า พริอุส ซึ่งทั้ง 2 รุ่นได้ขึ้นไลน์ผลิตที่โรงงานเกตเวย์ ฉะเชิงเทรา และโตโยต้ายังมีแผนที่จะแนะนำรถรุ่นใหม่ ๆ ที่ใช้เครื่องยนต์ไฮบริด สำหรับตลาดในประเทศไทยและภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง

ส่วนค่ายฮอนด้าที่เพิ่งมีการเปิดตัว ฮอนด้า แจ๊ซ ไฮบริด เครื่องยนต์ 1,300 ซีซี นั้นไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องเป็นเครื่องยนต์ขนาดเล็ก ทำให้การเสียภาษียังอยู่ในเกณฑ์เท่าเดิมที่ 10% หากปล่อย CO2 ต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร

"ในกรณีรถไฮบริดจะเห็นว่าโตโยต้าได้รับผลกระทบหนักที่สุด หลังจากเมื่อ 3 ปีก่อน รัฐบาลจูงใจให้ค่ายรถนำเครื่องยนต์ไฮบริดมาทำตลาด และโตโยต้าก็สนองนโยบาย มีการเปิดตัวรถและขึ้นไลน์ผลิตในประเทศไทย แต่จากโครงสร้างภาษีใหม่ถือว่ากระเทือนกับไฮบริดโดยตรง เราคงต้องจับตาว่าโตโยต้าจะทำอย่างไร เพราะในต่างประเทศอย่างญี่ปุ่น รัฐบาลจูงใจและสนับสนุนรถไฮบริดเป็นเวลาถึง 10 ปี หรืออย่างมาเลเซียก็สนับสนุนภาษีรถไฮบริด 0% ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าโตโยต้าอาจพิจารณาย้ายฐานการผลิตไปมาเลเซียแทน" แหล่งข่าวกล่าว

อีโคคาร์ ภาษีลดลงอีก 3%

แหล่งข่าวกล่าวว่า ในส่วนของ "อีโคคาร์" ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากรัฐบาล การปรับโครงสร้างภาษีครั้งนี้ กลุ่มอีโคคาร์ถือว่าได้รับประโยชน์หรือมีแรงจูงใจค่อนข้างสูง คือเดิมเสียที่ 17% แต่หากปล่อย CO2 ได้ต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสียภาษีที่ 14% และหากพัฒนาให้รองรับการใช้น้ำมันอี 85 ได้จะลดลงเหลือ 12% และหากปล่อย CO2 ที่ระดับ 101-120 กรัมต่อกิโลเมตร ก็จะเสียภาษีในอัตราเท่าเดิมคือ 17%

โดยปัจจุบันมีค่ายรถยนต์เพียง 5 ค่ายเท่านั้นที่ได้รับการส่งเสริมอีโคคาร์ คือ นิสสัน, ฮอนด้า, ซูซูกิ, มิตซูบิชิ และโตโยต้า ทำให้เกิดคำถามว่าเมื่อโครงสร้างภาษีใหม่มีผลบังคับใช้แล้ว ภาครัฐจะเปิดโอกาสให้ค่ายรถอื่น ๆ นอกเหนือจาก 5 ค่ายเข้ารับสิทธิประโยชน์ในกลุ่มรถประเภทนี้เพิ่มเติมหรือไม่ หากค่ายอื่น ๆ สามารถพัฒนารถได้ตามเงื่อนไข

มิตซูฯขานรับเร่งลงทุนลด CO2

นายโนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การเปลี่ยนโครงสร้างภาษีตาม CO2 ถือเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะทั่วโลกก็ใช้แบบนี้ และแฟร์กับสิ่งแวดล้อม แม้จะไม่ได้เอาขนาดของเครื่องยนต์เป็นที่ตั้ง แต่การที่เครื่องยนต์จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อย ก็ย่อมหมายถึงการใช้เชื้อเพลิงที่น้อย

สำหรับโครงสร้างภาษีใหม่ที่ให้การสนับสนุนรถกลุ่มอีโคคาร์เป็นสิ่งที่เหมาะสม เพราะวัตถุประสงค์ในการทำโครงการนี้ นอกจากจะเป็นรถเพื่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นรถที่ประชาชนหาซื้อได้ง่าย และพอเหมาะกับความจำเป็น ไม่ใช่สิ่งฟุ่มเฟือย รถยนต์ไม่จำเป็นต้องขนาดใหญ่ จึงไม่มีการปรับขึ้นภาษี บวกกับโครงสร้างภาษีที่สนับสนุนทั้งเอทานอล ซีเอ็นจี ถือว่ารัฐบาลจริงใจในการใช้พลังงานทดแทน มิตซูบิชิเห็นด้วยกับนโยบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจของประเทศไทย

ส่วนการกำหนดค่า CO2 ในกลุ่มรถปิกอัพ โดยถือเกณฑ์ที่ 200 กรัมต่อกิโลเมตรเป็นหลักนั้น เหมาะสมและท้าทาย ซึ่งปัจจุบันมิตซูบิชิอาจยังไม่เข้าเกณฑ์และต้องพัฒนาจุดนี้ ส่วนการปรับภาษีในกลุ่มรถยนต์นั่งขึ้นนั้น เชื่อว่ารัฐบาลอาจต้องการแหล่งที่มาของรายได้เพื่อชดเชยจากการสนับสนุนรถอีโคคาร์และพลังงานทางเลือก และท้ายที่สุด มิตซูบิชิและค่ายรถยนต์ต้องยอมรับในเงื่อนไข สำหรับระยะเวลา 3 ปีนั้นถือว่าเพียงพอ

"การปรับทั้งระบบก็ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับและเข้าใจได้ ส่วนรถไฟฟ้าและรถปลั๊กอินไฮบริด มองว่าต้นทุนการผลิตค่อนสูง แต่รัฐบาลเก็บภาษีที่ 10% ก็ถือว่ายอมรับได้ในเบื้องต้น และที่สุดลูกค้าคือผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด"

ขณะที่โครงสร้างภาษีรถปิกอัพถือว่าดีและน่าพอใจ และมิตซูบิชิอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางว่าจะเลือกใช้วิธีใด จากที่ประเมินเบื้องต้น การลงทุนพัฒนาเครื่องยนต์เพื่อให้ได้มาตรฐาน CO2 มีต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 2% หรือเฉลี่ยไม่เกิน 10,000 บาทต่อคัน

หนุนลูกค้าเลือกซื้อรถต้องดู CO2

นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากประกาศโครงสร้างภาษีใหม่ โดยใช้มาตรฐาน CO2 เป็นตัววัดนั้นถือเป็นทิศทางที่ถูกต้อง และเชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมความรับผิดชอบของผู้ผลิตรถยนต์ รวมทั้งผู้ใช้รถต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกันกับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มรถปิกอัพที่ถือเป็นรถที่ปล่อย CO2 ค่อนข้างมาก และถือเป็นความท้าทายของผู้ผลิตรถยนต์ที่จะพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมออกสู่ตลาด และเชื่อว่าอนาคตลูกค้าก็จะได้ใช้รถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและราคาถูกลง และมาสด้าเชื่อว่าจะทำให้เกิดการแข่งขันที่เสรี

"จากนี้เราน่าจะได้เห็นค่ายรถแข่งกันพัฒนารถเพื่อให้ได้ตามข้อกำหนดค่า CO2 และเชื่อว่าไม่กระเทือนต่อราคาจำหน่าย เพราะท้ายที่สุดค่ายไหนทำไม่ได้ ก็ต้องขึ้นราคาขายตามโครงสร้างภาษีที่สูง ซึ่งก็จะส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขัน และลูกค้าก็จะปรับพฤติกรรมจากเดิมที่ซื้อรถโดยการเปรียบเทียบออปชั่นกับราคา แต่อนาคตจะมีเรื่องของ CO2 เข้ามามีส่วนในการตัดสินใจซื้อด้วย"

สำหรับมาสด้าเองก็ต้องพิจารณาในเรื่องของค่า CO2 และหากจำเป็นจะต้องปรับขึ้นราคาก็คงจะต้องขึ้นให้น้อยที่สุด เพื่อให้ผลกระทบไปถึงผู้บริโภคน้อยที่สุด

อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างภาษีครั้งนี้ในส่วนของโปรดักต์แชมเปี้ยนของประเทศไทย ในส่วนรถปิกอัพขนาด 1 ตัน และรถอีโคคาร์ จะเห็นว่ารัฐบาลให้การสนับสนุนที่สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง โดยรถปิกอัพมีการปรับขึ้นเกือบทั้งแผง ส่วนรถอีโคคาร์ให้แรงจูงใจค่อนข้างสูง สำหรับมาสด้าแม้จะไม่ได้เข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ แต่หากพัฒนารถมาสด้า 2 ได้เท่าเกณฑ์อีโคคาร์ หรือต่ำกว่ารัฐบาล จะมีสิทธิประโยชน์อย่างไร

หวั่นนโยบายรัฐเปลี่ยนบ่อย

อย่างไรก็ตามมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงนโยบายการปรับโครงสร้างภาษีของรัฐบาลว่า เนื่องจากที่ผ่านมา 3 ปี รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมรถยนต์พลังงานทดแทน ทั้งไฮบริด อี 85 ซีเอ็นจี เมื่อภาคเอกชนมีการลงทุนพัฒนา แต่โครงสร้างภาษีใหม่ที่ออกมาก็มีการปรับขึ้นภาษี ทำให้กระทบกับแผนการลงทุนของค่ายรถ ทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่านโยบายดังกล่าวจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกหรือไม่

นอกจากนี้แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมยานยนต์กล่าวเพิ่มเติมว่า จากมติ ครม.ยังมีบางประเด็นที่ยังเป็นข้อถกเถียงและไม่มีความชัดเจน อาทิ การกำหนดมาตรฐานความปลอดภัย (Active Safety) สำหรับรถยนต์นั่ง ขณะนี้ยังไม่มีข้อกำหนดที่ชัดเจน คาดว่าสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม หรือ สศอ. จะเป็นผู้กำหนด คาดว่าหลังปีใหม่กลุ่มผู้ผลิตจะมีการรวมตัวกันเพื่อขอรับฟังความชัดเจนจากภาครัฐอีกครั้ง



Nut_K

ขาใหญ่แห่งวงการมีแววที่จะขยับแล้ว รอดูต่อไปว่านโยบายปรับอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่จะยังมีเหมือนเดิมอีกหรือเปล่า



teaykung31

ย้ายเถอะโครงสร้างภาษีบ้าบอห่าเหวอะไร ปัจจุบันว่าแพงแล้ว  อนาคตแม้งจะแพงกว่าอีก



Fly to dream

จริงค่ามลพิษ ค่าสิ้นเปลืองห่าเหวอะไร เหมือนเดิมชัดๆ ถ้าเอาค่านั่นมาวัดจริงรถต้องราคาถูกลง แต่นี้แพงขึ้น   เชียร์โต   ;D ;D ;D
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย



Wayfarer-R

ถ้าได้ดูรายการที่คุยจิมมี่ไปออก ของเนชั่น เค้าพูดชัดถ้อยชัดคำแล้วนะ ว่าปัจจุบันคิดภาษีที่ซีซี กับแรงม้า แต่ต่อไปจะขึ้นอยู่กับการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ

ผมงงว่า ทำไมยังบอกว่าเครื่อง 1400 ต้องเสียภาษีเท่านั้น
เครื่อง 1600 ต้องเสียภาษีเท่านี้

ทำไมมันยังเอาซีซีมาคิด ?

ทีหลังประกาศออกทีวีทุกช่องพร้อมกันไปเลยว่า รัฐสูญเสียรายได้เพราะได้คืนภาษีให้กับประชาชนที่ซื้อรถคันแรก ตอนนี้มีผู้ใช้สิทธิ์เป็นล้านคนแล้ว เราเลยต้องหาทางเอาคืน เลยเก็บภาษีเพิ่ม

บอกตรงๆไปเลยครับ แมนๆหน่อย อย่างนี้เข้าใจง่าย ไม่ต้องมาทำเป็นอ้างรักษ์โลก



NINENOI

หนุนลูกค้าเลือกซื้อรถต้องดู CO2


ผมยังไม่รวยพอที่จะมองตรงนั้นเป็นอันดับแรก ถ้าซื้อรถผมมองที่ราคามาก่อน ดังนั้นถ้ารัฐต้องการลดมลพิษจริงๆต้องออกกฎมาบังคับผู้ผลิตอย่างนี้ถูกต้องแล้วครับ ส่วนอัตราภาษีที่เพิ่มส่วนตัวผมว่าเยอะไปหน่อยสุดท้ายภาระตกอยู่ที่ผู้บริโภคอยู่ดีถ้าไม่ราคาแพงขึ้นมากก็ลดต้นทุนในจุดอื่น
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น



Nut_K

ถ้าได้ดูรายการที่คุยจิมมี่ไปออก ของเนชั่น เค้าพูดชัดถ้อยชัดคำแล้วนะ ว่าปัจจุบันคิดภาษีที่ซีซี กับแรงม้า แต่ต่อไปจะขึ้นอยู่กับการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ

ผมงงว่า ทำไมยังบอกว่าเครื่อง 1400 ต้องเสียภาษีเท่านั้น
เครื่อง 1600 ต้องเสียภาษีเท่านี้

ทำไมมันยังเอาซีซีมาคิด ?

ทีหลังประกาศออกทีวีทุกช่องพร้อมกันไปเลยว่า รัฐสูญเสียรายได้เพราะได้คืนภาษีให้กับประชาชนที่ซื้อรถคันแรก ตอนนี้มีผู้ใช้สิทธิ์เป็นล้านคนแล้ว เราเลยต้องหาทางเอาคืน เลยเก็บภาษีเพิ่ม

บอกตรงๆไปเลยครับ แมนๆหน่อย อย่างนี้เข้าใจง่าย ไม่ต้องมาทำเป็นอ้างรักษ์โลก

+ 1 ครับ

เอาค่า CO2 มาเป็นตัววัดแล้วทำไมยังเอา CC มาคิดภาษีอีก ผมว่างานนี้พี่ใหญ่ 2 ค่ายไม่ชอบแน่



แล้วทำไมไม่สนับสนุนรถไฮบริด+ไฟฟ้าหละเนี่ย  :'(



superden

ก็ดีนะ สิ่งแวดล้อมจะได้ดีขึ้น  ถ้าพี่โตจะทำ ไฮบริดส์ ก็เอาเครื่องตำกว่า2000 ซีซี มาเล่นซะเลยซิ ยังไงยี่ห้อ โตโยตาก็ขายได้อยู่แล้ว ขนาดยังไม่เห็นยังจองกันได้เลย
อีกหหน่อย รถคงเติมe 85 คงมีมากขึ้น คงเหมาะกับประเทศเกษรกรรมอย่างไทย (เอ หรือไทยไม่ใช่ประเทศเกษตรกรรมละนะ)



PumpNISMO

เรื่องของเรื่องคือ ทำดีที่สุดคือเสียภาษีเท่าเดิม แต่ถ้าทำไม่ได้คือเสียเพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่าเค้าจะเก็บภาษีเพิ่ม โดยเอาการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาอ้าง



Fly to dream

ที่สำคัญคือ ทำไมต้องเอา CC มาเป็นประเด็นจัดเก็บเหมือนเดิม  สรรพสามิตรมันโง่เง่าขนาดไม่รู้ว่ารถ CC เยอะประหยัดกว่ารถ CC น้อยก็เยอะไป

แต่ก็อย่าให้พูดองค์กรของรัฐ หมาม่ายแหลกแบบไหนก็แบบนั้นแหละคือคิดไม่ได้ ประเทศนี้ไม่เหมาะกับระบบราชการแบบนี้เลยให้ตายเถอะ
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย



i-din

ถ้าได้ดูรายการที่คุยจิมมี่ไปออก ของเนชั่น เค้าพูดชัดถ้อยชัดคำแล้วนะ ว่าปัจจุบันคิดภาษีที่ซีซี กับแรงม้า แต่ต่อไปจะขึ้นอยู่กับการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ

ผมงงว่า ทำไมยังบอกว่าเครื่อง 1400 ต้องเสียภาษีเท่านั้น
เครื่อง 1600 ต้องเสียภาษีเท่านี้

ทำไมมันยังเอาซีซีมาคิด ?

ทีหลังประกาศออกทีวีทุกช่องพร้อมกันไปเลยว่า รัฐสูญเสียรายได้เพราะได้คืนภาษีให้กับประชาชนที่ซื้อรถคันแรก ตอนนี้มีผู้ใช้สิทธิ์เป็นล้านคนแล้ว เราเลยต้องหาทางเอาคืน เลยเก็บภาษีเพิ่ม

บอกตรงๆไปเลยครับ แมนๆหน่อย อย่างนี้เข้าใจง่าย ไม่ต้องมาทำเป็นอ้างรักษ์โลก

+ 1 ครับ

เอาค่า CO2 มาเป็นตัววัดแล้วทำไมยังเอา CC มาคิดภาษีอีก ผมว่างานนี้พี่ใหญ่ 2 ค่ายไม่ชอบแน่

เค้าไม่ได้เอาซีซีมาคิดคับ เค้าเอาภาษีในอีก 3 ปีข้างหน้า มาครอบกับรถที่่มีขายในปัจจุบันน่ะครับ มันเลยออกมาเป็นแบบนี้ อีก 3 ปีข้างหน้า เราคงได้เห็นซีวิคเครื่อง 1500 ติดเทอร์โบ ก็ได้



Jump

จริงๆ ไฮบริดควรจะเป็น 10% ตามเดิมนะ เหอๆ แต่ถ้า CO2 เกิน 150 ก็เก็บเพิ่มเป็น 15% ง่ายๆ จบ ไม่ต้องมาอะไรมากมาย :P

ไม่เห็นจะต้องมา 3000 CC อะไรเล้ย :P แถมยังเป็นการเร่งให้บริษัทพัฒนาได้นิดหน่อยด้วย


CO2 100 มันเกินไปหน่อยมั้งครับ ตอนนี้แทบไม่มีรถคันไหนที่ต่ำกว่า 100 เลย อีก 3 ปีผมก็ว่ายาก อย่างมากก็ CO2 120/KM
เยอะแยะไปครับ
ไฮบริดน่าจะได้หมดแล้วหละ
ขนาด a class a180 CDI ยัง 98g/km เอง
LIKE A BOSS!!




YIM

ถ้าได้ดูรายการที่คุยจิมมี่ไปออก ของเนชั่น เค้าพูดชัดถ้อยชัดคำแล้วนะ ว่าปัจจุบันคิดภาษีที่ซีซี กับแรงม้า แต่ต่อไปจะขึ้นอยู่กับการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ

ผมงงว่า ทำไมยังบอกว่าเครื่อง 1400 ต้องเสียภาษีเท่านั้น
เครื่อง 1600 ต้องเสียภาษีเท่านี้

ทำไมมันยังเอาซีซีมาคิด ?

ทีหลังประกาศออกทีวีทุกช่องพร้อมกันไปเลยว่า รัฐสูญเสียรายได้เพราะได้คืนภาษีให้กับประชาชนที่ซื้อรถคันแรก ตอนนี้มีผู้ใช้สิทธิ์เป็นล้านคนแล้ว เราเลยต้องหาทางเอาคืน เลยเก็บภาษีเพิ่ม

บอกตรงๆไปเลยครับ แมนๆหน่อย อย่างนี้เข้าใจง่าย ไม่ต้องมาทำเป็นอ้างรักษ์โลก

+ 1 ครับ

เอาค่า CO2 มาเป็นตัววัดแล้วทำไมยังเอา CC มาคิดภาษีอีก ผมว่างานนี้พี่ใหญ่ 2 ค่ายไม่ชอบแน่

เค้าไม่ได้เอาซีซีมาคิดคับ เค้าเอาภาษีในอีก 3 ปีข้างหน้า มาครอบกับรถที่่มีขายในปัจจุบันน่ะครับ มันเลยออกมาเป็นแบบนี้ อีก 3 ปีข้างหน้า เราคงได้เห็นซีวิคเครื่อง 1500 ติดเทอร์โบ ก็ได้

สรุปแล้วยังงงๆ ครับ

ทำไมเขาเอาการปล่อย CO2 มาครอบกับ segment/cc ได้ละครับ หรือเป็นแค่ค่าประมาณ?
JDM เท่านั้น จะครองโลก!



Fly to dream

ถ้าได้ดูรายการที่คุยจิมมี่ไปออก ของเนชั่น เค้าพูดชัดถ้อยชัดคำแล้วนะ ว่าปัจจุบันคิดภาษีที่ซีซี กับแรงม้า แต่ต่อไปจะขึ้นอยู่กับการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ

ผมงงว่า ทำไมยังบอกว่าเครื่อง 1400 ต้องเสียภาษีเท่านั้น
เครื่อง 1600 ต้องเสียภาษีเท่านี้

ทำไมมันยังเอาซีซีมาคิด ?

ทีหลังประกาศออกทีวีทุกช่องพร้อมกันไปเลยว่า รัฐสูญเสียรายได้เพราะได้คืนภาษีให้กับประชาชนที่ซื้อรถคันแรก ตอนนี้มีผู้ใช้สิทธิ์เป็นล้านคนแล้ว เราเลยต้องหาทางเอาคืน เลยเก็บภาษีเพิ่ม

บอกตรงๆไปเลยครับ แมนๆหน่อย อย่างนี้เข้าใจง่าย ไม่ต้องมาทำเป็นอ้างรักษ์โลก

+ 1 ครับ

เอาค่า CO2 มาเป็นตัววัดแล้วทำไมยังเอา CC มาคิดภาษีอีก ผมว่างานนี้พี่ใหญ่ 2 ค่ายไม่ชอบแน่

เค้าไม่ได้เอาซีซีมาคิดคับ เค้าเอาภาษีในอีก 3 ปีข้างหน้า มาครอบกับรถที่่มีขายในปัจจุบันน่ะครับ มันเลยออกมาเป็นแบบนี้ อีก 3 ปีข้างหน้า เราคงได้เห็นซีวิคเครื่อง 1500 ติดเทอร์โบ ก็ได้

ถ้าให้พูดจริงๆถ้าผมเป็นเจ้าของบริษัทรถ  ผมจะคิดว่าทำไมต้องแคร์ประเทศไทย ทำไมต้องผลิตเครื่องใหม่ให้มาขายในไทย  ผมว่ามันไม่ใช่เรื่อง ประเทศไทยควรทำตามเทรนด์โลก ไม่ใช่ให้โลกมาทำตามประเทศนี้  ประเทศไทยก็แค่ฐานผลิตส่งออกไม่ใช่ประเทศอย่างจีนหรือ USA ที่ต้องผลิตป้อนเข้าไป แบบนั้นสิถึงจะแคร์ประเทศเค้าว่าเค้าต้องการอะไร  แต่นี้จะให้ไทยเป็นที่ตั้ง แล้วให้บริษัทรถทำเพื่อประเทศๆเดียวที่หาหลักยึดอะไรไม่ได้

ประเทศนี้ควรเอาประเทศอื่นมาเป็นแบบไม่ใช่เป็นแบบซะเองโดยที่ตัวแบบนั้นไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย



Wayfarer-R

ถ้าจะคิดภาษี ตามปริมาณการปล่อยก๊าซ ตั้งตารางมาเลย

ถ้าปล่อยก๊าซ ต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร เสียภาษีเท่านี้
ถ้ามากกว่า 100 กรัมแต่ไม่ถึง 150 กรัม เสียภาษีเท่านี้
ถ้าเกิน 200 กรัม แต่ไม่ถึง 250 กรัม เสียภาษีเท่านี้
ถ้าเกิน 250 กรัม แต่ไม่เกิน 300 กรัมเสียภาษีเท่านี้
300-400 กรัมเสียภาษีเท่านี้

โดยไม่คำนึงว่า มันจะเป็นกี่ที่นั่ง จะมีกี่ซีซี ช่างมัน ก็มาบอกเองนิ ว่าคิดตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์

มันควรจะมาในรูปนี้ หรืออะไรที่คล้ายๆแบบนี้ไม่ใช่หรอ ?


บางรุ่นซีซี เท่ากัน แต่ปล่อยก๊าซ ไม่เท่ากัน มันมีมั้ย ?



MystogaN

ถ้าจะคิดภาษี ตามปริมาณการปล่อยก๊าซ ตั้งตารางมาเลย

ถ้าปล่อยก๊าซ ต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร เสียภาษีเท่านี้
ถ้ามากกว่า 100 กรัมแต่ไม่ถึง 150 กรัม เสียภาษีเท่านี้
ถ้าเกิน 200 กรัม แต่ไม่ถึง 250 กรัม เสียภาษีเท่านี้
ถ้าเกิน 250 กรัม แต่ไม่เกิน 300 กรัมเสียภาษีเท่านี้
300-400 กรัมเสียภาษีเท่านี้

โดยไม่คำนึงว่า มันจะเป็นกี่ที่นั่ง จะมีกี่ซีซี ช่างมัน ก็มาบอกเองนิ ว่าคิดตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์

มันควรจะมาในรูปนี้ หรืออะไรที่คล้ายๆแบบนี้ไม่ใช่หรอ ?


บางรุ่นซีซี เท่ากัน แต่ปล่อยก๊าซ ไม่เท่ากัน มันมีมั้ย ?
+1 แต่ก็คงต้องยกเว้นภาษีให้กับพวกกระบะหละนะไม่งั้นเกิดจราจลแน่ :D



Nut_K

ถ้าได้ดูรายการที่คุยจิมมี่ไปออก ของเนชั่น เค้าพูดชัดถ้อยชัดคำแล้วนะ ว่าปัจจุบันคิดภาษีที่ซีซี กับแรงม้า แต่ต่อไปจะขึ้นอยู่กับการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ

ผมงงว่า ทำไมยังบอกว่าเครื่อง 1400 ต้องเสียภาษีเท่านั้น
เครื่อง 1600 ต้องเสียภาษีเท่านี้

ทำไมมันยังเอาซีซีมาคิด ?

ทีหลังประกาศออกทีวีทุกช่องพร้อมกันไปเลยว่า รัฐสูญเสียรายได้เพราะได้คืนภาษีให้กับประชาชนที่ซื้อรถคันแรก ตอนนี้มีผู้ใช้สิทธิ์เป็นล้านคนแล้ว เราเลยต้องหาทางเอาคืน เลยเก็บภาษีเพิ่ม

บอกตรงๆไปเลยครับ แมนๆหน่อย อย่างนี้เข้าใจง่าย ไม่ต้องมาทำเป็นอ้างรักษ์โลก

+ 1 ครับ

เอาค่า CO2 มาเป็นตัววัดแล้วทำไมยังเอา CC มาคิดภาษีอีก ผมว่างานนี้พี่ใหญ่ 2 ค่ายไม่ชอบแน่

เค้าไม่ได้เอาซีซีมาคิดคับ เค้าเอาภาษีในอีก 3 ปีข้างหน้า มาครอบกับรถที่่มีขายในปัจจุบันน่ะครับ มันเลยออกมาเป็นแบบนี้ อีก 3 ปีข้างหน้า เราคงได้เห็นซีวิคเครื่อง 1500 ติดเทอร์โบ ก็ได้

ถ้าให้พูดจริงๆถ้าผมเป็นเจ้าของบริษัทรถ  ผมจะคิดว่าทำไมต้องแคร์ประเทศไทย ทำไมต้องผลิตเครื่องใหม่ให้มาขายในไทย  ผมว่ามันไม่ใช่เรื่อง ประเทศไทยควรทำตามเทรนด์โลก ไม่ใช่ให้โลกมาทำตามประเทศนี้  ประเทศไทยก็แค่ฐานผลิตส่งออกไม่ใช่ประเทศอย่างจีนหรือ USA ที่ต้องผลิตป้อนเข้าไป แบบนั้นสิถึงจะแคร์ประเทศเค้าว่าเค้าต้องการอะไร  แต่นี้จะให้ไทยเป็นที่ตั้ง แล้วให้บริษัทรถทำเพื่อประเทศๆเดียวที่หาหลักยึดอะไรไม่ได้

ประเทศนี้ควรเอาประเทศอื่นมาเป็นแบบไม่ใช่เป็นแบบซะเองโดยที่ตัวแบบนั้นไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย

เห็นด้วยครับ ยอดขายรถ C & D Segment + SUV ในไทยปีนึงยังได้แค่ยอดขายที่ USA หรือที่จีนแค่เดือนเดียวเอง เพราะฉะนั้นเรื่องปากเสียงยังไงบริษัทรถก็มองข้าไมอยู่ดี

สู้พัฒนารถสมรรถนะสูงๆ เครื่องยนต์ความจุเดิมไว้เจาะตลาดในประเทศใหญ่ๆดีกว่า



Nut_K

ถ้าจะคิดภาษี ตามปริมาณการปล่อยก๊าซ ตั้งตารางมาเลย

ถ้าปล่อยก๊าซ ต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร เสียภาษีเท่านี้
ถ้ามากกว่า 100 กรัมแต่ไม่ถึง 150 กรัม เสียภาษีเท่านี้
ถ้าเกิน 200 กรัม แต่ไม่ถึง 250 กรัม เสียภาษีเท่านี้
ถ้าเกิน 250 กรัม แต่ไม่เกิน 300 กรัมเสียภาษีเท่านี้
300-400 กรัมเสียภาษีเท่านี้

โดยไม่คำนึงว่า มันจะเป็นกี่ที่นั่ง จะมีกี่ซีซี ช่างมัน ก็มาบอกเองนิ ว่าคิดตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์

มันควรจะมาในรูปนี้ หรืออะไรที่คล้ายๆแบบนี้ไม่ใช่หรอ ?


บางรุ่นซีซี เท่ากัน แต่ปล่อยก๊าซ ไม่เท่ากัน มันมีมั้ย ?

ดีใจจังที่มีคนคิดเหมือนผมด้วย

ถ้า Hybrid ใช้ขนาดเครื่องยนต์มาเป็นเกณฑ์ด้วย งานนี้ Honda Accord Hybrid ยิ้มเลย เพราะเครื่องยนต์แค่ 2.0 ลิตรเองในขณะที่ Toyota Camry Hybrid เครื่องใหญ่กว่าที่ 2.5 ลิตร



i-din

ถ้าจะคิดภาษี ตามปริมาณการปล่อยก๊าซ ตั้งตารางมาเลย

ถ้าปล่อยก๊าซ ต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร เสียภาษีเท่านี้
ถ้ามากกว่า 100 กรัมแต่ไม่ถึง 150 กรัม เสียภาษีเท่านี้
ถ้าเกิน 200 กรัม แต่ไม่ถึง 250 กรัม เสียภาษีเท่านี้
ถ้าเกิน 250 กรัม แต่ไม่เกิน 300 กรัมเสียภาษีเท่านี้
300-400 กรัมเสียภาษีเท่านี้

โดยไม่คำนึงว่า มันจะเป็นกี่ที่นั่ง จะมีกี่ซีซี ช่างมัน ก็มาบอกเองนิ ว่าคิดตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์

มันควรจะมาในรูปนี้ หรืออะไรที่คล้ายๆแบบนี้ไม่ใช่หรอ ?


บางรุ่นซีซี เท่ากัน แต่ปล่อยก๊าซ ไม่เท่ากัน มันมีมั้ย ?
+1 แต่ก็คงต้องยกเว้นภาษีให้กับพวกกระบะหละนะไม่งั้นเกิดจราจลแน่ :D

ก็ออกมาในรูปนี้น่ะครับ รถกระบะก็แยกออกมาแล้ว พวกรถตู้ ไม่เกียว เพราะกำหนดแค่ไม่เกิน 10 ที่นั่ง รถเก๋งก็ปกติก็เข้าอยู่แล้ว ซีซีไม่เกิน 3000 ซีซีอยู่แล้ว พวกเกินนี้ ก็ไปเสียอัตราเก่า ซึ่งเท่าไหร่ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ค่อยเกียวกับพวกเรามั้ง

ถ้าได้ดูรายการที่คุยจิมมี่ไปออก ของเนชั่น เค้าพูดชัดถ้อยชัดคำแล้วนะ ว่าปัจจุบันคิดภาษีที่ซีซี กับแรงม้า แต่ต่อไปจะขึ้นอยู่กับการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ

ผมงงว่า ทำไมยังบอกว่าเครื่อง 1400 ต้องเสียภาษีเท่านั้น
เครื่อง 1600 ต้องเสียภาษีเท่านี้

ทำไมมันยังเอาซีซีมาคิด ?

ทีหลังประกาศออกทีวีทุกช่องพร้อมกันไปเลยว่า รัฐสูญเสียรายได้เพราะได้คืนภาษีให้กับประชาชนที่ซื้อรถคันแรก ตอนนี้มีผู้ใช้สิทธิ์เป็นล้านคนแล้ว เราเลยต้องหาทางเอาคืน เลยเก็บภาษีเพิ่ม

บอกตรงๆไปเลยครับ แมนๆหน่อย อย่างนี้เข้าใจง่าย ไม่ต้องมาทำเป็นอ้างรักษ์โลก

+ 1 ครับ

เอาค่า CO2 มาเป็นตัววัดแล้วทำไมยังเอา CC มาคิดภาษีอีก ผมว่างานนี้พี่ใหญ่ 2 ค่ายไม่ชอบแน่

เค้าไม่ได้เอาซีซีมาคิดคับ เค้าเอาภาษีในอีก 3 ปีข้างหน้า มาครอบกับรถที่่มีขายในปัจจุบันน่ะครับ มันเลยออกมาเป็นแบบนี้ อีก 3 ปีข้างหน้า เราคงได้เห็นซีวิคเครื่อง 1500 ติดเทอร์โบ ก็ได้

สรุปแล้วยังงงๆ ครับ

ทำไมเขาเอาการปล่อย CO2 มาครอบกับ segment/cc ได้ละครับ หรือเป็นแค่ค่าประมาณ?

ใช่แล้วครับ ประมาณมาจากข้อมูลที่หาได้น่ะครับ เพราะว่าอัตรการปล่อย CO2 หาได้จากตปท เคยเห็ฯบางที่กำหนดเอาไว้น่ะครับ รุ่นที่ขายบ้านเราก็มีขายต่างประเทศด้วย ก็เลยเอามาใช้เลยครับ

ปล เท่าที่อ่านมานะ ยังหาอ้างอิงไม่ได้เหมือนกัน



i-din

เอามติครม ตัวเต็มมาให้ดูอีกทีครับ  จากกระทู้นี้ครับ http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,27067.0.html

มติครม.ปรับภาษีสรรพสามิตรถยนต์
ครม.มีมติเห็นชอบปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ เพื่อแก้ไขการบิดเบือน-สร้างความเป็นธรรม โดยจัดเก็บภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
                         18 ธ.ค. 55  ครม.มีมติเห็นชอบปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาการบิดเบือนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และสร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีรถยนต์ และเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ของโลก ซึ่งจะเปลี่ยนภาษีสรรพสามิตรถยนต์ทั้งระบบ โดยจัดเก็บภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
                         ทั้งนี้การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ โดยคิดตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะเป็นการคิดภาษีจะแบ่งตามประเภทรถยนต์ 7 ประเภท ประกอบด้วย
 
                         1. รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30% ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 35% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 40%
                         2. รถยนต์นั่งประเภทอี 85 และรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี ปล่อยก๊าซฯไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 25% ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30% และปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 35%
                         3. รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี ปล่อยก๊าซฯไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 10% กรณีปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 20% และปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 25% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30%
                         4. รถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 3% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 5%
                         5. รถยนต์กระบะที่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี ปล่อยก๊าซฯไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 5% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 7%                            
                         6. รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (ดับเบิ้ลแคป) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250ซีซี ปล่อยก๊าซฯไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 12% และปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 15%
                         7. รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี ปล่อยก๊าซฯไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 25% และปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30%



จะเห็นว่ารถเก๋งปัจจุบันจะเข้าข้อ 1 แทบทั้งหมด ยกเว้น
e85 เข้าข้อ 2
ไฮบริด เข้าข้อ 3
ก็กระบะ เข้าข้อ 4 กับ 5
กระบะ 4 ประตุ เข้าข้อ 6
ส่วนข้อ 7 ไม่รู้แฮะ นึกไม่ออก ส่วนเบนซินหรือดีเซล ไม่เกี่ยวแล้วครับ มีแค่นี้ แรงม้าสูงไม่สูง กก็ไม่เกี่ยวแล้วเหมือนกัน มีคนมาตอบว่า PPV ผมก็ว่าน่าจะใช่นะ

รูปที่เห็นๆ กัน เป็นรูปที่ หนังสือพิมพ์ ถ้าจำไม่ผิดคือกรุงเทพธุรกิจทำขึ้นเองครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 23, 2012, 23:38:05 โดย i-din »



Joe NG

ถ้าจะคิดภาษี ตามปริมาณการปล่อยก๊าซ ตั้งตารางมาเลย

ถ้าปล่อยก๊าซ ต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร เสียภาษีเท่านี้
ถ้ามากกว่า 100 กรัมแต่ไม่ถึง 150 กรัม เสียภาษีเท่านี้
ถ้าเกิน 200 กรัม แต่ไม่ถึง 250 กรัม เสียภาษีเท่านี้
ถ้าเกิน 250 กรัม แต่ไม่เกิน 300 กรัมเสียภาษีเท่านี้
300-400 กรัมเสียภาษีเท่านี้

โดยไม่คำนึงว่า มันจะเป็นกี่ที่นั่ง จะมีกี่ซีซี ช่างมัน ก็มาบอกเองนิ ว่าคิดตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์

มันควรจะมาในรูปนี้ หรืออะไรที่คล้ายๆแบบนี้ไม่ใช่หรอ ?


บางรุ่นซีซี เท่ากัน แต่ปล่อยก๊าซ ไม่เท่ากัน มันมีมั้ย ?

ดีใจจังที่มีคนคิดเหมือนผมด้วย

ถ้า Hybrid ใช้ขนาดเครื่องยนต์มาเป็นเกณฑ์ด้วย งานนี้ Honda Accord Hybrid ยิ้มเลย เพราะเครื่องยนต์แค่ 2.0 ลิตรเองในขณะที่ Toyota Camry Hybrid เครื่องใหญ่กว่าที่ 2.5 ลิตร

แต่ว่าภาษีใหม่ของไฮบริด เค้าคุมไว้ที่ 3000 ซีซี  เค้าไม่ได้แยกตามซีซีตามเนื้อข่าวด้านบนนิ แบ่งตามคาร์บอนที่ปล่อย  เสีย 10-30%

แต่ถ้าเป็นไฮบริด แล้วซีซีเกิน 3000 คุณโดน 50 % โดยไม่สนใจคาร์บอน 

ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบครับ  วัดกันที่ฝีมือล้วนๆ



taweek

ขูดรีดประชาชนแบบเนียนๆ - เอามั้ยยยคร้าาาา



Iwata Kana Σ4

มือสองยุ่นจะตามมาแหงๆ (แต่ทางไหนดีล่ะ)
ความมีระดับ มาพร้อมศักดิ์ศรีที่เหนือใคร
มีเป้าหมาย ที่อะไรก็ไม่อาจขวาง
มีอำนาจ ที่เลือกใช้ได้ตามใจ
มีชีวิต อย่างที่ใคร ก็ไม่อาจปฎิเสธ



YIM

แปลว่าถ้าหากในอนาคต บริษัทรถยนต์ สามารถทำให้รถลดการปล่อย CO2 ลงมาได้ตามเกณฑ์ ภาพรวมภาษีทั้งตลาดก็จะถูกลงกว่าตอนนี้ใช่ไหมครับ

แต่เท่าที่ดู ผมยังสงสัยว่าจะผ่านหรือครับ เพราะท่าทางขาใหญ่ 2-3 เจ้า อาจจะโวยวายได้

แต่อาจจะดีก็ได้ เพราะเราอาจจะเห็นเครื่อง Diesel Commonrail ฉีดตรงขนาดเล็ก หรือ Turbo ฉีดตรง เหมือนในยุโรปเสียที
JDM เท่านั้น จะครองโลก!



Fly to dream

แปลว่าถ้าหากในอนาคต บริษัทรถยนต์ สามารถทำให้รถลดการปล่อย CO2 ลงมาได้ตามเกณฑ์ ภาพรวมภาษีทั้งตลาดก็จะถูกลงกว่าตอนนี้ใช่ไหมครับ

แต่เท่าที่ดู ผมยังสงสัยว่าจะผ่านหรือครับ เพราะท่าทางขาใหญ่ 2-3 เจ้า อาจจะโวยวายได้

แต่อาจจะดีก็ได้ เพราะเราอาจจะเห็นเครื่อง Diesel Commonrail ฉีดตรงขนาดเล็ก หรือ Turbo ฉีดตรง เหมือนในยุโรปเสียที

เอาง่ายๆครับ 1.0 ลิตรฟอร์ดต้องเสียภาษีเท่ากับ 1.4    บ้ามั้ยเพราะแค่ไม่ได้เข้าลงทุน Eco car
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย



MystogaN

ไม่ได้อ่านข่าวข้างบนอย่างละเอียด ขอแก้ใหม่

มันไม่ได้เป็นไปตามข้างบนซะหน่อยครับ Hybrid มันคิดแค่ถ้าเกิน 3000 CC. จ่าย 50%

แต่ถ้าต่ำกว่า 3000 CC. ก็คิดตาม CO2

ต่ำกว่า 100 คิด 10% (คือพริอุสก็ได้อยู่แล้ว 80 กว่าๆ เอง)

   100-150 คิด 20%

   150-200 คิด 30%

ที่ซวยคือ แคมรี่ตะหาก CO2 ประมาณ 120 ซึ่งไปโดนตรง 20% นั่นคือ แตะเลขสองครับ :P

เรื่องนี้ผมเห็นใจโตโยต้ามากๆ เลย เพราะแค่ไฮบริดเองก็นับว่าใหม่และทันสมัยมากแล้ว ลงทุนผลิตในไทยไปแล้วด้วย ...



Joe NG

แปลว่าถ้าหากในอนาคต บริษัทรถยนต์ สามารถทำให้รถลดการปล่อย CO2 ลงมาได้ตามเกณฑ์ ภาพรวมภาษีทั้งตลาดก็จะถูกลงกว่าตอนนี้ใช่ไหมครับ

แต่เท่าที่ดู ผมยังสงสัยว่าจะผ่านหรือครับ เพราะท่าทางขาใหญ่ 2-3 เจ้า อาจจะโวยวายได้

แต่อาจจะดีก็ได้ เพราะเราอาจจะเห็นเครื่อง Diesel Commonrail ฉีดตรงขนาดเล็ก หรือ Turbo ฉีดตรง เหมือนในยุโรปเสียที

มันไม่อย่างนั้นนะสิ  ไม่ใช่ว่าทำคาร์บอนได้น้อยลงแล้วรถจะถูกลง

เท่าที่ผมนั้งดูของหมวดปิคอัพนะ

ตอนเดียวกับแคป ไม่ว่าจะลดคาร์บอนได้ระดับเทพ  ยังไงรถก็แพงขึ้น จากเดิมเสีย 3 ของใหม่โดน 5 -7

ส่วน 4 ประตู ถ้าทำคาร์บอนได้น้อยกว่า 200 ก็ำเสียเท่าเดิมที่ 12  แต่ถ้าทำไม่ได้ก็โดน 15

ส่วน PPV ทั้งหลาย เดิมเสีย 20  อันนี้แพงขึ้นเพราะโดน 25-30   


แต่จะว่าไป ผมว่ารถนะทำได้  แต่น้ำมันบ้านเราพร้อมขนาดไหนอย่างที่พี่จิมมี่ว่าไว้นะแหละ

อย่าง D-max ตัวที่ส่งยุโรป  ผ่าน euro 5 ตัวเกียร์ธรรมดา  ปล่อยคาร์บอน 194g/km  ส่วนเกียร์ออโต้ ปล่อย 220g/km

พัฒนาอีกหน่อยน่าจะต่ำกว่า 200g/km ได้่อยู่



YIM

ผมว่าเวลาอีก 3 ปี ยังพอมีเวลาตั้งหลักอีกนิด (สำหรับผู้บริโภค แต่ผู้ผลิตไม่แน่)

ผมยังเชื่อว่า เรื่องนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงอีกแน่นอน ทั้งบนเวที นอกเวที หรือหลังเวที

ผมว่าค่อยๆ ประเมินสถานการณ์ไปทีละนิดก็ได้ครับ
JDM เท่านั้น จะครองโลก!



Kittisak

ทันสมัยแล้วครับ ใครๆก็คิดถึงปริมาณคาร์บอนกันทั่วโลก