อยากให้ยางเกาะถนนที่สุด เบรคสั้นที่สุด ต้องเติมลมยางน้อยๆ ใช่ไหมครับ

bingoman

ถ้าผมไม่ได้ห่วงเรื่องอัตราเร่งหรืออัตราสิ้นเปลือง แต่ต้องการให้รถเกาะถนนที่สุด ระยะเบรคสั้นที่สุด  ผมควรเติมลมน้อยกว่าสเป็คใช่ไหมครับ

มีคนแนะนำว่า ให้เติมลมยางน้อยกว่าสเป็กซัก 2-5 psi ทุกล้อ  แบบนั้นจะได้ ความเกาะถนนกับระยะเบรคที่สั้นกลับมา เป็นแบบนี้จริงไหมครับ  ขอบคุณครับ



MisterDante

แล้วมันจะกินน้ำมันมากขึ้นด้วยไหมครับเนี่ย



รถจักรไอน้ำ

อัตราเร่งลด กินน้ำมันมากขึ้นด้วยนะครับ

คหสต หาแม็ก forged monoblock กะยางรุ่นดีๆใส่ ดีกว่าครับ
Current cars:
2018 - Volvo XC60 T8 R-design (Stock)
2020 - Mercedes C43 Sedan FL (tuned)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79186.0)
2021 - BMW 530e M sport LCI (Stock)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79736.0)



DiKiBoyZ

จริงครับ

แค่ 1-2 ปอด์น ผมว่าพอได้ ทำได้ ไม่ถึงกับเสี่ยงมากมายอะไรนัก แต่....อาจจะไม่ได้เห็นความต่างอะไรมากนัก เพราะลมยางปกติ วิ่งไประยะหนึ่ง มันก็เพิ่ม 2-3 ปอด์น เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

ลมยางอ่อน จะทำให้ยางกองกับพื้นเยอะขึ้น หน้าสัมผัสของยางกับถนนเยอะขึ้น (ยางยิ่งแข็งจุดสัมผัสกับถนนยิ่งน้อย ทั้งในด้านหน้าตัดยางและดอกยาง)

แต่ถ้าจะลดปอด์นเยอะๆ เพื่อความเรื่องเกาะถนน กับ เบรค แต่ต้องและมาด้วยการกินน้ำมันที่เพิ่มขึ้น อืดขึ้น(friction เยอะ) และ ความเสี่ยงยางระเบิด ด้วยครับ มันไม่ค่อยกันคุ้มนะ รถวิ่งใช้งาน ผมไม่แนะนำเลย

ปล.ถ้าเป็นรถ drag ว่าไปอย่าง เขาวิ่งแค่ระยะสั่นๆ ครับ รถ circuit เขาก็ยังต้องคุมลมยางเลย ไม่ปล่อยให้อ่อนเกินไป เพราะมีผลกับอัตราเร่งด้วย(ไม่นับเรื่องอุณหภูมิด้วยนะ)



choomodify

รถกะบะ ผมลองลดลมยางจากมาตรฐานข้างประตู( 29 PSi หน้าและหลัง)  ด้านหน้าผมใช้ค่ามาตรฐานเดิมคือ 29 เพราะมีน้ำหนักเครื่องยนต์กดทับไว้อยู่แล้วส่วนด้านท้ายผมทดลองลดลงทีละ 1 Psi แล้วขับเทสในเส้นทางที่ใช้ประจำจะได้ค่าที่ลงตัวคือ 26 Psi ที่ล้อคู่หลัง ผลที่ได้คือบอดี้คอนโทรลดีขึ้น รถเลี้ยวตามมือมากขึ้น Weight Transferได้ง่าย ระยะเบรคดีขึ้นแต่ไม่ถึงกับต่างมากครับ  :-*

ลองดูนะครับ วิทยาศาตร์เกิดจากการทดลองครับ  :-*
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 04, 2020, 12:39:29 โดย choomodify »



Peet Sayumpoo

ก็จริงครับ แต่ผมว่ามันได้ไม่คุ้มเสียนะครับ

ลมอ่อนลง = กินน้ำมันขึ้น+อัตราเร่งความเร็วทุกอย่างด้อยลง+เครื่องและเกียร์มีภาระมากขึ้น+พวงมาลัยคมน้อยลง+Handling ด้อยลง จะย้วยขึ้น

ผมว่าเปลี่ยนยางที่เกาะขึ้นจะดีกว่าครับ ถ้าอยากให้ระยะเบรกสั้นลง

อย่างรถผมทุกคันเติมลมแข็งกว่าโรงงาน +2-3 PSI ด้วยซ้ำครับ รู้สึกว่าขับดีกว่า ระยะเบรกก็ไม่ได้รู้สึกว่าอันตรายอะไรกว่าเดิมเท่าไหร่
ลมยางแข็งกว่าปกติ ผมกลับรู้สึกขับปลอดภัยกว่าลมนิ่มกว่าปกติด้วยนะครับ เพราะการควบคุม ความนิ่งเวลาโยนโค้ง จั๊มสะพานมันดีกว่า
ถ้าลมยางนิ่มก็คล้ายๆกับโช๊คนิ่มแหละครับ จะยวบๆยาบๆ

อันนี้ผมขับช่วงความเร็ว 140-200 เป็นประจำน่ะครับ แต่ถ้าคนขับเรื่อยๆก็แนะนำเติมตามค่าโรงงาน + - 1 PSI ดีสุดครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 04, 2020, 12:38:24 โดย Peet Sayumpoo »



samaklen

ถ้ายางแก้มเตี้ย
ลดแรงดันลมลง โครงสร้างยางอาจเสียหายได้ครับ
รวมไปถึงอาจระเบิดจากแก้มยางสะสมความร้อนจากการเสียดสีไว้
เลือกยางที่คุณภาพดี เหมาะสมกว่าครับ
รวมไปถึงระบบเบรคชั้นดีด้วย



IS2000

ขับบนถนนปกติผมเติมตามสเป็ครถ + ไปอีกนิดหน่อยด้วยครับ ส่วนมากไม่ค่อยเห็นความต่างเรื่องการเกาะถนน
ถ้าลงสนามแบบพวก gymkhana เติม 30psi ล้อหน้า และล้อหลังสูงกว่าเวลาจะดีขึ้นมานิดหน่อยครับ เกาะขึ้นชัดเจน
ส่วนแดร็กนี่เติมล้อที่ขับเคลื่อนกัน 20 psi แต่จบแล้วต้องรีบเติมกลับมาปกติ
1 3 5
├┼┼╕
2 4 6 R



johnlee

เสี่ยงยางแตก ยางระเบิดมั้ย
2535-2555 Nissan Big-m z16
2555-2561 Nissan Big-m Td27 + Bd25
2555- 2566 -Nissan Almera N17
2561- present -Isuzu D-max spacecab SLX 3.0
2566 - present Honda Jazz ge v a/t



akewizard

ผมว่าเติมตามสเปคข้างประตู บวกลบได้นิดหน่อย น่าจะเหมาะสมสุดครับ

เติมลมยางน้อยๆให้ยางมันแบนนิดๆจะได้มีผิวสัมผัสถนนเยอะขึ้น แล้วจะเบรคดีขึ้น ก็อาจจะใช่ครับถ้าคิดเอาตามความรู้สึก
แต่มันจะมีเรื่องอื่นๆตามมาเช่น ยางรถจะให้ตัวได้มากเกินไปอาจจะมีผลเรื่องทิศทางและการทรงตัวระหว่างเบรค

รวมถึงยางอาจจะต้านทานแรงกดจากแรงเบรคได้ไม่ดี ทำให้เบรคแย่ลงหรือยางได้รับความเสียหายแทน



PaPaMan

ผมว่าไม่จริงนะครับ
เติมลมยางมากไปหน้ายางจะโป่ง หน้าสัมผ้สพื้นถนนเป็นรูปตัว U ทำให้พื้นที่สัมผัสถนนน้อยลง เกาะถนนน้อยลง เบรคแย่ลง


เติมลมยางอ่อน แก้มยางจะย้วยลงมาสัมผัสถนนมากขึ้น แต่นั่นไม่ใช่พื้นที่ที่จะช่วยให้ยางเกาะถนนมากขึ้น ตรงกันข้ามบริเวณส่วนกลางของหน้ายางจะยุบตัวเป็นรูปตัว U กลับหัว ทำให้การยึดเกาะ , การเบรคแย่ลง แก้มยางย้วยมากขึ้นเวลาเลี้ยวโค้งอีก นี่ยังไม่นับความร้อนสะสมที่แก้มยางจากการยีดยุบตัวมากกว่าปกติจากการเติมลมยางน้อยอันอาจเป็นสาเหตุให้ยางระเบิดได้


เติมลมยางพอดี (optimum pressure สำหรับชนิดและขนาดยางนั้นๆ กับนน.รถแต่ละคัน) จะทำให้หน้ายางสัมผัสถนนได้เต็ม แก้มยางมีความยืดหยุ่นที่พอเหมาะ การยึดเกาะและการเบรคก็จะให้ผลดีที่สุด


ดังนั้นการเติมลมยางให้พอเหมาะจะทำให้การยึดเกาะและการเบรคดีที่สุด (ไม่เกี่ยวกับความนุ่มนวลของการโดยสารนะครับ ซึ่งถ้าต้องการให้นุ่มขึ้นก็ลดแรงดันลมให้น้อยลง) ส่วนจะต้องเติมเท่าไหร่แล้วแต่รถและยางเลยครับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยึดตามสติ๊กเกอร์ข้างประตูน่าจะเป็นค่าที่เหมาสมที่สุดครับ


ลองสังเกตุดูการสึกของหน้ายางที่ใช้แล้วดูครับ บางเส้นสึกกลาง (แปลว่าเติมลมยางแข็งเกิน) บางเส้นสึกที่ขอบ (แปลว่าเติมลมยางอ่อนเกินไป)



kiwiwi

เรื่องเบรคดีขึ้นไม่เถียง

เกาะขึ้นมั๊ย ตามหลักก็ใช่ แต่แลกมาด้วยความย้วย และมีโอกาสปลิ้น ซึ่งผมว่ามันดูขัดแย้งๆกันยังไงก็ไม่รู้
ประมาณว่ายางพยายามยึดพื้นไว้ได้มากกว่าเดิม แต่แม็กมันจะไปจากยางเสียให้ได้

เอาที่พอดีๆดีกว่าครับ
ถ้าอยากได้สมรรถนะที่มากกว่าเดิม ก็แค่ใส่ล้อให้กว้างขึ้น และ ยางแบบสปอร์ท ซึ่งเนื้อยางจะค่อนข้างยึดเกาะถนนได้ดีกว่าครับ



AkE

เอาซัก 30-32 ก้พอแล้วมั้งครับ กำลังดี



#อินเดียหน้าโจร

ผมว่าเหมาะที่สุดคือเติมให้พอดีครับ ถ้าไม่รู้ว่าเท่าไรพอดีก็ใช้ค่ามาตรฐานตรงเพลทข้างประตูก็ได้ครับ เติมมากไปยางโป่งตรงพื้นสัมผัสเป็นตัว U เติมน้อยไปยางแฟ่บและตรงกลางงอเป็นตัว W ก็สัมผัสพื้นน้อยลง และเวลาเบรคฉุกเฉิยยางย้วยๆบิดๆ มันน่าจะอันตรายกว่าเดิมนะครับ ใช้ลมน้อยยางร้อนขึ้น กระแทกแรงโครงสร้างยางเสียหายมากขึ้นอีกด้วยครับ
Altis 1.6 AT 2004 (Swap 2zz-ge 6MT)
Mazda 1.3 Sky



เทียน

ไม่ใช่ รถส่วนใหญ่เขาคำนคน้ำหนักและพื้นที่หน้าสัมผัสถนนด้วยแรงกดกระจายเต็มว่าจุดที่กดลงสัมผัสพื้นมากที่สุดด้วยแรงลมเท่าไหร่ คุณไปลดลมก็ทำให้พื้นท้องยางไม่เรียบเกาะถนนแย่ลง




The_Wizard

วิ่งออฟโรดที่ไม่ใช้ความเร็จ การลดลมยางลงนิดหน่อย เห็นผลจริงๆ ส่วนทางเรียบที่ใช้ความเร็ว ไม่ควรเติมลมอ่อนมากจนเกินไป มีความเสี่ยงมากกว่าเกิดผลดีครับ ยางไม่ได้ออกแบบให้รองรับปริมาณลมน้อยๆได้
ถ้าอยากให้ยึดเกาะได้ดีขึ้น ลองเปลี่ยนขนาดหน้ากว้างยางให้กว้างขึ้น ช่วยได้เหมือนกัน



Turin

ประเด็นคือใช้เบรคถึงลิมิตยางหรือยัง .. ถ้ายัง ต่อให้ลดลมยางช่วยได้ ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อยู่ดี กรณีออฟโรดของเม้นต์บนจะเห็นชัดที่สุด การเบรคของรถออฟโรดมีโอกาสจะเกินลิมิตยางได้ง่าย เพราะพื้นผิวไม่ค่อยเกาะ มันจึงเห็นผลได้ชัด .. บนถนนปกติ เราไม่ได้เบรคถึงจุดที่ abs ทำงานกันบ่อยๆ โดยรวมน่าจะได้ไม่คุ้มเสีย เติมตามเสปคน่าจะเหมาะสมที่สุดครับ



sukhontha

ถ้ายางแก้มเตี้ย
ลดแรงดันลมลง โครงสร้างยางอาจเสียหายได้ครับ
รวมไปถึงอาจระเบิดจากแก้มยางสะสมความร้อนจากการเสียดสีไว้
เลือกยางที่คุณภาพดี เหมาะสมกว่าครับ
รวมไปถึงระบบเบรคชั้นดีด้วย

ตามนี้ครับ   ความร้อนในยางจะสูงมากกว่าปกติ 

ผมเติมแข็งกว่ามาตรฐาน 4 ปอนด์...



Stp

ผมสงสัยว่า ถ้าลดลมยางมากกว่า -3 PSI จะช่วยให้เกาะถนนแตกต่างขนาดรู้สึกได้เพียงใด แต่ระยะเบรคที่ว่าสั้นกว่านี่วัดจากการเบรคปกติหรือต้องเบรคฉุกเฉิน ชีวิตจริงเรากระทืบเบรคแบบฉุกเฉินตลอดเวลาที่ขับรถเชียวหรือ ไม่น่าใช่นะครับ

แต่ในอีกมุมนึงก็น่าคิด เพราะบางยี่ห้อลงทุนระบุลมยางสูงๆ ให้ผ่านค่ามลพิษจากรัฐ รถเก๋งบ้านๆ ล้อ 15-16” ใส่ลมยาง 38-40 PSI แบบนี้ -5 ยังเหลือๆ เลย เจอพฤติกรรมแย่ของผู้ผลิตแบบนี้ก็ไม่ไหว ลูกค้าที่ซื้อรถแบบขับอย่างเดียวจำความรู้ผิดๆ ไปด้วย
:D ;D ร่วมรณรงค์รักการอ่านหนังสือ แทนการถามตลอดเวลา ;D :D



Torshi

ก็จริงครับ แต่ผมว่ามันได้ไม่คุ้มเสียนะครับ

ลมอ่อนลง = กินน้ำมันขึ้น+อัตราเร่งความเร็วทุกอย่างด้อยลง+เครื่องและเกียร์มีภาระมากขึ้น+พวงมาลัยคมน้อยลง+Handling ด้อยลง จะย้วยขึ้น

ผมว่าเปลี่ยนยางที่เกาะขึ้นจะดีกว่าครับ ถ้าอยากให้ระยะเบรกสั้นลง

อย่างรถผมทุกคันเติมลมแข็งกว่าโรงงาน +2-3 PSI ด้วยซ้ำครับ รู้สึกว่าขับดีกว่า ระยะเบรกก็ไม่ได้รู้สึกว่าอันตรายอะไรกว่าเดิมเท่าไหร่
ลมยางแข็งกว่าปกติ ผมกลับรู้สึกขับปลอดภัยกว่าลมนิ่มกว่าปกติด้วยนะครับ เพราะการควบคุม ความนิ่งเวลาโยนโค้ง จั๊มสะพานมันดีกว่า
ถ้าลมยางนิ่มก็คล้ายๆกับโช๊คนิ่มแหละครับ จะยวบๆยาบๆ

อันนี้ผมขับช่วงความเร็ว 140-200 เป็นประจำน่ะครับ แต่ถ้าคนขับเรื่อยๆก็แนะนำเติมตามค่าโรงงาน + - 1 PSI ดีสุดครับ

ตรงกันข้ามกับผมเลยครับ ถ้าพูดถึงเฉพาะในช่วงความเร็วสูง ตั้งแต่ 180 ไปจนถึง 240 เอาที่ผมขับจริง หากขับแบบบู๊ๆเลย ใส่โค้งยาวๆบนทางด่วน ด้วยความเร็วสัก 190-200 ลมยางที่แข็งกว่าปกติ มันโคตรเด้งเลยครับ ใจน่ะไปต่อ แต่รถเด้งไม่ไหวต้องยก ผิดกับตอนเติมลมยางตามสเปคข้างประตู รถขับดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อตอนเทโค้งเข้าไปแบบเร็วๆ สามารถกดแช่ไปต่อได้ในโค้งเดิม ไม่ได้รู้สึกใจฝ่อจนต้องยก(หากขับในสนาม เอาที่ผมเข้าใจก็ควรจะลดลมยางตามสเปคข้างประตูนิดหน่อยด้วยซ้ำ) ส่วนผมเติมเท่าสเปคข้างประตูนี่แหละ ไม่ได้เอารถไปลงสนามขนาดนั้น แต่ด้วยรถคนละคัน ยางคนละชนิด บางทีอาการก็เลยอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ครับ
2010 Honda Civic FD 1.8 AT Unichip+Idriver
2013 Honda Civic FB 1.8 AT
2013 Ford Focus 2.0 Gdi Remap
2014 Mazda 3 Skyactiv Remap
2014 Volvo V40 Cross Country T5
2015 BMW 116i M Sport Remap+H.Drive EURO(Corner Weight Balance)
2016 Toyota Revo Double Cab Prerunner 2.4G AT
2017 Honda Accord Hybrid TECH



demo2

แตก ตาย ได้นะครับ
ปล อย่าเลย



NS

รถแข่งแดร๊กในสนามก็เติมลมยางต่ำๆเพื่อให้ยางเกาะถนนใช่ไม๊ครับ​ ถ้ารถบ้านอยากให้เกาะถนนเบรคหยุดระยะสั้ยคงต้องมีล้อน้ำหนักเบา​ ยางซ๊อฟท์เกาะถนนแก้มเตี้ย​ กับระบบเบรคดีๆ​ แต่ระวังรถตามหลังมาจิ้มตูดเอานะครับ​
จะเลือกรถหรือเมีย....

...รถสิคร๊าฟ



Peet Sayumpoo

ก็จริงครับ แต่ผมว่ามันได้ไม่คุ้มเสียนะครับ

ลมอ่อนลง = กินน้ำมันขึ้น+อัตราเร่งความเร็วทุกอย่างด้อยลง+เครื่องและเกียร์มีภาระมากขึ้น+พวงมาลัยคมน้อยลง+Handling ด้อยลง จะย้วยขึ้น

ผมว่าเปลี่ยนยางที่เกาะขึ้นจะดีกว่าครับ ถ้าอยากให้ระยะเบรกสั้นลง

อย่างรถผมทุกคันเติมลมแข็งกว่าโรงงาน +2-3 PSI ด้วยซ้ำครับ รู้สึกว่าขับดีกว่า ระยะเบรกก็ไม่ได้รู้สึกว่าอันตรายอะไรกว่าเดิมเท่าไหร่
ลมยางแข็งกว่าปกติ ผมกลับรู้สึกขับปลอดภัยกว่าลมนิ่มกว่าปกติด้วยนะครับ เพราะการควบคุม ความนิ่งเวลาโยนโค้ง จั๊มสะพานมันดีกว่า
ถ้าลมยางนิ่มก็คล้ายๆกับโช๊คนิ่มแหละครับ จะยวบๆยาบๆ

อันนี้ผมขับช่วงความเร็ว 140-200 เป็นประจำน่ะครับ แต่ถ้าคนขับเรื่อยๆก็แนะนำเติมตามค่าโรงงาน + - 1 PSI ดีสุดครับ

ตรงกันข้ามกับผมเลยครับ ถ้าพูดถึงเฉพาะในช่วงความเร็วสูง ตั้งแต่ 180 ไปจนถึง 240 เอาที่ผมขับจริง หากขับแบบบู๊ๆเลย ใส่โค้งยาวๆบนทางด่วน ด้วยความเร็วสัก 190-200 ลมยางที่แข็งกว่าปกติ มันโคตรเด้งเลยครับ ใจน่ะไปต่อ แต่รถเด้งไม่ไหวต้องยก ผิดกับตอนเติมลมยางตามสเปคข้างประตู รถขับดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อตอนเทโค้งเข้าไปแบบเร็วๆ สามารถกดแช่ไปต่อได้ในโค้งเดิม ไม่ได้รู้สึกใจฝ่อจนต้องยก(หากขับในสนาม เอาที่ผมเข้าใจก็ควรจะลดลมยางตามสเปคข้างประตูนิดหน่อยด้วยซ้ำ) ส่วนผมเติมเท่าสเปคข้างประตูนี่แหละ ไม่ได้เอารถไปลงสนามขนาดนั้น แต่ด้วยรถคนละคัน ยางคนละชนิด บางทีอาการก็เลยอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ครับ

เรื่องนี้ผมลืมพูดถึงไปครับ ใช่ครับ ยางคนละรุ่น คนละแบบ ขนาดเท่ากันทุกอย่าง เติมลมเท่ากัน
แต่ความรู้สึกที่ได้ออกมาว่าย้วยหรือแข็งนั้นต่างกันชัดเจนมากจริงๆครับ
แต่โดยส่วนมากผมชอบใส่ยางแนว Comfort ครับ ผมไม่ชอบยางแก้มแข็งเสียงดัง อาจจะเป้นเพราะอย่างงี้มันเลยย้วย
จนผมต้องเติมลมแข็งกว่าปกติ ไม่งั้นมันจะย้วยจริงๆครับ แต่เติมแข็งกว่าค่าโรงงานประมาณ 2-3 PSI ครับ ถ้ามากกว่านี้ก็จะเกินไปอีก
เติมแข็งกว่าปกติ ผมก็รู้แหละว่ามันสะเทือนขึ้นนิดนึง แต่มันไปได้ครับ แบบมั้นใจ จับพวงมาลัยมั้นๆหน่อย
แต่ถ้าลมนิ่มนี่คือแบบว่าเวลาโยกไปๆมาๆ เจอทางโค้งที่เป็นคลื่นลอน เหมือนล้อแม็กกับยางมันพยายามจะดิ้นหลุดออกจากกันอะครับ 555
โหวงเหวงมาก ใครไหวไปเลยครับ แต่ผมไม่ไหว 555 ขอแข็งกว่าปกติหน่อยดีกว่า

แต่ถ้ายางแนว Sport แก้มแข็งๆ อาจไม่ต้องเติมแข็งกว่าปกติครับ น่าจะไม่ย้วยโดยธรรมชาติ

อ่อ อีกอย่างนึง ชนิดของลมที่เติมก็มีผลกับความกระด้างครับ ถ้าเติมด้วยลมแรงดังเท่ากัน
ไนโตรเจ็นจะกระด้างและสะเทือนน้อยกว่าลมธรรมดาชัดเจนครับ.



tom46

เคยแต่ลองใช้ลมยางตามที่บริษัทรถกำหนด จากที่ใช้เคยใช้แต่ลมเยอะๆกันล้อดุ้ง ได้ผลดีครับ การเกาะถนนดีขึ้นจริงครับ

แต่เรื่องเบรค ผมว่าเกี่ยวกับเกรดของยางด้วยครับ ยางตัวรองของค่าย ยางตัว top ของค่าย เรื่องเบรคจะต่างกันแบบรู้สึกได้เลยครับ ผมเคยใส่ยางตัวรองของค่ายอยู่ค่ายหนึ่ง ผ้าเบรคก็ดันเปลี่ยนรุ่นเปลี่ยนยี่ห้อมาลองใช้ด้วยเหมือนกัน

ตอนแรก ว่าผ้าตัวนี้คงไม่ดีมั้งก็ทนๆใช้ไป แต่พอเปลี่ยนยางมาเป็นอีกตัวนึง ที่เป็นตัว top ของค่ายแต่คนละยี่ห้อ การเบรค ก็กลับมาดีขึ้นครับ
M52TUB30 NA TUNING
STROKER M54B30
SCHRICK CAM 248/248
aa tuning software custom
K&N performance air intake kit
Exhaust systems thailand hand made
Rear exhaust EISENMANN



Trigger-Happy

ต้องขับให้ช้าลงครับ
รถทุกคันดูดีเมื่อมีผมขับ



EVA01

ผมเข้าใจว่าอย่างนี้
1. ลมยางที่ผู้ผลิตกำหนด เช่น กำหนดไว้ 35 คิดว่าน่าจะเป็นลมยางที่เหมาะสมหรือสมดุลที่สุด (Overall) เช่น เกาะถนน การประหยัดน้ำมัน อัตราเร่ง แต่อาจจะไม่ได้เด่นไปด้านใดด้านหนึ่ง
2. จากประสบการณ์ที่ใช้รถมา ลมยางที่เหมาะกับถนนเมืองไทยที่สุด (ที่มันไม่ค่อยเรียบนัก) ผมกลับคิดว่าลมยางที่อ่อนกว่าค่าที่ผู้ผลิตกำหนดประมาณ 2-3 psi จะรู้สึกเกาะถนมากสุด เพราะมันจะเด้งน้อยลง พอเด้งน้อยลงยางมันก็สัมผัสถนนมากกว่า
https://SecreLocal.com - Local Live Chat - No Selfie - Anonymous Adult Dating -   Chat Local Girls



madboy

ถ้ารถวิ่งทางตรงอย่างเดียวก็เกาะขึ้นครับ แต่ถ้าเลี้ยวด้วยเกรงว่าย้วยยานเลยครับ  :D



zipp




PabU

   การลดลมยางมันช่วยเพิ่มพื้นหน้าสัมผัสยางกับพื้นถนนให้เกาะถนนเพิ่มขึ้นขนาดนั้นเลยเหรอครับ ??
 ยิ่งถ้าใช้ขับชีวิตประจำวันแล้วลดลมยางอันนี้ผมว่าไม่เหมาะครับ ยิ่งวิ่งทางไกลจะทำให้แก้มยางร้อนมากเสี่ยงยางระเบิด


 
1992 Toyota Corrola EE90( 4A-FE) -Passed
2004 Honda City Vtec -Passed
2005 Subaru Impreza WRX GDA -Present
2007 Toyota Fortuner 3.0 MT -Passed
2009 Nissan Teana 250XV -Present
2011 Toyota Altis 1.8G -Passed
2017 Ford Ranger Cab 2.2 MT -Passed



koko86

มันลดพื้อนที่ผิวสัมผัสยางกับถนนนะครับ (contact patch)
การเกาะถนนจะแย่ลงในทุกด้าน

แต่ถ้าเป็นรถแข่ง ก่อนลงจะเติมลดลง 3-6 psi แล้วแต่สนามเพราะเวลาเบรคความร้อนที่ส่งมาจากเบรคจะทำให้ลมยางสูงขึ้นจนพอเหมาะครับ