ผู้เขียน หัวข้อ: อลหม่านภาษีรถใหม่ขู่ย้ายฐาน " ปิกอัพ-ไฮบริด " อ่วม / เพิ่มลงทุนอีโคคาร์  (อ่าน 15150 ครั้ง)

ออฟไลน์ Nut_K

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,226
ที่มา : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1356167530&grpid=02&catid=08&subcatid=0800

ค่ายรถอลหม่าน รับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ วงในชี้ "ปิกอัพ-ไฮบริด" อ่วม รถยนต์ไฮบริดเครื่องยนต์ 2,000 ซีซีขึ้นไป ภาษีเพิ่มขึ้นเท่าตัว หวั่น "โตโยต้า" ย้ายฐานซบมาเลย์ ภาษีจูงใจ 0% จับตาค่ายรถเร่งลงทุน พัฒนาเทคโนโลยี "มิตซูฯ" คาดต้นทุนเฉลี่ยเพิ่มไม่เกิน 10,000 บาท หลังปีใหม่ค่ายรถเข้าหารือขอความชัดเจนในรายละเอียดอีกรอบ

นางเพียงใจ แก้วสุวรรณ นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ถือเป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย โดยเฉพาะการกำหนดค่ามาตรฐานการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 และเงื่อนไขระยะเวลาที่ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งแน่นอนว่าบางค่ายรถอาจได้รับผลกระทบหรือสูญเสียผลประโยชน์มาก โดยเฉพาะค่ายรถปิกอัพที่เพิ่งเปิดตัวรุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด หรือที่มีแผนจะเปิดตัวภายใน 1-2 ปีนี้ เนื่องจากอายุของรถปิกอัพมีช่วงเวลาค่อนข้างยาว 8-9 ปี เพราะหมายความว่าค่ายรถปิกอัพที่เพิ่งเปิดตัวรุ่นใหม่จะมีโอกาสทำตลาดได้เพียง 2-3 ปี ก็ต้องลงทุนเพิ่มเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อให้ได้มาตรฐาน CO2 สอดคล้องกับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่

"อย่างไรก็ตาม ภาครัฐก่อนที่จะเอาตัวเลขเหล่านี้มาได้มีการศึกษามาอย่างดี โดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาโซลูชั่นที่ใกล้เคียงกับโจทย์ของประเทศไทย และเชื่อว่าทุก ๆ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รู้เรื่องดังกล่าวมาก่อน อีกทั้งยังมีเวลาเตรียมตัวมาล่วงหน้าพอสมควร" นางเพียงใจกล่าว

ค่ายปิกอัพกระทบหนัก

แหล่งข่าวจากอุตสาหกรรมยานยนต์วิเคราะห์ว่า จากข้อมูลเบื้องต้นเชื่อว่ากลุ่มผู้ผลิตรถปิกอัพจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก โดยจะเห็นว่ารถปิกอัพโดยเฉพาะในส่วนของรถตอนครึ่ง หรือสเปซแค็บ มีการปรับขึ้นภาษีค่อนข้างสูง คือจาก 3% ขยับมาเป็น 5% หากสามารถจำกัดการปล่อย CO2 ได้ต่ำกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตร แต่หาก CO2 เกินกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตร ก็จะถูกจัดเก็บภาษีในอัตรา 7%

ขณะที่รถปิกอัพดัดแปลงหรือพีพีวี ที่เครื่องยนต์น้อยกว่า 2,250 ซีซี เดิมเสียภาษีที่ 20% แต่ภาษีใหม่ หากปล่อย CO2 ได้ต่ำกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตร ก็จะเสียภาษี 25% และหากขนาดเครื่องยนต์เกิน 3,250 ซีซี ภาษีจะขยับไปที่ 50% ส่วนปิกอัพ 4 ประตู หรือดับเบิลแค็บ ที่เครื่องต่ำกว่า 3,250 ซีซี ปล่อย CO2 ต่ำกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตร เสียภาษีเท่าเดิมที่ 12% แต่หาก CO2 เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จะต้องเสียภาษีที่ 15%

ทั้งนี้จะเห็นว่ารถปิกอัพขนาด 1 ตันนั้นมีการปรับโครงสร้างภาษีที่ค่อนข้างชัดเจน ทำให้ค่ายรถยนต์ที่มีรถประเภทนี้ ทั้งโตโยต้า, อีซูซุ, นิสสัน, มิตซูบิชิ, มาสด้า, เชฟโรเลต, ทาทา ฯลฯ จะต้องมีการปรับตัวและพัฒนาสินค้าเพื่อลดการปล่อย CO2 โดยเฉพาะค่ายอีซูซูที่มีสินค้าเฉพาะรถปิกอัพ และรถพีพีวี จึงต้องมีการปรับตัวค่อนข้างมาก

ไฮบริดเกิน 2,000 ซีซี เพิ่มเท่าตัว

นอกจากนี้ในส่วนของรถยนต์ไฮบริดถือเป็นอีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างชัดเจน เพราะเดิมเสียภาษีในอัตรา 10% หากพิจารณาจากโครงสร้างใหม่จะเห็นว่า รถไฮบริดที่มีเครื่องต่ำกว่า 2,000 ซีซี และปล่อย CO2 ต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร ยังคงเสียภาษีในอัตราเท่าเดิมคือ 10% แต่ในส่วนของเครื่องยนต์ขนาด 2,001-2,500 ซีซี ปล่อย CO2 ระหว่าง 101-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บในอัตรา 20% เครื่องยนต์ขนาด 2,501-3,000 ซีซี ปล่อย CO2 ที่ 151-200 กรัมต่อกิโลเมตร เสียภาษีที่ 25% และหากปล่อย CO2 เกินกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตร ต้องเสียภาษีที่ 30%

แหล่งข่าวกล่าวว่า หากพิจารณาโดยละเอียดจะเห็นว่า อัตราภาษีสรรพสามิตของรถไฮบริดถูกปรับขึ้นทั้งกระดาน ซึ่งค่ายรถยนต์ที่ดูจะได้รับผลกระทบหนักคือค่ายโตโยต้า ที่ได้เปิดตัวรถยนต์ไฮบริดออกสู่ตลาดประเทศไทย เมื่อประมาณ 3 ปีก่อนหน้านี้ กับโตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด และตามมาด้วยโตโยต้า พริอุส ซึ่งทั้ง 2 รุ่นได้ขึ้นไลน์ผลิตที่โรงงานเกตเวย์ ฉะเชิงเทรา และโตโยต้ายังมีแผนที่จะแนะนำรถรุ่นใหม่ ๆ ที่ใช้เครื่องยนต์ไฮบริด สำหรับตลาดในประเทศไทยและภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง

ส่วนค่ายฮอนด้าที่เพิ่งมีการเปิดตัว ฮอนด้า แจ๊ซ ไฮบริด เครื่องยนต์ 1,300 ซีซี นั้นไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องเป็นเครื่องยนต์ขนาดเล็ก ทำให้การเสียภาษียังอยู่ในเกณฑ์เท่าเดิมที่ 10% หากปล่อย CO2 ต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร

"ในกรณีรถไฮบริดจะเห็นว่าโตโยต้าได้รับผลกระทบหนักที่สุด หลังจากเมื่อ 3 ปีก่อน รัฐบาลจูงใจให้ค่ายรถนำเครื่องยนต์ไฮบริดมาทำตลาด และโตโยต้าก็สนองนโยบาย มีการเปิดตัวรถและขึ้นไลน์ผลิตในประเทศไทย แต่จากโครงสร้างภาษีใหม่ถือว่ากระเทือนกับไฮบริดโดยตรง เราคงต้องจับตาว่าโตโยต้าจะทำอย่างไร เพราะในต่างประเทศอย่างญี่ปุ่น รัฐบาลจูงใจและสนับสนุนรถไฮบริดเป็นเวลาถึง 10 ปี หรืออย่างมาเลเซียก็สนับสนุนภาษีรถไฮบริด 0% ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าโตโยต้าอาจพิจารณาย้ายฐานการผลิตไปมาเลเซียแทน" แหล่งข่าวกล่าว

อีโคคาร์ ภาษีลดลงอีก 3%

แหล่งข่าวกล่าวว่า ในส่วนของ "อีโคคาร์" ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากรัฐบาล การปรับโครงสร้างภาษีครั้งนี้ กลุ่มอีโคคาร์ถือว่าได้รับประโยชน์หรือมีแรงจูงใจค่อนข้างสูง คือเดิมเสียที่ 17% แต่หากปล่อย CO2 ได้ต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสียภาษีที่ 14% และหากพัฒนาให้รองรับการใช้น้ำมันอี 85 ได้จะลดลงเหลือ 12% และหากปล่อย CO2 ที่ระดับ 101-120 กรัมต่อกิโลเมตร ก็จะเสียภาษีในอัตราเท่าเดิมคือ 17%

โดยปัจจุบันมีค่ายรถยนต์เพียง 5 ค่ายเท่านั้นที่ได้รับการส่งเสริมอีโคคาร์ คือ นิสสัน, ฮอนด้า, ซูซูกิ, มิตซูบิชิ และโตโยต้า ทำให้เกิดคำถามว่าเมื่อโครงสร้างภาษีใหม่มีผลบังคับใช้แล้ว ภาครัฐจะเปิดโอกาสให้ค่ายรถอื่น ๆ นอกเหนือจาก 5 ค่ายเข้ารับสิทธิประโยชน์ในกลุ่มรถประเภทนี้เพิ่มเติมหรือไม่ หากค่ายอื่น ๆ สามารถพัฒนารถได้ตามเงื่อนไข

มิตซูฯขานรับเร่งลงทุนลด CO2

นายโนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การเปลี่ยนโครงสร้างภาษีตาม CO2 ถือเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะทั่วโลกก็ใช้แบบนี้ และแฟร์กับสิ่งแวดล้อม แม้จะไม่ได้เอาขนาดของเครื่องยนต์เป็นที่ตั้ง แต่การที่เครื่องยนต์จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อย ก็ย่อมหมายถึงการใช้เชื้อเพลิงที่น้อย

สำหรับโครงสร้างภาษีใหม่ที่ให้การสนับสนุนรถกลุ่มอีโคคาร์เป็นสิ่งที่เหมาะสม เพราะวัตถุประสงค์ในการทำโครงการนี้ นอกจากจะเป็นรถเพื่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นรถที่ประชาชนหาซื้อได้ง่าย และพอเหมาะกับความจำเป็น ไม่ใช่สิ่งฟุ่มเฟือย รถยนต์ไม่จำเป็นต้องขนาดใหญ่ จึงไม่มีการปรับขึ้นภาษี บวกกับโครงสร้างภาษีที่สนับสนุนทั้งเอทานอล ซีเอ็นจี ถือว่ารัฐบาลจริงใจในการใช้พลังงานทดแทน มิตซูบิชิเห็นด้วยกับนโยบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจของประเทศไทย

ส่วนการกำหนดค่า CO2 ในกลุ่มรถปิกอัพ โดยถือเกณฑ์ที่ 200 กรัมต่อกิโลเมตรเป็นหลักนั้น เหมาะสมและท้าทาย ซึ่งปัจจุบันมิตซูบิชิอาจยังไม่เข้าเกณฑ์และต้องพัฒนาจุดนี้ ส่วนการปรับภาษีในกลุ่มรถยนต์นั่งขึ้นนั้น เชื่อว่ารัฐบาลอาจต้องการแหล่งที่มาของรายได้เพื่อชดเชยจากการสนับสนุนรถอีโคคาร์และพลังงานทางเลือก และท้ายที่สุด มิตซูบิชิและค่ายรถยนต์ต้องยอมรับในเงื่อนไข สำหรับระยะเวลา 3 ปีนั้นถือว่าเพียงพอ

"การปรับทั้งระบบก็ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับและเข้าใจได้ ส่วนรถไฟฟ้าและรถปลั๊กอินไฮบริด มองว่าต้นทุนการผลิตค่อนสูง แต่รัฐบาลเก็บภาษีที่ 10% ก็ถือว่ายอมรับได้ในเบื้องต้น และที่สุดลูกค้าคือผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด"

ขณะที่โครงสร้างภาษีรถปิกอัพถือว่าดีและน่าพอใจ และมิตซูบิชิอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางว่าจะเลือกใช้วิธีใด จากที่ประเมินเบื้องต้น การลงทุนพัฒนาเครื่องยนต์เพื่อให้ได้มาตรฐาน CO2 มีต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 2% หรือเฉลี่ยไม่เกิน 10,000 บาทต่อคัน

หนุนลูกค้าเลือกซื้อรถต้องดู CO2

นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากประกาศโครงสร้างภาษีใหม่ โดยใช้มาตรฐาน CO2 เป็นตัววัดนั้นถือเป็นทิศทางที่ถูกต้อง และเชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมความรับผิดชอบของผู้ผลิตรถยนต์ รวมทั้งผู้ใช้รถต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกันกับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มรถปิกอัพที่ถือเป็นรถที่ปล่อย CO2 ค่อนข้างมาก และถือเป็นความท้าทายของผู้ผลิตรถยนต์ที่จะพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมออกสู่ตลาด และเชื่อว่าอนาคตลูกค้าก็จะได้ใช้รถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและราคาถูกลง และมาสด้าเชื่อว่าจะทำให้เกิดการแข่งขันที่เสรี

"จากนี้เราน่าจะได้เห็นค่ายรถแข่งกันพัฒนารถเพื่อให้ได้ตามข้อกำหนดค่า CO2 และเชื่อว่าไม่กระเทือนต่อราคาจำหน่าย เพราะท้ายที่สุดค่ายไหนทำไม่ได้ ก็ต้องขึ้นราคาขายตามโครงสร้างภาษีที่สูง ซึ่งก็จะส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขัน และลูกค้าก็จะปรับพฤติกรรมจากเดิมที่ซื้อรถโดยการเปรียบเทียบออปชั่นกับราคา แต่อนาคตจะมีเรื่องของ CO2 เข้ามามีส่วนในการตัดสินใจซื้อด้วย"

สำหรับมาสด้าเองก็ต้องพิจารณาในเรื่องของค่า CO2 และหากจำเป็นจะต้องปรับขึ้นราคาก็คงจะต้องขึ้นให้น้อยที่สุด เพื่อให้ผลกระทบไปถึงผู้บริโภคน้อยที่สุด

อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างภาษีครั้งนี้ในส่วนของโปรดักต์แชมเปี้ยนของประเทศไทย ในส่วนรถปิกอัพขนาด 1 ตัน และรถอีโคคาร์ จะเห็นว่ารัฐบาลให้การสนับสนุนที่สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง โดยรถปิกอัพมีการปรับขึ้นเกือบทั้งแผง ส่วนรถอีโคคาร์ให้แรงจูงใจค่อนข้างสูง สำหรับมาสด้าแม้จะไม่ได้เข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ แต่หากพัฒนารถมาสด้า 2 ได้เท่าเกณฑ์อีโคคาร์ หรือต่ำกว่ารัฐบาล จะมีสิทธิประโยชน์อย่างไร

หวั่นนโยบายรัฐเปลี่ยนบ่อย

อย่างไรก็ตามมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงนโยบายการปรับโครงสร้างภาษีของรัฐบาลว่า เนื่องจากที่ผ่านมา 3 ปี รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมรถยนต์พลังงานทดแทน ทั้งไฮบริด อี 85 ซีเอ็นจี เมื่อภาคเอกชนมีการลงทุนพัฒนา แต่โครงสร้างภาษีใหม่ที่ออกมาก็มีการปรับขึ้นภาษี ทำให้กระทบกับแผนการลงทุนของค่ายรถ ทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่านโยบายดังกล่าวจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกหรือไม่

นอกจากนี้แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมยานยนต์กล่าวเพิ่มเติมว่า จากมติ ครม.ยังมีบางประเด็นที่ยังเป็นข้อถกเถียงและไม่มีความชัดเจน อาทิ การกำหนดมาตรฐานความปลอดภัย (Active Safety) สำหรับรถยนต์นั่ง ขณะนี้ยังไม่มีข้อกำหนดที่ชัดเจน คาดว่าสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม หรือ สศอ. จะเป็นผู้กำหนด คาดว่าหลังปีใหม่กลุ่มผู้ผลิตจะมีการรวมตัวกันเพื่อขอรับฟังความชัดเจนจากภาครัฐอีกครั้ง

ออฟไลน์ Nut_K

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,226
ขาใหญ่แห่งวงการมีแววที่จะขยับแล้ว รอดูต่อไปว่านโยบายปรับอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่จะยังมีเหมือนเดิมอีกหรือเปล่า

ออฟไลน์ KAKASHII

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,638
  • งามปะละ
ย้ายเถอะโครงสร้างภาษีบ้าบอห่าเหวอะไร ปัจจุบันว่าแพงแล้ว  อนาคตแม้งจะแพงกว่าอีก

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
จริงค่ามลพิษ ค่าสิ้นเปลืองห่าเหวอะไร เหมือนเดิมชัดๆ ถ้าเอาค่านั่นมาวัดจริงรถต้องราคาถูกลง แต่นี้แพงขึ้น   เชียร์โต   ;D ;D ;D
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ Wayfarer-R

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,563
ถ้าได้ดูรายการที่คุยจิมมี่ไปออก ของเนชั่น เค้าพูดชัดถ้อยชัดคำแล้วนะ ว่าปัจจุบันคิดภาษีที่ซีซี กับแรงม้า แต่ต่อไปจะขึ้นอยู่กับการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ

ผมงงว่า ทำไมยังบอกว่าเครื่อง 1400 ต้องเสียภาษีเท่านั้น
เครื่อง 1600 ต้องเสียภาษีเท่านี้

ทำไมมันยังเอาซีซีมาคิด ?

ทีหลังประกาศออกทีวีทุกช่องพร้อมกันไปเลยว่า รัฐสูญเสียรายได้เพราะได้คืนภาษีให้กับประชาชนที่ซื้อรถคันแรก ตอนนี้มีผู้ใช้สิทธิ์เป็นล้านคนแล้ว เราเลยต้องหาทางเอาคืน เลยเก็บภาษีเพิ่ม

บอกตรงๆไปเลยครับ แมนๆหน่อย อย่างนี้เข้าใจง่าย ไม่ต้องมาทำเป็นอ้างรักษ์โลก

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,732
  • Nine & Knight
หนุนลูกค้าเลือกซื้อรถต้องดู CO2


ผมยังไม่รวยพอที่จะมองตรงนั้นเป็นอันดับแรก ถ้าซื้อรถผมมองที่ราคามาก่อน ดังนั้นถ้ารัฐต้องการลดมลพิษจริงๆต้องออกกฎมาบังคับผู้ผลิตอย่างนี้ถูกต้องแล้วครับ ส่วนอัตราภาษีที่เพิ่มส่วนตัวผมว่าเยอะไปหน่อยสุดท้ายภาระตกอยู่ที่ผู้บริโภคอยู่ดีถ้าไม่ราคาแพงขึ้นมากก็ลดต้นทุนในจุดอื่น
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

ออฟไลน์ Nut_K

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,226
ถ้าได้ดูรายการที่คุยจิมมี่ไปออก ของเนชั่น เค้าพูดชัดถ้อยชัดคำแล้วนะ ว่าปัจจุบันคิดภาษีที่ซีซี กับแรงม้า แต่ต่อไปจะขึ้นอยู่กับการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ

ผมงงว่า ทำไมยังบอกว่าเครื่อง 1400 ต้องเสียภาษีเท่านั้น
เครื่อง 1600 ต้องเสียภาษีเท่านี้

ทำไมมันยังเอาซีซีมาคิด ?

ทีหลังประกาศออกทีวีทุกช่องพร้อมกันไปเลยว่า รัฐสูญเสียรายได้เพราะได้คืนภาษีให้กับประชาชนที่ซื้อรถคันแรก ตอนนี้มีผู้ใช้สิทธิ์เป็นล้านคนแล้ว เราเลยต้องหาทางเอาคืน เลยเก็บภาษีเพิ่ม

บอกตรงๆไปเลยครับ แมนๆหน่อย อย่างนี้เข้าใจง่าย ไม่ต้องมาทำเป็นอ้างรักษ์โลก

+ 1 ครับ

เอาค่า CO2 มาเป็นตัววัดแล้วทำไมยังเอา CC มาคิดภาษีอีก ผมว่างานนี้พี่ใหญ่ 2 ค่ายไม่ชอบแน่

แล้วทำไมไม่สนับสนุนรถไฮบริด+ไฟฟ้าหละเนี่ย  :'(

ออฟไลน์ superden

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,268
    • อีเมล์
ก็ดีนะ สิ่งแวดล้อมจะได้ดีขึ้น  ถ้าพี่โตจะทำ ไฮบริดส์ ก็เอาเครื่องตำกว่า2000 ซีซี มาเล่นซะเลยซิ ยังไงยี่ห้อ โตโยตาก็ขายได้อยู่แล้ว ขนาดยังไม่เห็นยังจองกันได้เลย
อีกหหน่อย รถคงเติมe 85 คงมีมากขึ้น คงเหมาะกับประเทศเกษรกรรมอย่างไทย (เอ หรือไทยไม่ใช่ประเทศเกษตรกรรมละนะ)

ออฟไลน์ PumpNISMO

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 639
เรื่องของเรื่องคือ ทำดีที่สุดคือเสียภาษีเท่าเดิม แต่ถ้าทำไม่ได้คือเสียเพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่าเค้าจะเก็บภาษีเพิ่ม โดยเอาการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาอ้าง

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
ที่สำคัญคือ ทำไมต้องเอา CC มาเป็นประเด็นจัดเก็บเหมือนเดิม  สรรพสามิตรมันโง่เง่าขนาดไม่รู้ว่ารถ CC เยอะประหยัดกว่ารถ CC น้อยก็เยอะไป

แต่ก็อย่าให้พูดองค์กรของรัฐ หมาม่ายแหลกแบบไหนก็แบบนั้นแหละคือคิดไม่ได้ ประเทศนี้ไม่เหมาะกับระบบราชการแบบนี้เลยให้ตายเถอะ
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ i-din

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 458
ถ้าได้ดูรายการที่คุยจิมมี่ไปออก ของเนชั่น เค้าพูดชัดถ้อยชัดคำแล้วนะ ว่าปัจจุบันคิดภาษีที่ซีซี กับแรงม้า แต่ต่อไปจะขึ้นอยู่กับการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ

ผมงงว่า ทำไมยังบอกว่าเครื่อง 1400 ต้องเสียภาษีเท่านั้น
เครื่อง 1600 ต้องเสียภาษีเท่านี้

ทำไมมันยังเอาซีซีมาคิด ?

ทีหลังประกาศออกทีวีทุกช่องพร้อมกันไปเลยว่า รัฐสูญเสียรายได้เพราะได้คืนภาษีให้กับประชาชนที่ซื้อรถคันแรก ตอนนี้มีผู้ใช้สิทธิ์เป็นล้านคนแล้ว เราเลยต้องหาทางเอาคืน เลยเก็บภาษีเพิ่ม

บอกตรงๆไปเลยครับ แมนๆหน่อย อย่างนี้เข้าใจง่าย ไม่ต้องมาทำเป็นอ้างรักษ์โลก

+ 1 ครับ

เอาค่า CO2 มาเป็นตัววัดแล้วทำไมยังเอา CC มาคิดภาษีอีก ผมว่างานนี้พี่ใหญ่ 2 ค่ายไม่ชอบแน่

เค้าไม่ได้เอาซีซีมาคิดคับ เค้าเอาภาษีในอีก 3 ปีข้างหน้า มาครอบกับรถที่่มีขายในปัจจุบันน่ะครับ มันเลยออกมาเป็นแบบนี้ อีก 3 ปีข้างหน้า เราคงได้เห็นซีวิคเครื่อง 1500 ติดเทอร์โบ ก็ได้

ออฟไลน์ Jump

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 721
จริงๆ ไฮบริดควรจะเป็น 10% ตามเดิมนะ เหอๆ แต่ถ้า CO2 เกิน 150 ก็เก็บเพิ่มเป็น 15% ง่ายๆ จบ ไม่ต้องมาอะไรมากมาย :P

ไม่เห็นจะต้องมา 3000 CC อะไรเล้ย :P แถมยังเป็นการเร่งให้บริษัทพัฒนาได้นิดหน่อยด้วย


CO2 100 มันเกินไปหน่อยมั้งครับ ตอนนี้แทบไม่มีรถคันไหนที่ต่ำกว่า 100 เลย อีก 3 ปีผมก็ว่ายาก อย่างมากก็ CO2 120/KM
เยอะแยะไปครับ
ไฮบริดน่าจะได้หมดแล้วหละ
ขนาด a class a180 CDI ยัง 98g/km เอง
LIKE A BOSS!!


ออฟไลน์ YIM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,015
  • ไม่น่ารัก เราไม่มอง!!
    • อีเมล์
ถ้าได้ดูรายการที่คุยจิมมี่ไปออก ของเนชั่น เค้าพูดชัดถ้อยชัดคำแล้วนะ ว่าปัจจุบันคิดภาษีที่ซีซี กับแรงม้า แต่ต่อไปจะขึ้นอยู่กับการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ

ผมงงว่า ทำไมยังบอกว่าเครื่อง 1400 ต้องเสียภาษีเท่านั้น
เครื่อง 1600 ต้องเสียภาษีเท่านี้

ทำไมมันยังเอาซีซีมาคิด ?

ทีหลังประกาศออกทีวีทุกช่องพร้อมกันไปเลยว่า รัฐสูญเสียรายได้เพราะได้คืนภาษีให้กับประชาชนที่ซื้อรถคันแรก ตอนนี้มีผู้ใช้สิทธิ์เป็นล้านคนแล้ว เราเลยต้องหาทางเอาคืน เลยเก็บภาษีเพิ่ม

บอกตรงๆไปเลยครับ แมนๆหน่อย อย่างนี้เข้าใจง่าย ไม่ต้องมาทำเป็นอ้างรักษ์โลก

+ 1 ครับ

เอาค่า CO2 มาเป็นตัววัดแล้วทำไมยังเอา CC มาคิดภาษีอีก ผมว่างานนี้พี่ใหญ่ 2 ค่ายไม่ชอบแน่

เค้าไม่ได้เอาซีซีมาคิดคับ เค้าเอาภาษีในอีก 3 ปีข้างหน้า มาครอบกับรถที่่มีขายในปัจจุบันน่ะครับ มันเลยออกมาเป็นแบบนี้ อีก 3 ปีข้างหน้า เราคงได้เห็นซีวิคเครื่อง 1500 ติดเทอร์โบ ก็ได้

สรุปแล้วยังงงๆ ครับ

ทำไมเขาเอาการปล่อย CO2 มาครอบกับ segment/cc ได้ละครับ หรือเป็นแค่ค่าประมาณ?
JDM เท่านั้น จะครองโลก!

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
ถ้าได้ดูรายการที่คุยจิมมี่ไปออก ของเนชั่น เค้าพูดชัดถ้อยชัดคำแล้วนะ ว่าปัจจุบันคิดภาษีที่ซีซี กับแรงม้า แต่ต่อไปจะขึ้นอยู่กับการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ

ผมงงว่า ทำไมยังบอกว่าเครื่อง 1400 ต้องเสียภาษีเท่านั้น
เครื่อง 1600 ต้องเสียภาษีเท่านี้

ทำไมมันยังเอาซีซีมาคิด ?

ทีหลังประกาศออกทีวีทุกช่องพร้อมกันไปเลยว่า รัฐสูญเสียรายได้เพราะได้คืนภาษีให้กับประชาชนที่ซื้อรถคันแรก ตอนนี้มีผู้ใช้สิทธิ์เป็นล้านคนแล้ว เราเลยต้องหาทางเอาคืน เลยเก็บภาษีเพิ่ม

บอกตรงๆไปเลยครับ แมนๆหน่อย อย่างนี้เข้าใจง่าย ไม่ต้องมาทำเป็นอ้างรักษ์โลก

+ 1 ครับ

เอาค่า CO2 มาเป็นตัววัดแล้วทำไมยังเอา CC มาคิดภาษีอีก ผมว่างานนี้พี่ใหญ่ 2 ค่ายไม่ชอบแน่

เค้าไม่ได้เอาซีซีมาคิดคับ เค้าเอาภาษีในอีก 3 ปีข้างหน้า มาครอบกับรถที่่มีขายในปัจจุบันน่ะครับ มันเลยออกมาเป็นแบบนี้ อีก 3 ปีข้างหน้า เราคงได้เห็นซีวิคเครื่อง 1500 ติดเทอร์โบ ก็ได้

ถ้าให้พูดจริงๆถ้าผมเป็นเจ้าของบริษัทรถ  ผมจะคิดว่าทำไมต้องแคร์ประเทศไทย ทำไมต้องผลิตเครื่องใหม่ให้มาขายในไทย  ผมว่ามันไม่ใช่เรื่อง ประเทศไทยควรทำตามเทรนด์โลก ไม่ใช่ให้โลกมาทำตามประเทศนี้  ประเทศไทยก็แค่ฐานผลิตส่งออกไม่ใช่ประเทศอย่างจีนหรือ USA ที่ต้องผลิตป้อนเข้าไป แบบนั้นสิถึงจะแคร์ประเทศเค้าว่าเค้าต้องการอะไร  แต่นี้จะให้ไทยเป็นที่ตั้ง แล้วให้บริษัทรถทำเพื่อประเทศๆเดียวที่หาหลักยึดอะไรไม่ได้

ประเทศนี้ควรเอาประเทศอื่นมาเป็นแบบไม่ใช่เป็นแบบซะเองโดยที่ตัวแบบนั้นไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ Wayfarer-R

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,563
ถ้าจะคิดภาษี ตามปริมาณการปล่อยก๊าซ ตั้งตารางมาเลย

ถ้าปล่อยก๊าซ ต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร เสียภาษีเท่านี้
ถ้ามากกว่า 100 กรัมแต่ไม่ถึง 150 กรัม เสียภาษีเท่านี้
ถ้าเกิน 200 กรัม แต่ไม่ถึง 250 กรัม เสียภาษีเท่านี้
ถ้าเกิน 250 กรัม แต่ไม่เกิน 300 กรัมเสียภาษีเท่านี้
300-400 กรัมเสียภาษีเท่านี้

โดยไม่คำนึงว่า มันจะเป็นกี่ที่นั่ง จะมีกี่ซีซี ช่างมัน ก็มาบอกเองนิ ว่าคิดตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์

มันควรจะมาในรูปนี้ หรืออะไรที่คล้ายๆแบบนี้ไม่ใช่หรอ ?


บางรุ่นซีซี เท่ากัน แต่ปล่อยก๊าซ ไม่เท่ากัน มันมีมั้ย ?

ออฟไลน์ MystogaN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,476
ถ้าจะคิดภาษี ตามปริมาณการปล่อยก๊าซ ตั้งตารางมาเลย

ถ้าปล่อยก๊าซ ต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร เสียภาษีเท่านี้
ถ้ามากกว่า 100 กรัมแต่ไม่ถึง 150 กรัม เสียภาษีเท่านี้
ถ้าเกิน 200 กรัม แต่ไม่ถึง 250 กรัม เสียภาษีเท่านี้
ถ้าเกิน 250 กรัม แต่ไม่เกิน 300 กรัมเสียภาษีเท่านี้
300-400 กรัมเสียภาษีเท่านี้

โดยไม่คำนึงว่า มันจะเป็นกี่ที่นั่ง จะมีกี่ซีซี ช่างมัน ก็มาบอกเองนิ ว่าคิดตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์

มันควรจะมาในรูปนี้ หรืออะไรที่คล้ายๆแบบนี้ไม่ใช่หรอ ?


บางรุ่นซีซี เท่ากัน แต่ปล่อยก๊าซ ไม่เท่ากัน มันมีมั้ย ?
+1 แต่ก็คงต้องยกเว้นภาษีให้กับพวกกระบะหละนะไม่งั้นเกิดจราจลแน่ :D

ออฟไลน์ Nut_K

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,226
ถ้าได้ดูรายการที่คุยจิมมี่ไปออก ของเนชั่น เค้าพูดชัดถ้อยชัดคำแล้วนะ ว่าปัจจุบันคิดภาษีที่ซีซี กับแรงม้า แต่ต่อไปจะขึ้นอยู่กับการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ

ผมงงว่า ทำไมยังบอกว่าเครื่อง 1400 ต้องเสียภาษีเท่านั้น
เครื่อง 1600 ต้องเสียภาษีเท่านี้

ทำไมมันยังเอาซีซีมาคิด ?

ทีหลังประกาศออกทีวีทุกช่องพร้อมกันไปเลยว่า รัฐสูญเสียรายได้เพราะได้คืนภาษีให้กับประชาชนที่ซื้อรถคันแรก ตอนนี้มีผู้ใช้สิทธิ์เป็นล้านคนแล้ว เราเลยต้องหาทางเอาคืน เลยเก็บภาษีเพิ่ม

บอกตรงๆไปเลยครับ แมนๆหน่อย อย่างนี้เข้าใจง่าย ไม่ต้องมาทำเป็นอ้างรักษ์โลก

+ 1 ครับ

เอาค่า CO2 มาเป็นตัววัดแล้วทำไมยังเอา CC มาคิดภาษีอีก ผมว่างานนี้พี่ใหญ่ 2 ค่ายไม่ชอบแน่

เค้าไม่ได้เอาซีซีมาคิดคับ เค้าเอาภาษีในอีก 3 ปีข้างหน้า มาครอบกับรถที่่มีขายในปัจจุบันน่ะครับ มันเลยออกมาเป็นแบบนี้ อีก 3 ปีข้างหน้า เราคงได้เห็นซีวิคเครื่อง 1500 ติดเทอร์โบ ก็ได้

ถ้าให้พูดจริงๆถ้าผมเป็นเจ้าของบริษัทรถ  ผมจะคิดว่าทำไมต้องแคร์ประเทศไทย ทำไมต้องผลิตเครื่องใหม่ให้มาขายในไทย  ผมว่ามันไม่ใช่เรื่อง ประเทศไทยควรทำตามเทรนด์โลก ไม่ใช่ให้โลกมาทำตามประเทศนี้  ประเทศไทยก็แค่ฐานผลิตส่งออกไม่ใช่ประเทศอย่างจีนหรือ USA ที่ต้องผลิตป้อนเข้าไป แบบนั้นสิถึงจะแคร์ประเทศเค้าว่าเค้าต้องการอะไร  แต่นี้จะให้ไทยเป็นที่ตั้ง แล้วให้บริษัทรถทำเพื่อประเทศๆเดียวที่หาหลักยึดอะไรไม่ได้

ประเทศนี้ควรเอาประเทศอื่นมาเป็นแบบไม่ใช่เป็นแบบซะเองโดยที่ตัวแบบนั้นไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย

เห็นด้วยครับ ยอดขายรถ C & D Segment + SUV ในไทยปีนึงยังได้แค่ยอดขายที่ USA หรือที่จีนแค่เดือนเดียวเอง เพราะฉะนั้นเรื่องปากเสียงยังไงบริษัทรถก็มองข้าไมอยู่ดี

สู้พัฒนารถสมรรถนะสูงๆ เครื่องยนต์ความจุเดิมไว้เจาะตลาดในประเทศใหญ่ๆดีกว่า

ออฟไลน์ Nut_K

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,226
ถ้าจะคิดภาษี ตามปริมาณการปล่อยก๊าซ ตั้งตารางมาเลย

ถ้าปล่อยก๊าซ ต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร เสียภาษีเท่านี้
ถ้ามากกว่า 100 กรัมแต่ไม่ถึง 150 กรัม เสียภาษีเท่านี้
ถ้าเกิน 200 กรัม แต่ไม่ถึง 250 กรัม เสียภาษีเท่านี้
ถ้าเกิน 250 กรัม แต่ไม่เกิน 300 กรัมเสียภาษีเท่านี้
300-400 กรัมเสียภาษีเท่านี้

โดยไม่คำนึงว่า มันจะเป็นกี่ที่นั่ง จะมีกี่ซีซี ช่างมัน ก็มาบอกเองนิ ว่าคิดตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์

มันควรจะมาในรูปนี้ หรืออะไรที่คล้ายๆแบบนี้ไม่ใช่หรอ ?


บางรุ่นซีซี เท่ากัน แต่ปล่อยก๊าซ ไม่เท่ากัน มันมีมั้ย ?

ดีใจจังที่มีคนคิดเหมือนผมด้วย

ถ้า Hybrid ใช้ขนาดเครื่องยนต์มาเป็นเกณฑ์ด้วย งานนี้ Honda Accord Hybrid ยิ้มเลย เพราะเครื่องยนต์แค่ 2.0 ลิตรเองในขณะที่ Toyota Camry Hybrid เครื่องใหญ่กว่าที่ 2.5 ลิตร

ออฟไลน์ i-din

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 458
ถ้าจะคิดภาษี ตามปริมาณการปล่อยก๊าซ ตั้งตารางมาเลย

ถ้าปล่อยก๊าซ ต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร เสียภาษีเท่านี้
ถ้ามากกว่า 100 กรัมแต่ไม่ถึง 150 กรัม เสียภาษีเท่านี้
ถ้าเกิน 200 กรัม แต่ไม่ถึง 250 กรัม เสียภาษีเท่านี้
ถ้าเกิน 250 กรัม แต่ไม่เกิน 300 กรัมเสียภาษีเท่านี้
300-400 กรัมเสียภาษีเท่านี้

โดยไม่คำนึงว่า มันจะเป็นกี่ที่นั่ง จะมีกี่ซีซี ช่างมัน ก็มาบอกเองนิ ว่าคิดตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์

มันควรจะมาในรูปนี้ หรืออะไรที่คล้ายๆแบบนี้ไม่ใช่หรอ ?


บางรุ่นซีซี เท่ากัน แต่ปล่อยก๊าซ ไม่เท่ากัน มันมีมั้ย ?
+1 แต่ก็คงต้องยกเว้นภาษีให้กับพวกกระบะหละนะไม่งั้นเกิดจราจลแน่ :D

ก็ออกมาในรูปนี้น่ะครับ รถกระบะก็แยกออกมาแล้ว พวกรถตู้ ไม่เกียว เพราะกำหนดแค่ไม่เกิน 10 ที่นั่ง รถเก๋งก็ปกติก็เข้าอยู่แล้ว ซีซีไม่เกิน 3000 ซีซีอยู่แล้ว พวกเกินนี้ ก็ไปเสียอัตราเก่า ซึ่งเท่าไหร่ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ค่อยเกียวกับพวกเรามั้ง

ถ้าได้ดูรายการที่คุยจิมมี่ไปออก ของเนชั่น เค้าพูดชัดถ้อยชัดคำแล้วนะ ว่าปัจจุบันคิดภาษีที่ซีซี กับแรงม้า แต่ต่อไปจะขึ้นอยู่กับการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ

ผมงงว่า ทำไมยังบอกว่าเครื่อง 1400 ต้องเสียภาษีเท่านั้น
เครื่อง 1600 ต้องเสียภาษีเท่านี้

ทำไมมันยังเอาซีซีมาคิด ?

ทีหลังประกาศออกทีวีทุกช่องพร้อมกันไปเลยว่า รัฐสูญเสียรายได้เพราะได้คืนภาษีให้กับประชาชนที่ซื้อรถคันแรก ตอนนี้มีผู้ใช้สิทธิ์เป็นล้านคนแล้ว เราเลยต้องหาทางเอาคืน เลยเก็บภาษีเพิ่ม

บอกตรงๆไปเลยครับ แมนๆหน่อย อย่างนี้เข้าใจง่าย ไม่ต้องมาทำเป็นอ้างรักษ์โลก

+ 1 ครับ

เอาค่า CO2 มาเป็นตัววัดแล้วทำไมยังเอา CC มาคิดภาษีอีก ผมว่างานนี้พี่ใหญ่ 2 ค่ายไม่ชอบแน่

เค้าไม่ได้เอาซีซีมาคิดคับ เค้าเอาภาษีในอีก 3 ปีข้างหน้า มาครอบกับรถที่่มีขายในปัจจุบันน่ะครับ มันเลยออกมาเป็นแบบนี้ อีก 3 ปีข้างหน้า เราคงได้เห็นซีวิคเครื่อง 1500 ติดเทอร์โบ ก็ได้

สรุปแล้วยังงงๆ ครับ

ทำไมเขาเอาการปล่อย CO2 มาครอบกับ segment/cc ได้ละครับ หรือเป็นแค่ค่าประมาณ?

ใช่แล้วครับ ประมาณมาจากข้อมูลที่หาได้น่ะครับ เพราะว่าอัตรการปล่อย CO2 หาได้จากตปท เคยเห็ฯบางที่กำหนดเอาไว้น่ะครับ รุ่นที่ขายบ้านเราก็มีขายต่างประเทศด้วย ก็เลยเอามาใช้เลยครับ

ปล เท่าที่อ่านมานะ ยังหาอ้างอิงไม่ได้เหมือนกัน

ออฟไลน์ i-din

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 458
เอามติครม ตัวเต็มมาให้ดูอีกทีครับ  จากกระทู้นี้ครับ http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,27067.0.html

มติครม.ปรับภาษีสรรพสามิตรถยนต์
ครม.มีมติเห็นชอบปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ เพื่อแก้ไขการบิดเบือน-สร้างความเป็นธรรม โดยจัดเก็บภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
                         18 ธ.ค. 55  ครม.มีมติเห็นชอบปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาการบิดเบือนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และสร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีรถยนต์ และเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ของโลก ซึ่งจะเปลี่ยนภาษีสรรพสามิตรถยนต์ทั้งระบบ โดยจัดเก็บภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
                         ทั้งนี้การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ โดยคิดตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะเป็นการคิดภาษีจะแบ่งตามประเภทรถยนต์ 7 ประเภท ประกอบด้วย
 
                         1. รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30% ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 35% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 40%
                         2. รถยนต์นั่งประเภทอี 85 และรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี ปล่อยก๊าซฯไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 25% ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30% และปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 35%
                         3. รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี ปล่อยก๊าซฯไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 10% กรณีปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 20% และปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 25% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30%
                         4. รถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 3% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 5%
                         5. รถยนต์กระบะที่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี ปล่อยก๊าซฯไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 5% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 7%                            
                         6. รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (ดับเบิ้ลแคป) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250ซีซี ปล่อยก๊าซฯไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 12% และปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 15%
                         7. รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี ปล่อยก๊าซฯไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 25% และปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30%



จะเห็นว่ารถเก๋งปัจจุบันจะเข้าข้อ 1 แทบทั้งหมด ยกเว้น
e85 เข้าข้อ 2
ไฮบริด เข้าข้อ 3
ก็กระบะ เข้าข้อ 4 กับ 5
กระบะ 4 ประตุ เข้าข้อ 6
ส่วนข้อ 7 ไม่รู้แฮะ นึกไม่ออก ส่วนเบนซินหรือดีเซล ไม่เกี่ยวแล้วครับ มีแค่นี้ แรงม้าสูงไม่สูง กก็ไม่เกี่ยวแล้วเหมือนกัน มีคนมาตอบว่า PPV ผมก็ว่าน่าจะใช่นะ

รูปที่เห็นๆ กัน เป็นรูปที่ หนังสือพิมพ์ ถ้าจำไม่ผิดคือกรุงเทพธุรกิจทำขึ้นเองครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 23, 2012, 23:38:05 โดย i-din »

ออฟไลน์ Joe NG

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 316
ถ้าจะคิดภาษี ตามปริมาณการปล่อยก๊าซ ตั้งตารางมาเลย

ถ้าปล่อยก๊าซ ต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร เสียภาษีเท่านี้
ถ้ามากกว่า 100 กรัมแต่ไม่ถึง 150 กรัม เสียภาษีเท่านี้
ถ้าเกิน 200 กรัม แต่ไม่ถึง 250 กรัม เสียภาษีเท่านี้
ถ้าเกิน 250 กรัม แต่ไม่เกิน 300 กรัมเสียภาษีเท่านี้
300-400 กรัมเสียภาษีเท่านี้

โดยไม่คำนึงว่า มันจะเป็นกี่ที่นั่ง จะมีกี่ซีซี ช่างมัน ก็มาบอกเองนิ ว่าคิดตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์

มันควรจะมาในรูปนี้ หรืออะไรที่คล้ายๆแบบนี้ไม่ใช่หรอ ?


บางรุ่นซีซี เท่ากัน แต่ปล่อยก๊าซ ไม่เท่ากัน มันมีมั้ย ?

ดีใจจังที่มีคนคิดเหมือนผมด้วย

ถ้า Hybrid ใช้ขนาดเครื่องยนต์มาเป็นเกณฑ์ด้วย งานนี้ Honda Accord Hybrid ยิ้มเลย เพราะเครื่องยนต์แค่ 2.0 ลิตรเองในขณะที่ Toyota Camry Hybrid เครื่องใหญ่กว่าที่ 2.5 ลิตร

แต่ว่าภาษีใหม่ของไฮบริด เค้าคุมไว้ที่ 3000 ซีซี  เค้าไม่ได้แยกตามซีซีตามเนื้อข่าวด้านบนนิ แบ่งตามคาร์บอนที่ปล่อย  เสีย 10-30%

แต่ถ้าเป็นไฮบริด แล้วซีซีเกิน 3000 คุณโดน 50 % โดยไม่สนใจคาร์บอน 

ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบครับ  วัดกันที่ฝีมือล้วนๆ

ออฟไลน์ taweek

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 223
    • อีเมล์
ขูดรีดประชาชนแบบเนียนๆ - เอามั้ยยยคร้าาาา

ออฟไลน์ Iwata Kana Σ4

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,483
  • Archievement in Control
    • อีเมล์
มือสองยุ่นจะตามมาแหงๆ (แต่ทางไหนดีล่ะ)
ความมีระดับ มาพร้อมศักดิ์ศรีที่เหนือใคร
มีเป้าหมาย ที่อะไรก็ไม่อาจขวาง
มีอำนาจ ที่เลือกใช้ได้ตามใจ
มีชีวิต อย่างที่ใคร ก็ไม่อาจปฎิเสธ

ออฟไลน์ YIM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,015
  • ไม่น่ารัก เราไม่มอง!!
    • อีเมล์
แปลว่าถ้าหากในอนาคต บริษัทรถยนต์ สามารถทำให้รถลดการปล่อย CO2 ลงมาได้ตามเกณฑ์ ภาพรวมภาษีทั้งตลาดก็จะถูกลงกว่าตอนนี้ใช่ไหมครับ

แต่เท่าที่ดู ผมยังสงสัยว่าจะผ่านหรือครับ เพราะท่าทางขาใหญ่ 2-3 เจ้า อาจจะโวยวายได้

แต่อาจจะดีก็ได้ เพราะเราอาจจะเห็นเครื่อง Diesel Commonrail ฉีดตรงขนาดเล็ก หรือ Turbo ฉีดตรง เหมือนในยุโรปเสียที
JDM เท่านั้น จะครองโลก!

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
แปลว่าถ้าหากในอนาคต บริษัทรถยนต์ สามารถทำให้รถลดการปล่อย CO2 ลงมาได้ตามเกณฑ์ ภาพรวมภาษีทั้งตลาดก็จะถูกลงกว่าตอนนี้ใช่ไหมครับ

แต่เท่าที่ดู ผมยังสงสัยว่าจะผ่านหรือครับ เพราะท่าทางขาใหญ่ 2-3 เจ้า อาจจะโวยวายได้

แต่อาจจะดีก็ได้ เพราะเราอาจจะเห็นเครื่อง Diesel Commonrail ฉีดตรงขนาดเล็ก หรือ Turbo ฉีดตรง เหมือนในยุโรปเสียที

เอาง่ายๆครับ 1.0 ลิตรฟอร์ดต้องเสียภาษีเท่ากับ 1.4    บ้ามั้ยเพราะแค่ไม่ได้เข้าลงทุน Eco car
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ MystogaN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,476
ไม่ได้อ่านข่าวข้างบนอย่างละเอียด ขอแก้ใหม่

มันไม่ได้เป็นไปตามข้างบนซะหน่อยครับ Hybrid มันคิดแค่ถ้าเกิน 3000 CC. จ่าย 50%

แต่ถ้าต่ำกว่า 3000 CC. ก็คิดตาม CO2

ต่ำกว่า 100 คิด 10% (คือพริอุสก็ได้อยู่แล้ว 80 กว่าๆ เอง)

   100-150 คิด 20%

   150-200 คิด 30%

ที่ซวยคือ แคมรี่ตะหาก CO2 ประมาณ 120 ซึ่งไปโดนตรง 20% นั่นคือ แตะเลขสองครับ :P

เรื่องนี้ผมเห็นใจโตโยต้ามากๆ เลย เพราะแค่ไฮบริดเองก็นับว่าใหม่และทันสมัยมากแล้ว ลงทุนผลิตในไทยไปแล้วด้วย ...

ออฟไลน์ Joe NG

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 316
แปลว่าถ้าหากในอนาคต บริษัทรถยนต์ สามารถทำให้รถลดการปล่อย CO2 ลงมาได้ตามเกณฑ์ ภาพรวมภาษีทั้งตลาดก็จะถูกลงกว่าตอนนี้ใช่ไหมครับ

แต่เท่าที่ดู ผมยังสงสัยว่าจะผ่านหรือครับ เพราะท่าทางขาใหญ่ 2-3 เจ้า อาจจะโวยวายได้

แต่อาจจะดีก็ได้ เพราะเราอาจจะเห็นเครื่อง Diesel Commonrail ฉีดตรงขนาดเล็ก หรือ Turbo ฉีดตรง เหมือนในยุโรปเสียที

มันไม่อย่างนั้นนะสิ  ไม่ใช่ว่าทำคาร์บอนได้น้อยลงแล้วรถจะถูกลง

เท่าที่ผมนั้งดูของหมวดปิคอัพนะ

ตอนเดียวกับแคป ไม่ว่าจะลดคาร์บอนได้ระดับเทพ  ยังไงรถก็แพงขึ้น จากเดิมเสีย 3 ของใหม่โดน 5 -7

ส่วน 4 ประตู ถ้าทำคาร์บอนได้น้อยกว่า 200 ก็ำเสียเท่าเดิมที่ 12  แต่ถ้าทำไม่ได้ก็โดน 15

ส่วน PPV ทั้งหลาย เดิมเสีย 20  อันนี้แพงขึ้นเพราะโดน 25-30   


แต่จะว่าไป ผมว่ารถนะทำได้  แต่น้ำมันบ้านเราพร้อมขนาดไหนอย่างที่พี่จิมมี่ว่าไว้นะแหละ

อย่าง D-max ตัวที่ส่งยุโรป  ผ่าน euro 5 ตัวเกียร์ธรรมดา  ปล่อยคาร์บอน 194g/km  ส่วนเกียร์ออโต้ ปล่อย 220g/km

พัฒนาอีกหน่อยน่าจะต่ำกว่า 200g/km ได้่อยู่

ออฟไลน์ YIM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,015
  • ไม่น่ารัก เราไม่มอง!!
    • อีเมล์
ผมว่าเวลาอีก 3 ปี ยังพอมีเวลาตั้งหลักอีกนิด (สำหรับผู้บริโภค แต่ผู้ผลิตไม่แน่)

ผมยังเชื่อว่า เรื่องนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงอีกแน่นอน ทั้งบนเวที นอกเวที หรือหลังเวที

ผมว่าค่อยๆ ประเมินสถานการณ์ไปทีละนิดก็ได้ครับ
JDM เท่านั้น จะครองโลก!

ออฟไลน์ Kittisak

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 145
  • Ability Without Opportunity Means Nothing
ทันสมัยแล้วครับ ใครๆก็คิดถึงปริมาณคาร์บอนกันทั่วโลก
“Today I will do what others won't, so tomorrow I can accomplish what others can't”