ผู้เขียน หัวข้อ: อยากให้ยางเกาะถนนที่สุด เบรคสั้นที่สุด ต้องเติมลมยางน้อยๆ ใช่ไหมครับ  (อ่าน 7926 ครั้ง)

ออฟไลน์ bingoman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,367
ถ้าผมไม่ได้ห่วงเรื่องอัตราเร่งหรืออัตราสิ้นเปลือง แต่ต้องการให้รถเกาะถนนที่สุด ระยะเบรคสั้นที่สุด  ผมควรเติมลมน้อยกว่าสเป็คใช่ไหมครับ

มีคนแนะนำว่า ให้เติมลมยางน้อยกว่าสเป็กซัก 2-5 psi ทุกล้อ  แบบนั้นจะได้ ความเกาะถนนกับระยะเบรคที่สั้นกลับมา เป็นแบบนี้จริงไหมครับ  ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ MisterDante

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,291
    • อีเมล์
แล้วมันจะกินน้ำมันมากขึ้นด้วยไหมครับเนี่ย

ออฟไลน์ basterias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,793
อัตราเร่งลด กินน้ำมันมากขึ้นด้วยนะครับ

คหสต หาแม็ก forged monoblock กะยางรุ่นดีๆใส่ ดีกว่าครับ
Current cars:
2018 - Volvo XC60 T8 R-design (Stock)
2020 - Mercedes C43 Sedan FL (tuned)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79186.0)
2021 - BMW 530e M sport LCI (Stock)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79736.0)

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,208
    • อีเมล์
จริงครับ

แค่ 1-2 ปอด์น ผมว่าพอได้ ทำได้ ไม่ถึงกับเสี่ยงมากมายอะไรนัก แต่....อาจจะไม่ได้เห็นความต่างอะไรมากนัก เพราะลมยางปกติ วิ่งไประยะหนึ่ง มันก็เพิ่ม 2-3 ปอด์น เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

ลมยางอ่อน จะทำให้ยางกองกับพื้นเยอะขึ้น หน้าสัมผัสของยางกับถนนเยอะขึ้น (ยางยิ่งแข็งจุดสัมผัสกับถนนยิ่งน้อย ทั้งในด้านหน้าตัดยางและดอกยาง)

แต่ถ้าจะลดปอด์นเยอะๆ เพื่อความเรื่องเกาะถนน กับ เบรค แต่ต้องและมาด้วยการกินน้ำมันที่เพิ่มขึ้น อืดขึ้น(friction เยอะ) และ ความเสี่ยงยางระเบิด ด้วยครับ มันไม่ค่อยกันคุ้มนะ รถวิ่งใช้งาน ผมไม่แนะนำเลย

ปล.ถ้าเป็นรถ drag ว่าไปอย่าง เขาวิ่งแค่ระยะสั่นๆ ครับ รถ circuit เขาก็ยังต้องคุมลมยางเลย ไม่ปล่อยให้อ่อนเกินไป เพราะมีผลกับอัตราเร่งด้วย(ไม่นับเรื่องอุณหภูมิด้วยนะ)

ออฟไลน์ choomodify

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,632
รถกะบะ ผมลองลดลมยางจากมาตรฐานข้างประตู( 29 PSi หน้าและหลัง)  ด้านหน้าผมใช้ค่ามาตรฐานเดิมคือ 29 เพราะมีน้ำหนักเครื่องยนต์กดทับไว้อยู่แล้วส่วนด้านท้ายผมทดลองลดลงทีละ 1 Psi แล้วขับเทสในเส้นทางที่ใช้ประจำจะได้ค่าที่ลงตัวคือ 26 Psi ที่ล้อคู่หลัง ผลที่ได้คือบอดี้คอนโทรลดีขึ้น รถเลี้ยวตามมือมากขึ้น Weight Transferได้ง่าย ระยะเบรคดีขึ้นแต่ไม่ถึงกับต่างมากครับ  :-*

ลองดูนะครับ วิทยาศาตร์เกิดจากการทดลองครับ  :-*
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 04, 2020, 12:39:29 โดย choomodify »

ออฟไลน์ Peet Sayumpoo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,002
ก็จริงครับ แต่ผมว่ามันได้ไม่คุ้มเสียนะครับ

ลมอ่อนลง = กินน้ำมันขึ้น+อัตราเร่งความเร็วทุกอย่างด้อยลง+เครื่องและเกียร์มีภาระมากขึ้น+พวงมาลัยคมน้อยลง+Handling ด้อยลง จะย้วยขึ้น

ผมว่าเปลี่ยนยางที่เกาะขึ้นจะดีกว่าครับ ถ้าอยากให้ระยะเบรกสั้นลง

อย่างรถผมทุกคันเติมลมแข็งกว่าโรงงาน +2-3 PSI ด้วยซ้ำครับ รู้สึกว่าขับดีกว่า ระยะเบรกก็ไม่ได้รู้สึกว่าอันตรายอะไรกว่าเดิมเท่าไหร่
ลมยางแข็งกว่าปกติ ผมกลับรู้สึกขับปลอดภัยกว่าลมนิ่มกว่าปกติด้วยนะครับ เพราะการควบคุม ความนิ่งเวลาโยนโค้ง จั๊มสะพานมันดีกว่า
ถ้าลมยางนิ่มก็คล้ายๆกับโช๊คนิ่มแหละครับ จะยวบๆยาบๆ

อันนี้ผมขับช่วงความเร็ว 140-200 เป็นประจำน่ะครับ แต่ถ้าคนขับเรื่อยๆก็แนะนำเติมตามค่าโรงงาน + - 1 PSI ดีสุดครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 04, 2020, 12:38:24 โดย Peet Sayumpoo »

ออฟไลน์ samaklen

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,917
ถ้ายางแก้มเตี้ย
ลดแรงดันลมลง โครงสร้างยางอาจเสียหายได้ครับ
รวมไปถึงอาจระเบิดจากแก้มยางสะสมความร้อนจากการเสียดสีไว้
เลือกยางที่คุณภาพดี เหมาะสมกว่าครับ
รวมไปถึงระบบเบรคชั้นดีด้วย

ออฟไลน์ IS2000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,186
    • อีเมล์
ขับบนถนนปกติผมเติมตามสเป็ครถ + ไปอีกนิดหน่อยด้วยครับ ส่วนมากไม่ค่อยเห็นความต่างเรื่องการเกาะถนน
ถ้าลงสนามแบบพวก gymkhana เติม 30psi ล้อหน้า และล้อหลังสูงกว่าเวลาจะดีขึ้นมานิดหน่อยครับ เกาะขึ้นชัดเจน
ส่วนแดร็กนี่เติมล้อที่ขับเคลื่อนกัน 20 psi แต่จบแล้วต้องรีบเติมกลับมาปกติ
1 3 5
├┼┼╕
2 4 6 R

ออฟไลน์ johnlee

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,603
    • อีเมล์
เสี่ยงยางแตก ยางระเบิดมั้ย
2535-2555 Nissan Big-m z16
2555-2561 Nissan Big-m Td27 + Bd25
2555- 2566 -Nissan Almera N17
2561- present -Isuzu D-max spacecab SLX 3.0
2566 - present Honda Jazz ge v a/t

ออฟไลน์ akewizard

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,617
ผมว่าเติมตามสเปคข้างประตู บวกลบได้นิดหน่อย น่าจะเหมาะสมสุดครับ

เติมลมยางน้อยๆให้ยางมันแบนนิดๆจะได้มีผิวสัมผัสถนนเยอะขึ้น แล้วจะเบรคดีขึ้น ก็อาจจะใช่ครับถ้าคิดเอาตามความรู้สึก
แต่มันจะมีเรื่องอื่นๆตามมาเช่น ยางรถจะให้ตัวได้มากเกินไปอาจจะมีผลเรื่องทิศทางและการทรงตัวระหว่างเบรค

รวมถึงยางอาจจะต้านทานแรงกดจากแรงเบรคได้ไม่ดี ทำให้เบรคแย่ลงหรือยางได้รับความเสียหายแทน

ออฟไลน์ PaPaMan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,183
ผมว่าไม่จริงนะครับ
เติมลมยางมากไปหน้ายางจะโป่ง หน้าสัมผ้สพื้นถนนเป็นรูปตัว U ทำให้พื้นที่สัมผัสถนนน้อยลง เกาะถนนน้อยลง เบรคแย่ลง


เติมลมยางอ่อน แก้มยางจะย้วยลงมาสัมผัสถนนมากขึ้น แต่นั่นไม่ใช่พื้นที่ที่จะช่วยให้ยางเกาะถนนมากขึ้น ตรงกันข้ามบริเวณส่วนกลางของหน้ายางจะยุบตัวเป็นรูปตัว U กลับหัว ทำให้การยึดเกาะ , การเบรคแย่ลง แก้มยางย้วยมากขึ้นเวลาเลี้ยวโค้งอีก นี่ยังไม่นับความร้อนสะสมที่แก้มยางจากการยีดยุบตัวมากกว่าปกติจากการเติมลมยางน้อยอันอาจเป็นสาเหตุให้ยางระเบิดได้


เติมลมยางพอดี (optimum pressure สำหรับชนิดและขนาดยางนั้นๆ กับนน.รถแต่ละคัน) จะทำให้หน้ายางสัมผัสถนนได้เต็ม แก้มยางมีความยืดหยุ่นที่พอเหมาะ การยึดเกาะและการเบรคก็จะให้ผลดีที่สุด


ดังนั้นการเติมลมยางให้พอเหมาะจะทำให้การยึดเกาะและการเบรคดีที่สุด (ไม่เกี่ยวกับความนุ่มนวลของการโดยสารนะครับ ซึ่งถ้าต้องการให้นุ่มขึ้นก็ลดแรงดันลมให้น้อยลง) ส่วนจะต้องเติมเท่าไหร่แล้วแต่รถและยางเลยครับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยึดตามสติ๊กเกอร์ข้างประตูน่าจะเป็นค่าที่เหมาสมที่สุดครับ


ลองสังเกตุดูการสึกของหน้ายางที่ใช้แล้วดูครับ บางเส้นสึกกลาง (แปลว่าเติมลมยางแข็งเกิน) บางเส้นสึกที่ขอบ (แปลว่าเติมลมยางอ่อนเกินไป)

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,856
เรื่องเบรคดีขึ้นไม่เถียง

เกาะขึ้นมั๊ย ตามหลักก็ใช่ แต่แลกมาด้วยความย้วย และมีโอกาสปลิ้น ซึ่งผมว่ามันดูขัดแย้งๆกันยังไงก็ไม่รู้
ประมาณว่ายางพยายามยึดพื้นไว้ได้มากกว่าเดิม แต่แม็กมันจะไปจากยางเสียให้ได้

เอาที่พอดีๆดีกว่าครับ
ถ้าอยากได้สมรรถนะที่มากกว่าเดิม ก็แค่ใส่ล้อให้กว้างขึ้น และ ยางแบบสปอร์ท ซึ่งเนื้อยางจะค่อนข้างยึดเกาะถนนได้ดีกว่าครับ

ออฟไลน์ AkE

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,405
เอาซัก 30-32 ก้พอแล้วมั้งครับ กำลังดี

ออฟไลน์ #อินเดียหน้าโจร

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,403
    • Need for slow - ดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน
    • อีเมล์
ผมว่าเหมาะที่สุดคือเติมให้พอดีครับ ถ้าไม่รู้ว่าเท่าไรพอดีก็ใช้ค่ามาตรฐานตรงเพลทข้างประตูก็ได้ครับ เติมมากไปยางโป่งตรงพื้นสัมผัสเป็นตัว U เติมน้อยไปยางแฟ่บและตรงกลางงอเป็นตัว W ก็สัมผัสพื้นน้อยลง และเวลาเบรคฉุกเฉิยยางย้วยๆบิดๆ มันน่าจะอันตรายกว่าเดิมนะครับ ใช้ลมน้อยยางร้อนขึ้น กระแทกแรงโครงสร้างยางเสียหายมากขึ้นอีกด้วยครับ
Altis 1.6 AT 2004 (Swap 2zz-ge 6MT)
Mazda 1.3 Sky

ออฟไลน์ เทียน

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 143
ไม่ใช่ รถส่วนใหญ่เขาคำนคน้ำหนักและพื้นที่หน้าสัมผัสถนนด้วยแรงกดกระจายเต็มว่าจุดที่กดลงสัมผัสพื้นมากที่สุดด้วยแรงลมเท่าไหร่ คุณไปลดลมก็ทำให้พื้นท้องยางไม่เรียบเกาะถนนแย่ลง


ออฟไลน์ The_Wizard

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 258
วิ่งออฟโรดที่ไม่ใช้ความเร็จ การลดลมยางลงนิดหน่อย เห็นผลจริงๆ ส่วนทางเรียบที่ใช้ความเร็ว ไม่ควรเติมลมอ่อนมากจนเกินไป มีความเสี่ยงมากกว่าเกิดผลดีครับ ยางไม่ได้ออกแบบให้รองรับปริมาณลมน้อยๆได้
ถ้าอยากให้ยึดเกาะได้ดีขึ้น ลองเปลี่ยนขนาดหน้ากว้างยางให้กว้างขึ้น ช่วยได้เหมือนกัน

ออฟไลน์ Turin

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,047
ประเด็นคือใช้เบรคถึงลิมิตยางหรือยัง .. ถ้ายัง ต่อให้ลดลมยางช่วยได้ ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อยู่ดี กรณีออฟโรดของเม้นต์บนจะเห็นชัดที่สุด การเบรคของรถออฟโรดมีโอกาสจะเกินลิมิตยางได้ง่าย เพราะพื้นผิวไม่ค่อยเกาะ มันจึงเห็นผลได้ชัด .. บนถนนปกติ เราไม่ได้เบรคถึงจุดที่ abs ทำงานกันบ่อยๆ โดยรวมน่าจะได้ไม่คุ้มเสีย เติมตามเสปคน่าจะเหมาะสมที่สุดครับ

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,475
ถ้ายางแก้มเตี้ย
ลดแรงดันลมลง โครงสร้างยางอาจเสียหายได้ครับ
รวมไปถึงอาจระเบิดจากแก้มยางสะสมความร้อนจากการเสียดสีไว้
เลือกยางที่คุณภาพดี เหมาะสมกว่าครับ
รวมไปถึงระบบเบรคชั้นดีด้วย

ตามนี้ครับ   ความร้อนในยางจะสูงมากกว่าปกติ 

ผมเติมแข็งกว่ามาตรฐาน 4 ปอนด์...

ออฟไลน์ Stp

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,537
ผมสงสัยว่า ถ้าลดลมยางมากกว่า -3 PSI จะช่วยให้เกาะถนนแตกต่างขนาดรู้สึกได้เพียงใด แต่ระยะเบรคที่ว่าสั้นกว่านี่วัดจากการเบรคปกติหรือต้องเบรคฉุกเฉิน ชีวิตจริงเรากระทืบเบรคแบบฉุกเฉินตลอดเวลาที่ขับรถเชียวหรือ ไม่น่าใช่นะครับ

แต่ในอีกมุมนึงก็น่าคิด เพราะบางยี่ห้อลงทุนระบุลมยางสูงๆ ให้ผ่านค่ามลพิษจากรัฐ รถเก๋งบ้านๆ ล้อ 15-16” ใส่ลมยาง 38-40 PSI แบบนี้ -5 ยังเหลือๆ เลย เจอพฤติกรรมแย่ของผู้ผลิตแบบนี้ก็ไม่ไหว ลูกค้าที่ซื้อรถแบบขับอย่างเดียวจำความรู้ผิดๆ ไปด้วย
:D ;D ร่วมรณรงค์รักการอ่านหนังสือ แทนการถามตลอดเวลา ;D :D

ออฟไลน์ Torshi

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 335
ก็จริงครับ แต่ผมว่ามันได้ไม่คุ้มเสียนะครับ

ลมอ่อนลง = กินน้ำมันขึ้น+อัตราเร่งความเร็วทุกอย่างด้อยลง+เครื่องและเกียร์มีภาระมากขึ้น+พวงมาลัยคมน้อยลง+Handling ด้อยลง จะย้วยขึ้น

ผมว่าเปลี่ยนยางที่เกาะขึ้นจะดีกว่าครับ ถ้าอยากให้ระยะเบรกสั้นลง

อย่างรถผมทุกคันเติมลมแข็งกว่าโรงงาน +2-3 PSI ด้วยซ้ำครับ รู้สึกว่าขับดีกว่า ระยะเบรกก็ไม่ได้รู้สึกว่าอันตรายอะไรกว่าเดิมเท่าไหร่
ลมยางแข็งกว่าปกติ ผมกลับรู้สึกขับปลอดภัยกว่าลมนิ่มกว่าปกติด้วยนะครับ เพราะการควบคุม ความนิ่งเวลาโยนโค้ง จั๊มสะพานมันดีกว่า
ถ้าลมยางนิ่มก็คล้ายๆกับโช๊คนิ่มแหละครับ จะยวบๆยาบๆ

อันนี้ผมขับช่วงความเร็ว 140-200 เป็นประจำน่ะครับ แต่ถ้าคนขับเรื่อยๆก็แนะนำเติมตามค่าโรงงาน + - 1 PSI ดีสุดครับ

ตรงกันข้ามกับผมเลยครับ ถ้าพูดถึงเฉพาะในช่วงความเร็วสูง ตั้งแต่ 180 ไปจนถึง 240 เอาที่ผมขับจริง หากขับแบบบู๊ๆเลย ใส่โค้งยาวๆบนทางด่วน ด้วยความเร็วสัก 190-200 ลมยางที่แข็งกว่าปกติ มันโคตรเด้งเลยครับ ใจน่ะไปต่อ แต่รถเด้งไม่ไหวต้องยก ผิดกับตอนเติมลมยางตามสเปคข้างประตู รถขับดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อตอนเทโค้งเข้าไปแบบเร็วๆ สามารถกดแช่ไปต่อได้ในโค้งเดิม ไม่ได้รู้สึกใจฝ่อจนต้องยก(หากขับในสนาม เอาที่ผมเข้าใจก็ควรจะลดลมยางตามสเปคข้างประตูนิดหน่อยด้วยซ้ำ) ส่วนผมเติมเท่าสเปคข้างประตูนี่แหละ ไม่ได้เอารถไปลงสนามขนาดนั้น แต่ด้วยรถคนละคัน ยางคนละชนิด บางทีอาการก็เลยอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ครับ
2010 Honda Civic FD 1.8 AT Unichip+Idriver
2013 Honda Civic FB 1.8 AT
2013 Ford Focus 2.0 Gdi Remap
2014 Mazda 3 Skyactiv Remap
2014 Volvo V40 Cross Country T5
2015 BMW 116i M Sport Remap+H.Drive EURO(Corner Weight Balance)
2016 Toyota Revo Double Cab Prerunner 2.4G AT
2017 Honda Accord Hybrid TECH

ออฟไลน์ demo2

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 784
    • อีเมล์
แตก ตาย ได้นะครับ
ปล อย่าเลย

ออฟไลน์ NS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,718
  • การเดินทางครั้งใหม่
รถแข่งแดร๊กในสนามก็เติมลมยางต่ำๆเพื่อให้ยางเกาะถนนใช่ไม๊ครับ​ ถ้ารถบ้านอยากให้เกาะถนนเบรคหยุดระยะสั้ยคงต้องมีล้อน้ำหนักเบา​ ยางซ๊อฟท์เกาะถนนแก้มเตี้ย​ กับระบบเบรคดีๆ​ แต่ระวังรถตามหลังมาจิ้มตูดเอานะครับ​
จะเลือกรถหรือเมีย....

...รถสิคร๊าฟ

ออฟไลน์ Peet Sayumpoo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,002
ก็จริงครับ แต่ผมว่ามันได้ไม่คุ้มเสียนะครับ

ลมอ่อนลง = กินน้ำมันขึ้น+อัตราเร่งความเร็วทุกอย่างด้อยลง+เครื่องและเกียร์มีภาระมากขึ้น+พวงมาลัยคมน้อยลง+Handling ด้อยลง จะย้วยขึ้น

ผมว่าเปลี่ยนยางที่เกาะขึ้นจะดีกว่าครับ ถ้าอยากให้ระยะเบรกสั้นลง

อย่างรถผมทุกคันเติมลมแข็งกว่าโรงงาน +2-3 PSI ด้วยซ้ำครับ รู้สึกว่าขับดีกว่า ระยะเบรกก็ไม่ได้รู้สึกว่าอันตรายอะไรกว่าเดิมเท่าไหร่
ลมยางแข็งกว่าปกติ ผมกลับรู้สึกขับปลอดภัยกว่าลมนิ่มกว่าปกติด้วยนะครับ เพราะการควบคุม ความนิ่งเวลาโยนโค้ง จั๊มสะพานมันดีกว่า
ถ้าลมยางนิ่มก็คล้ายๆกับโช๊คนิ่มแหละครับ จะยวบๆยาบๆ

อันนี้ผมขับช่วงความเร็ว 140-200 เป็นประจำน่ะครับ แต่ถ้าคนขับเรื่อยๆก็แนะนำเติมตามค่าโรงงาน + - 1 PSI ดีสุดครับ

ตรงกันข้ามกับผมเลยครับ ถ้าพูดถึงเฉพาะในช่วงความเร็วสูง ตั้งแต่ 180 ไปจนถึง 240 เอาที่ผมขับจริง หากขับแบบบู๊ๆเลย ใส่โค้งยาวๆบนทางด่วน ด้วยความเร็วสัก 190-200 ลมยางที่แข็งกว่าปกติ มันโคตรเด้งเลยครับ ใจน่ะไปต่อ แต่รถเด้งไม่ไหวต้องยก ผิดกับตอนเติมลมยางตามสเปคข้างประตู รถขับดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อตอนเทโค้งเข้าไปแบบเร็วๆ สามารถกดแช่ไปต่อได้ในโค้งเดิม ไม่ได้รู้สึกใจฝ่อจนต้องยก(หากขับในสนาม เอาที่ผมเข้าใจก็ควรจะลดลมยางตามสเปคข้างประตูนิดหน่อยด้วยซ้ำ) ส่วนผมเติมเท่าสเปคข้างประตูนี่แหละ ไม่ได้เอารถไปลงสนามขนาดนั้น แต่ด้วยรถคนละคัน ยางคนละชนิด บางทีอาการก็เลยอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ครับ

เรื่องนี้ผมลืมพูดถึงไปครับ ใช่ครับ ยางคนละรุ่น คนละแบบ ขนาดเท่ากันทุกอย่าง เติมลมเท่ากัน
แต่ความรู้สึกที่ได้ออกมาว่าย้วยหรือแข็งนั้นต่างกันชัดเจนมากจริงๆครับ
แต่โดยส่วนมากผมชอบใส่ยางแนว Comfort ครับ ผมไม่ชอบยางแก้มแข็งเสียงดัง อาจจะเป้นเพราะอย่างงี้มันเลยย้วย
จนผมต้องเติมลมแข็งกว่าปกติ ไม่งั้นมันจะย้วยจริงๆครับ แต่เติมแข็งกว่าค่าโรงงานประมาณ 2-3 PSI ครับ ถ้ามากกว่านี้ก็จะเกินไปอีก
เติมแข็งกว่าปกติ ผมก็รู้แหละว่ามันสะเทือนขึ้นนิดนึง แต่มันไปได้ครับ แบบมั้นใจ จับพวงมาลัยมั้นๆหน่อย
แต่ถ้าลมนิ่มนี่คือแบบว่าเวลาโยกไปๆมาๆ เจอทางโค้งที่เป็นคลื่นลอน เหมือนล้อแม็กกับยางมันพยายามจะดิ้นหลุดออกจากกันอะครับ 555
โหวงเหวงมาก ใครไหวไปเลยครับ แต่ผมไม่ไหว 555 ขอแข็งกว่าปกติหน่อยดีกว่า

แต่ถ้ายางแนว Sport แก้มแข็งๆ อาจไม่ต้องเติมแข็งกว่าปกติครับ น่าจะไม่ย้วยโดยธรรมชาติ

อ่อ อีกอย่างนึง ชนิดของลมที่เติมก็มีผลกับความกระด้างครับ ถ้าเติมด้วยลมแรงดังเท่ากัน
ไนโตรเจ็นจะกระด้างและสะเทือนน้อยกว่าลมธรรมดาชัดเจนครับ.

ออฟไลน์ tom46

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,712
เคยแต่ลองใช้ลมยางตามที่บริษัทรถกำหนด จากที่ใช้เคยใช้แต่ลมเยอะๆกันล้อดุ้ง ได้ผลดีครับ การเกาะถนนดีขึ้นจริงครับ

แต่เรื่องเบรค ผมว่าเกี่ยวกับเกรดของยางด้วยครับ ยางตัวรองของค่าย ยางตัว top ของค่าย เรื่องเบรคจะต่างกันแบบรู้สึกได้เลยครับ ผมเคยใส่ยางตัวรองของค่ายอยู่ค่ายหนึ่ง ผ้าเบรคก็ดันเปลี่ยนรุ่นเปลี่ยนยี่ห้อมาลองใช้ด้วยเหมือนกัน

ตอนแรก ว่าผ้าตัวนี้คงไม่ดีมั้งก็ทนๆใช้ไป แต่พอเปลี่ยนยางมาเป็นอีกตัวนึง ที่เป็นตัว top ของค่ายแต่คนละยี่ห้อ การเบรค ก็กลับมาดีขึ้นครับ
M52TUB30 NA TUNING
STROKER M54B30
SCHRICK CAM 248/248
aa tuning software custom
K&N performance air intake kit
Exhaust systems thailand hand made
Rear exhaust EISENMANN

ออฟไลน์ Trigger-Happy

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 383
  • I am different
ต้องขับให้ช้าลงครับ
รถทุกคันดูดีเมื่อมีผมขับ

ออฟไลน์ EVA01

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 528
ผมเข้าใจว่าอย่างนี้
1. ลมยางที่ผู้ผลิตกำหนด เช่น กำหนดไว้ 35 คิดว่าน่าจะเป็นลมยางที่เหมาะสมหรือสมดุลที่สุด (Overall) เช่น เกาะถนน การประหยัดน้ำมัน อัตราเร่ง แต่อาจจะไม่ได้เด่นไปด้านใดด้านหนึ่ง
2. จากประสบการณ์ที่ใช้รถมา ลมยางที่เหมาะกับถนนเมืองไทยที่สุด (ที่มันไม่ค่อยเรียบนัก) ผมกลับคิดว่าลมยางที่อ่อนกว่าค่าที่ผู้ผลิตกำหนดประมาณ 2-3 psi จะรู้สึกเกาะถนมากสุด เพราะมันจะเด้งน้อยลง พอเด้งน้อยลงยางมันก็สัมผัสถนนมากกว่า

ออฟไลน์ madboy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,352
    • อีเมล์
ถ้ารถวิ่งทางตรงอย่างเดียวก็เกาะขึ้นครับ แต่ถ้าเลี้ยวด้วยเกรงว่าย้วยยานเลยครับ  :D

ออฟไลน์ zipp

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 320

ออฟไลน์ PabU

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 120
   การลดลมยางมันช่วยเพิ่มพื้นหน้าสัมผัสยางกับพื้นถนนให้เกาะถนนเพิ่มขึ้นขนาดนั้นเลยเหรอครับ ??
 ยิ่งถ้าใช้ขับชีวิตประจำวันแล้วลดลมยางอันนี้ผมว่าไม่เหมาะครับ ยิ่งวิ่งทางไกลจะทำให้แก้มยางร้อนมากเสี่ยงยางระเบิด


 
1992 Toyota Corrola EE90( 4A-FE) -Passed
2004 Honda City Vtec -Passed
2005 Subaru Impreza WRX GDA -Present
2007 Toyota Fortuner 3.0 MT -Passed
2009 Nissan Teana 250XV -Present
2011 Toyota Altis 1.8G -Passed
2017 Ford Ranger Cab 2.2 MT -Passed

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
มันลดพื้อนที่ผิวสัมผัสยางกับถนนนะครับ (contact patch)
การเกาะถนนจะแย่ลงในทุกด้าน

แต่ถ้าเป็นรถแข่ง ก่อนลงจะเติมลดลง 3-6 psi แล้วแต่สนามเพราะเวลาเบรคความร้อนที่ส่งมาจากเบรคจะทำให้ลมยางสูงขึ้นจนพอเหมาะครับ