จากกระแสของ Yaris Ativ และ Note
ที่มีสมาชิกหลายๆ ท่านให้ความสนใจนั้น
ผมเองในฐานะที่เคยไปดูทั้ง 2 รุ่น มีประสบการณ์ในการใช้ Nissan March มา 6 ปีกว่าๆ ระยะทาง 51,000 กิโล
และก็เคยใช้ Toyota corolla AE100 ปี 1994 1.6GXI AT และ Altis หน้าหมู ปี 2002 1.8G AT มาเมื่อประมาณ 5-6 ปีก่อน
ผมก็ขอเล่าถึงสิ่งที่ผมเจอและเหตุผลที่ผม ตัดสินใจเลือก Ativ ทั้งที่ตัวเองใช้ March อยู่ เข้าถึงคลับและรู้ว่าถ้าซื้อ Note ไปอาจเจอปัญหาอะไรบ้าง
ขอเล่าตั้งแต่บัดนี้ครับ ในตอนแรก ผมได้ไปดู เจ้า Note
เหตุผลหลักที่ทำให้ผมตัดสินใจไม่เอา เจ้า Note คือ ราคาขายต่อครับ
ผมไปมา 2-3 ที่ sale ตีราคาให้รถผมที่ประมาณ 1.5-1.6 แสนครับ
(ผมเช็คราคาจากคุณแมว ดราม่า ราคาปกติที่เต้นต์รับ คือ ตามนี้ครับ)
อีกอย่างคือ การที่ผมขับนิสสันเข้าไปที่ศูนย์นิสสัน ผมรู้สึกว่า ศูนย์นิสสันไม่เคยสนใจและง้อลูกค้าเลย โดยเฉพาะลูกค้าซื้อรถเล็กราคา 5 แสนแบบเงินสด ผมไปประมาณ 2 ที่ผมต้องตาม sale ให้ผมมา (ช่วย) คุยให้ผมทราบหน่อยว่ารถมันดีอะไร มีที่นึกตามเป็น 10 นาทีด้วยซ้ำ ที่เจ็บ คือ บอกว่า ศูนย์ผมเก่าแก่ ถ้าของผมไม่ดี พี่ก็ไปซื้อที่อื่นจะดีกว่าครับ (ไล่กันตรงๆ เลย)
ต่อมา ผมไปงาน motor show ก็ส่งให้ผมไปทดลองขับ แล้ว sale ก็หายไปเลย ทิ้งผมไว้กลางทาง
ผมเคยให้เบอร์ sale ไปไม่เคยเจอใครโทรกลับมาเลยสักคนครับ...บางทีก็รู้สึกเหมือนเราดูไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของเขา
ผมขอย้อนกลับมาเล่าไปถึงยุคก่อน ว่านิสสัน เป็นรถที่อยากได้มากๆ ในยุค 90 คงไม่ต้องบอกว่า นิสสัน ทำรถสวยๆ ดีๆ หลายคัน
ผมชอบ Nissan NV / Sunny B14 ตอนก่อนจะซื้อ AE100 ผมหารถพวกนี้ แต่ไปได้เจ้า AE100 แบบโดนบังคับให้ใช้ เลยไม่ได้รถเหล่านี้มา
ต่อมา ยุคที่ผมซื้อ March ผมเคยชอบ Tilda latio มาก เป็นรถที่ออกแบบภายในได้สวยงาม ภายนอกผมชอบทรงเหลียมๆ กลมๆ สูงๆ เกือบจะซื้อไปแล้ว แต่ในยุคนั้น Eco car น่าสนใจกว่า ผมเลยไม่ลังเลที่จะซื้อ เจ้า March เพราะ ในความคิดผม (ยุคนั้น) มันคือ Tilda ย่อส่วน
แต่พอผมมาได้ใช้จริง เจอปัญหาหลายๆ อย่างมากมาย เช่น บูชคันเกียร์ บูชปีกนก พัดลมหม้อน้ำ โช๊คใหม่เปลี่ยนทุก 2 ปี...อย่าง Freed นี่ยังไม่มีอะไรเสียเลยครับ โช๊ค ที่เปลี่ยน คือ มันยังพอใช้ได้ด้วยซ้ำ
ผมรู้สึกว่า นิสสัน เป็นตัวเลือกที่ไม่ค่อยน่ารักอีกต่อไป ประกอบกับการตีราคารถผมแบบนั้น sale ก็เหมือนไม่อยากขายรถ
ถึงผมจะรู้ว่า เจ้า Note จะมีจุดบกพร่องซึ่งก็คงไม่ต่างจาก march และแก้ไขได้ เพราะมีคลับและอู่ที่คอยแนะนำทางแก้ไข
มามองที่ option ผมดูตัวล่าง มีข้อสงสัย คือ มันมีอะไรที่เพิ่มขึ้นมากกว่าสมัยที่ผมซื้อ เจ้า March ผมว่ามันพื้นฐานมาก รถในยุคนี้ มันก็มีคล้ายๆ กันหมดแล้ว อย่าง bluetooth ทำไมนิสสันต้องกเอาไว้ให้กับรุ่น top ครับ
จากทั้งหมดที่กล่าวมา ผมก็หมดอารมณ์ที่จะเลือก Note ครับ
ตอนขาย March ไปมี 2 อารมณ์ให้รู้สึก คือ ผูกพันที่ขับกันมานาน เขาช่วยชีวิตผมมาหลายๆ เคส ทั้งที่ไม่มี ABS ESP แต่ก็ดีใจที่จะได้ตัดปัญหาหลายๆ อย่าง...ที่ผมคิดว่า อนาคตจะต้องเริ่มซ่อมแซม
ต่อมาในส่วนของสาเหตุที่ผมเลือกเจ้า Yaris Ativ โดยเฉพาะ ที่เปลี่ยนใจจากรุ่น J eco CVT มาเป็น E CVT
ท้าวความไปถึงสมัยก่อน Toyota ในความคิดผมเป็นรถโง่ๆ ซื่อบื่อ ที่กั๊ก option และผมเชื่อว่า รถญี่ปุ่นยี่ห้อไหนมันก็เหมือนๆ กันนะแหละ อะไหล่ การซ่อมบำรุงก็คงเหมือนๆ กัน ตอนใช้ AE100 ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็ซ่อมไปตามคลับ อย่างผมจะอยู่ใน altisclub ผมก็จะไปตามอู่ taxi หลายๆ ที่ แต่ก็มีที่นึกที่ซ่อมประจำเป็น 10 ปี
แต่ คือ พอผมเปลี่ยนมาเป็น March พอรถเริ่มเก่า ผมเห็นว่ามันต่างกันมากครับ...อะไหล่ของ toyota ทนกว่า ผมขอเทียบ altis หน้าหมูกับ march นะครับ (กลัวจะมีคนว่าๆ ผมไปเอา AE100 ที่มันทนมาก)
march อะไหล่แท้ถูกจริง แต่มันไม่มีของเทียบให้เลือกมากนัก แล้วของแท้ มันก็ห่วยและไม่ทน...ในขณะที่ altis มีตัวเลือกเยอะมาก หลายเกรด หลายแบบ และทนกว่า
การซ่อมนิสสัน ในหลายๆ เคส ผมต้องวิ่งหาอะไหล่ (สั่งใน FB) จากนั้นก็วิ่งไปให้ร้านเปลี่ยน เพราะราคาที่ร้านสูงกว่าราคาที่พ่อค้าอะไหล่ขายมาก คือ ราคาพร้อมเปลี่ยนถูกกว่าศูนย์จริงครับ แต่มันบวกเยอะกว่าครับ กลายเป็นเสียค่ารถเพิ่ม
ในขณะที่ altis ผมขับไปที่อู่ประจำ ราคาอะไหล่ก็พอๆ กับที่เบิกร้านแถววรจักร ค่าแรงก็ตามหน้างาน
อีกอย่าง คือ การรื้อรถ Nissan มันรื้อยากกว่า Toyota ในทุกกรณีครับ ออกแบบไม่เผื่อซ่อม อย่างกรองเกียร์เหมือนจะเปลี่ยนง่าย แต่ถ้าใส่ไม่ดี คือ รั่วครับ ในขณะที่ toyota มันฝังอยู่กับอ่าง กรองแพงกว่าหลายเท่าจริง แต่มันใช้ได้ 8 หมื่นโล (ของนิสสัน 2 หมื่นมีคนเอาออกมาก็เน่าแล้วครับ)
บางเคสของ March ผมเข้าใจนะครับ ว่า การออกแบบทำให้ต้องใช้ของแท้ เช่น บูชปีกนก ถ้าเอาไปอัด แบบที่ผมทำ โอกาสแตกไวมีสูงมาก เข้าใจคนซ่อมครับ บางทีเป็นที่ นิสสันเอง ที่ออกแบบมาไม่ค่อยคำนึงถึงความคงทน
อันนี้เป็นเหตุผล ที่ผมตัดใจจากนิสสัน มาเอา ativ นะครับ
ต่อมา เรื่องตัวรถและการขาย Ativ
คือ ผมไปดูรถ toyota มาตั้งแต่ช่วง กพ มีค แล้วครับ ศูนย์ toyota sale ดูขยันกว่านิสสันมาก
เข้าไปทุกครั้ง ผมก็แต่งตัวแบบไปนิสสัน sale จะเข้ามาแนะนำรถครับ
มีเอกสาร พร้อม ถึงไม่มีก็หามาจนได้ เช่น ถ่ายรูปใบราคาแล้ว print ให้ลูกค้า ต่างจากนิสสัน ที่ตอน Note ผมไม่ได้เอกสาร
อะไรเลย เพราะตอนนั้น นิสสันเอารถมาเปิดแต่ยังไม่พร้อมขาย ไม่มีรถทดลองขับ
การตีราคารถ ที่บางคนบอกว่า sure ตีราคาแย่กว่านั้น...ผมไปมา ให้ราคาตั้งแต่ 1.8-2 แสนครับ
อย่างเคสผมราคาไปจบที่ 203,000 บาท (มีอีกเจ้าให้อีก 2 พันแต่ไม่เอาเพราะเขามัดจำแล้วไม่อยากผิดสัญญาครับ)
ผมรู้สึกว่า sale toyota จะพยายามหาทางแก้ไขให้ลูกค้าซื้อรถกับเขาให้ได้ คือ ถ้า sure ราคาไม่ดี เขาก็จะหาข้างนอกมาตีราคาให้ ส่วนลดของแถม เช่น ค่าจดทะเบียน ผมก็ได้ฟรี ต่างจากตอน March ที่ผมต้องจ่ายค่าจดทะเบียนเอง และบังคับซื้อประกัน คือ toyota ผมต่อรองได้มากกว่าตอนไปดู note อีกครับ (ไม่รู้ทำไม)
ผมรู้สึกว่าพอผมซื้อสด sale จะสนใจมาก เพราะว่าได้ยอดเร็ว
ในเรื่องของตัวรถ ที่ผมเลือก ativ ไม่รอตัว hatchback ไม่เอา note เพราะว่าตัว E ที่ผมเลือกนอกจากราคาจะถูกกว่าแล้ว สิ่งที่ใส่มาเป็นอะไรที่ผมต้องการใช้จริงๆ บางอย่างไม่มีผมก็ไม่สนใจ เช่น ปุ่ม start ไฟลูกแก้ว ผมว่า note กั๊ก option นอกจาก bluetooth ไม่มีแล้ว กล้องหลังหรือเซ็นเซอร์ก็ไม่มี
โดยสรุป ผมก็เลยตัดสินใจเลือก Ativ ครับ...ผมเลือกรุ่น 1.2E CVT สีเงิน (ภายใน ivory) คงไปรับรถพรุ่งนี้ครับ
ผมขอแชร์ตามนี้นะครับ...ทุกอย่างที่เขียนมาจากความรู้สึกและที่พบเจอ...อยากให้ทุกท่านแสดงความคิดเห็นร่วมกันครับ