ผู้เขียน หัวข้อ: ภายใน 5 ปีข้างหน้า รถยนต์ไฟฟ้าในไทยจะนิยมมากขึ้นหรือเท่าเดิม  (อ่าน 6046 ครั้ง)

ออฟไลน์ InBkk

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,112
นิยมมากขึ้นแน่นอน มีตัวเลือกค่ายจีน ค่ายยุโรปมากขึ้น แต่กว่าจะมาแทนรถน้ำมันได้จริงยังอีกนาน

ออฟไลน์ boogie2020

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,037
    • อีเมล์
5 ปี ยังไม่ใช่แน่นอนคับ

ค่ายรถจะขยับ ก็ต่อเมื่อกฎหมายโดนบังคับใช้คับ เหมือนพวกมาตรฐานไอเสีย Euro ทั้งหลาย  แรก ๆ ค่ายรถแอนตี้กันจะตาย เพราะเป็นการเพิ่มต้นทุน  แต่ถ้ารัฐจะดัน  ไม่ผ่านมาตรฐานก็ห้ามขาย  ค่ายรถก็ต้องทำตาม   .....สำหรับบ้านเราก็คงอีกนาน  ฝั่งยุโรปก็ใกล้ละ  ออสนี่ก็ยังไม่เห็น

ถ้ากฎหมายในตลาดหลัก ๆ โดนเปลี่ยนว่าต้อง EV  เมือ่ไหร่   ค่ายรถก็ต้องทำตาม  ....เคสเมืองไทยน่าจะออกแนว กฎหมายไทยยังไม่ห้าม แต่ตลาดหลัก ๆ ในประเทศอื่นเขาบังคับใช้ EV ไปแล้ว ค่ายรถเลยต้องเปลียนให้เป็น EV  คนไทยก็เลยได้ใช้รถ EV  แล้วกฎหมายไทยค่อยขยับตาม 55
-----------------------------------------------------------
There is no spoon
-----------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Sazabi

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 330
5 ปี ยังไม่ใช่แน่นอนคับ

ค่ายรถจะขยับ ก็ต่อเมื่อกฎหมายโดนบังคับใช้คับ เหมือนพวกมาตรฐานไอเสีย Euro ทั้งหลาย  แรก ๆ ค่ายรถแอนตี้กันจะตาย เพราะเป็นการเพิ่มต้นทุน  แต่ถ้ารัฐจะดัน  ไม่ผ่านมาตรฐานก็ห้ามขาย  ค่ายรถก็ต้องทำตาม   .....สำหรับบ้านเราก็คงอีกนาน  ฝั่งยุโรปก็ใกล้ละ  ออสนี่ก็ยังไม่เห็น

ถ้ากฎหมายในตลาดหลัก ๆ โดนเปลี่ยนว่าต้อง EV  เมือ่ไหร่   ค่ายรถก็ต้องทำตาม  ....เคสเมืองไทยน่าจะออกแนว กฎหมายไทยยังไม่ห้าม แต่ตลาดหลัก ๆ ในประเทศอื่นเขาบังคับใช้ EV ไปแล้ว ค่ายรถเลยต้องเปลียนให้เป็น EV  คนไทยก็เลยได้ใช้รถ EV  แล้วกฎหมายไทยค่อยขยับตาม 55

ไทยจะออกกฎหมายนั้นได้ก็ต่อเมื่อมี Game Changer อยู่ในมือ แต่นี่ทั้ง
- บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทยที่ประสบความสำเร็จ
- ค่ายจีนที่ประสบความสำเร็จจนชี้นำตลาดได้
- ยักษ์ใหญ่ BEV โลกอย่าง TESLA หรือ VW มาลงทุนตั้งโรงงานในประเทศไทย

ไม่มีอะไรข้างต้นนั้นเลยซักอย่างก็ไม่มีทางที่จะมีกฎหมายบังคับใช้ BEV ออกมาครับ และถึงตลาดหลักๆของโลกอย่างอเมริกา จีน ยุโรปจะบังคับใช้ BEV แล้ว แต่อย่าลืมว่ารถที่ขายในประเทศไทยส่วนใหญ่คือ 1-ton Pick-up ที่ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและ Regional Model อื่นๆที่ไม่มีในประเทศเหล่านั้น ส่วน Global Model น่ะมันน้อยมาก เพราะฉะนั้นต่อให้อเมริกา จีน ยุโรป บังคับใช้ BEV ยังไง Transition period ของไทยและประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆมันก็จะยาวนานหลัก 15-20 ปีขึ้นไป

ออฟไลน์ alpha14

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,109
ถ้ามีมาตราการจากภาครัฐมากระตุ้นอย่างที่ จขกทอ้างมา ผมว่าในอนาคตยอดผู้ใช้evน่าจะเพิ่มขึ้นแน่นอน อย่าลืมว่าอีก5ปีแบตฯน่าจะพัฒนาขึ้นไปอีกมาทั้งน้ำหนักที่อาจลดลง ระยะทางเพิ่มขึ้นใช้เวลาชาร์ทน้อยลง ราคารถที่อาจจะลดลงอีกมีหลากหลายค่ายให้เลือก แล้วคนรุ่นใหม่ๆหรือผู้หญิงที่ไม่ถนัดซ่อมบำรุงดูแลเครื่องยนต์สันดาปฯ ก็คงมองevว่าขับง่ายใช้ง่าย ไม่จุกจิก รวมถึงตัวผมถ้ามีแผนเปลี่ยนรถใหม่ก็คงเล็งevไว้ก่อน อีก5ปีสถานีชาร์ทก็คงเต็มพื้นที่ประเทศไทย ถ้าขนส่งลดภาษีประจำปีให้ด้วย พรบ ถูกลง ก็เป็นสิ่งที่ดีนะ ถ้าอยากผลักดันจริงๆก็ไม่ยากที่ยอดผู้ใช้จะมากขึ้น

ออฟไลน์ tleema

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 290
    • อีเมล์
มองตลาดจีน ที่ น่าจะเป็นเจ้าของผู้ผลิต รายใหญ่ ปัจจุบันยังคงมีรถสันดาปขายคู่กันไป ไม่ได้ไฟฟ้าทั้งหมด

ตลาดในไทยอีก 5 ปี ก็เหมือนจีนแหละ ครับ ในเมืองปริมาณเพิ่มขึ้นแน่นอน ถ้าการจราจรมันยังติดหนักๆอยู่ คนทำงานที่ต้องขับรถเข้าออก ต้องหาทางประหยัดมากขึ้น

จุดชาร์จยังไงก็กระจายในเมืองมากกว่า อยู่ดี

ออฟไลน์ tvm

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,479
ลองมองมุมคนส่วนใหญ่ (รายได้ปานกลาง รายได้น้อย) มีสัดส่วนเท่าที่ที่พักสามารถชาร์จไฟได้?
มองต่อเรื่องการเข้าถึงการชาร์จ ผมว่ายาวๆ ไปครับ

ออฟไลน์ PapaRo@ch~*

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,100
รถไฟฟ้ามาแน่นอน
ผู้เล่นใหม่ๆจะมาอีกเพียบ
GWM
PTT
EA
ที่กำลังซุ่มอยู่อีกเพียบ

ตลาดรถจะเปลี่ยนไปแบบคาดไม่ถึงแน่นอน

ออฟไลน์ O_o"

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,330
ก็คงแบ่งระดับตามราคาและระยะทางครับ

ระดับเริ่มต้น ขับได้ประมาณ 300 - 400 km. ราคาประมาณ 1 ล้านบาท

ระดับกลาง ขับได้ประมาณ 400 - 450 km. ราคาประมาณ 2-3 ล้านบาท

ระดับพรีเมี่ยม ขับได้ประมาณ 450 - 600 km. ราคาประมาณ 4-6 ล้านบาท

ระดับ Hi End ขับได้ 600 km. ขึ้นไป ราคาเกิน 6 ล้านบาท

ออฟไลน์ I'm Ti

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 567
  • Honda Civic FD
    • รับทำภาพ 3D Perspective
สำหรับคนอยู่หอพักอย่างผม คงลำบากถ้าอยากจะซื้อรถไฟฟ้า ถ้าต้องออกไปนั่งรอชาร์จตอนเย็น ตอนช่วงวันหยุดตามสถานี คงลำบากพิลึกถ้าจะเอามาใช้แบบ daily use
ที่เห็นๆ ตอนนี้ก็คงคนมีบ้านกลับมาชาร์จได้ทั้งคืน

ออฟไลน์ XMSL

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 827
โครงการรถไฟฟ้าคันแรก  :-X

ออฟไลน์ AgentMolder

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,408
ผมให้ 10 ปีเลยเอ้า

ออฟไลน์ renew

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 734
ผมมองว่ารถรุ่นใหม่ๆที่เปิดตัว มักจะมี hybrid พ่วงมาด้วย ทำไมละ? ก็เพราะแนวโน้มไง ไม่ใช่แค่อยากขาย สองค่ายใหญ่ๆ เริ่มทำ เริ่มมานานก็ใด้เปรียบ มีของขาย เจ้าใหม่ที่เปิดตัว หวังส่วนแบ่งก็มีขาย
  ในแง่ผู้บริโภค ผมมองว่ามันขยายตัวแน่ๆ และประเทศเราคงเหมาะกับ hybrid ไปอีกพักใหญ่ๆ ก่อนจะเป็น ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,935
    • อีเมล์
ตอนนี้ก็อยากใช้แล้วครับ เบื่อราคาน้ำมัน อยากจะหันไปชาร์จไฟและติดระบบโซล่าแทน

          ใช่ครับ  ถ้าราคาน้ำมันกลับไปอยู่ที่ราคาลิตรละ 40-50 บาท เหมือนก่อนหน้านี้  ก็จะจูงใจให้คนอยากใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นไปอีก

ออฟไลน์ spn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,707
ไม่ได้แอนตี้นะครับ

แต่ผมเคยอธิบายในหลายคอมเม้นท์ที่ถามถึงรถไฟฟ้าหรือรถน้ำมันบางค่ายที่ไม่ประสบความสำเร็จ

การจะทะลาย​กำแพงวัฏจักรการใช้งานของคนทำงานหาเช้ากินค่ำำ และพนักงานประจำลงได้นั้น ในประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ให้ได้ครับ

เก็บเงินก้อน -​ ดาวน์รถ -​ ผ่อน 5-7 ปี -​ ขาย
กลับสู่วงกลมเดิม

ส่วนรถที่ขายไป ไปสู่เจ้าของใหม่
อาจจะไม่ต้องดาวน์หรือดาวน์น้อย -​ ผ่อน 5 ปี -​ ขาย
แล้วก็กลับเข้าสู่วงกลมใหม่

แปลว่ารถคันนั้นๆ จะอยู่ในตลาดร่วมๆ 12-15 ปี

ถ้ารถคันไหนไม่สามารถเข้าสู่วัฏจักรนี้ได้ ส่วนใหญ่ก็จะจากไปตั้งแต่วงกลมแรก เผลอๆจะไม่ได้อยู่ในวงกลมแรกเลย

เพราะวงกลมแรกนั้นสำคัญมาก ถ้ารถคันนั้นๆเมื่อขายแล้วเอาไปดาวน์คันใหม่ไม่ได้หรือต้องเพิ่มเงินเยอะ รถคันนั้นๆก็จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จทางด้านยอดขาย

ถึงตรงนี้ ผมยังนึกไม่ออกว่า รถไฟฟ้าจะเข้าไปในวงกลมแรกได้อย่างไร???

ไฮบริด หรือ รถน้ำมันบางรุ่นยังไปไม่รอดเลยครับ

ถ้ารัฐบาลหักดิบ ก็คงเกิดเป็นผลกระทบเป็นวงกว้างแน่ๆ

ส่วนอะไรที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้ ผมขอรวบสั้นๆเลยคือ ความทนทาน ความเหมาะสมเรื่องราคาและระยะเวลาการป้อนของอะไหล่ และความนิยมของรถยี่ห้อนั้นๆ
เห็นด้วยครับ เรื่อง cycle สมมติผมซื้อ taycan มือสองมา ต่อให้ราคาดีมากๆ แต่ new taycan ก็อาจถูกพัฒนาไปไกล ทั้ง software hardware จนรุ่นเก่าเทียบไม่ติด แบบนี้ก็คิดหนักแล้วครับ ว่าความคุ้มค่าคือตรงไหน

ปัจจัยที่ทำให้รถไฟฟ้าน่าสนใจขึ้นมาก
- ค่ายรถรับประกันระบบ 8-10 ปี
- ค่ายรถรับประกันแบต 10-12 ปี
- ค่ายรถอัพเกรดแบตเตอรี่รุ่นใหม่ให้ แต่คงยาก เพราะ แบตน่าจะถูกออกใหม่เรื่อยๆ จน unfitable กับรุ่นเก่า
- หอพัก คอนโด อาคารจอดรถ ลงทุนทำ wall charger เพื่อสร้างรายได้ประจำให้ตนเอง (หากรัฐอนุญาตให้ทำได้)
- รัฐการันตี มูลค่าซาก กรณีใช้งาน 12-15 ปี
E220d W213
Camry 2.5 HV Premium
BT50 Free Style Cab Hi racer
Revo 2.8J B cab 4x4
March 1.2 CVT
KIA Jumbo 1JZ-GE AT

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
5 ปีหรอ  มันก็เป็นของเล่นคนมีตังอยู่นั่นแหละ เพียงแต่มีตัวเลือกราคาต่ำมากขึ้น
คนอาจซื้อมาเป็นคันแรกมากขึ้นแต่ยังไงก็คิดว่ามันยังไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากในสัดส่วน
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ CarameLon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,387
แค่แนวคิด เด็กมหาลัยมันก็คิดได้ คนทำจริงๆ คือรัฐบาลคือสส.คือราชการ
ช่วยกันโหวตให้กฎหมายกฎระเบียบมันบังคับใช้ได้จริง
ซึ่งไม่มีทางทำได้ใน10ปีนี้หรอก ถ้าร้าบานยังบริหารบ้านเมืองแบบนี้ต่อไป
ไม่ได้จริงจากร้าบานชุดนี้แน่นอน  8)
TOYOTA WISH SPORT 2.0>>>CRV-2.4L 4WD GEN3>>>TOYOTA Camry 2.4 2010>>>BMW 520 ตาเหยี่ยว>>>BMW X3 2011 >>>BMW 520D 2010 >>>BMW 525D ก่อน LCI >>>BMW 116i M-sport >>>BMW X1 2.0 S-drive 2016 >>>Mercedes GLA200 >>>Mercedes C Class C350e >>> BMW330e+BMWS1000R

ออฟไลน์ Mr. RO

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 183
    • อีเมล์
ผมว่าปัจจัยหลักขึ้นกับการพัฒนาเทคโนโลยีเชิงพาณิชย์จะพัฒนากันได้เร็วขนาดไหน
ขณะะนี้นะปีกลาง 2021 อีก5 ปีหมายถึงกลางปี 2026
ขณะนี้เราสามารถหาซื้อแบตเตอรี่่ LiFePO4 ขนาด 1.2kWh ขายปลีกทั้วไปในราคา 5000 บาทแล้ว อันนี้ขนาดเล็กว่า แบตเตอรี่ของ Kick  1.57 kWh แต่นิสัยขายเท่าไรนะ
นี่ราคาขายปลีกแบบคนซื้อมาขายต่อนะ ไม่ใช่ราคาส่งจากผู้ผลิต
แต่ตามที่ทาง Tesla บอกไว้ถ้าจำไม่ผิดเขาประเมินว่า ในปี 2025 เขาจะทำให้ต้นทุนต่อ kWh ต่ำกว่า 80$ สมมติถ้าค่าเงินบาทที่ 33บาทต่อ$ ต้นทุนแบตต่อkWh คงไม่เกิน 2600 บาท
ในขณะที่ CATL ก็จะบอกว่าในปี 2025 จะทำให้แบตมีความจุได้มากกว่า 350wh/kg
เอาแค่ตามประเมินของ 2 เจ้าใหญ่นี้ถ้าสมมติ ต้นแบบต่อ Kwh สัก 2700บาท
และรถขนาดเล็กที่ตัดเครื่องยนต์ระบบส่งกำลังถังน้ำมันระบบท่อไอเสียออกไป และแทนที่ด้วยมอเตอร์ และเอารถที่ขนาดเท่าเดิมนะ สามาระแบกแบตเตอรี่สัก 200 kg หมายความว่าถ้าสามารถได้แบตเตอรี่ที่ความจุราว 330-350 wh/kg ได้แล้ว รถคันเล็กขนาด city,almera, attrage สามาระมีแบกแบตเตอรี่ได้ราว 60-66kwh ซึ่งถ้า set การใช้แบบธรรมดาไม่บ้าพลังนะ ความจุแบตขนาดนี้ใน รถขนาดนี้สามารถวิ่งได้ราว 450-540 km ต่อการชาร์ตไฟ 1 ครั้งได้สบายๆโดยต้นแบตเตอรี่ก็อยู่แค่ราวๆ 160,000-180,000 บาทซึ่งผมไม่แน่ใจว่าต้นทุนการผลิตส่วนที่เป็นแบตเตอรี่และมอเตอร์นี้จะเยอะกว่า ต้นทุนระบบส่งกำลังและเครื่องยนต์แล้วหรือไม่ แต่ผม่วาคงไม่ต่างกันมาก แต่ถ้าได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจริงๆแล้วละก็นะ ผมว่าระยะทางที่วิ่งได้ระดับนี้ต่อการชาร์ต 1 ครั้ง ผมว่าคนเกินกว่า 70% คงสามารถใช้งานรถไฟฟ้าโดยไม่มีอุปสรรคแล้วละ  และถ้าสมมติมีการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ได้มากกว่านี้หรือเร็วกว่านี้อีกละก็ คิดดูซิว่ารถไฟฟ้าจะดูน่าใช้ขึ้นมากขนาดไหน 

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,363
เอาแค่ 5 ปีข้างหน้า ถ้ารถ EV เลย ผมว่าคงเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่ถ้า hybrid ผมว่าเยอะขึ้นแน่นอน เพราะ ค่ายรถ ออกมาขายแต่ hybrid คนซื้อ ไม่ซื้อก็ต้องซื้อหรือเปล่าครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 10, 2021, 11:25:10 โดย SM. »

ออฟไลน์ Sazabi

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 330
เอาแค่ 5 ปีข้างหน้า ถ้ารถ EV เลย ผมว่าคงเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่ถ้า hybrid ผมว่าเยอะขึ้นแน่นอน เพราะ ค่ายรถ ออกมาขายแต่ hybrid คนซื้อ ไม่ซื้อก็ต้องซื้อหรือเปล่าครับ

อันนี้ใช่ครับเพราะรถที่จะขายในประเทศไทยอีก 5 ปี H ทุกรุ่นมีไฮบริด T ทุกรุ่นหรือเกือบทุกรุ่นมีไฮบริด I ก็อาจจะมีไฮบริด แค่ 3 เจ้าตลาดนี้ขยับตัวตลาดก็พลิกแล้ว

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์
แค่แนวคิด เด็กมหาลัยมันก็คิดได้ คนทำจริงๆ คือรัฐบาลคือสส.คือราชการ
ช่วยกันโหวตให้กฎหมายกฎระเบียบมันบังคับใช้ได้จริง
ซึ่งไม่มีทางทำได้ใน10ปีนี้หรอก ถ้าร้าบานยังบริหารบ้านเมืองแบบนี้ต่อไป
ไม่ได้จริงจากร้าบานชุดนี้แน่นอน  8)

อุป ความคิดเด็กหมายลัย โดนๆ อิอิ

ออฟไลน์ lay

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,265
ผมว่าปัจจัยหลักขึ้นกับการพัฒนาเทคโนโลยีเชิงพาณิชย์จะพัฒนากันได้เร็วขนาดไหน
ขณะะนี้นะปีกลาง 2021 อีก5 ปีหมายถึงกลางปี 2026
ขณะนี้เราสามารถหาซื้อแบตเตอรี่่ LiFePO4 ขนาด 1.2kWh ขายปลีกทั้วไปในราคา 5000 บาทแล้ว อันนี้ขนาดเล็กว่า แบตเตอรี่ของ Kick  1.57 kWh แต่นิสัยขายเท่าไรนะ
นี่ราคาขายปลีกแบบคนซื้อมาขายต่อนะ ไม่ใช่ราคาส่งจากผู้ผลิต
แต่ตามที่ทาง Tesla บอกไว้ถ้าจำไม่ผิดเขาประเมินว่า ในปี 2025 เขาจะทำให้ต้นทุนต่อ kWh ต่ำกว่า 80$ สมมติถ้าค่าเงินบาทที่ 33บาทต่อ$ ต้นทุนแบตต่อkWh คงไม่เกิน 2600 บาท
ในขณะที่ CATL ก็จะบอกว่าในปี 2025 จะทำให้แบตมีความจุได้มากกว่า 350wh/kg
เอาแค่ตามประเมินของ 2 เจ้าใหญ่นี้ถ้าสมมติ ต้นแบบต่อ Kwh สัก 2700บาท
และรถขนาดเล็กที่ตัดเครื่องยนต์ระบบส่งกำลังถังน้ำมันระบบท่อไอเสียออกไป และแทนที่ด้วยมอเตอร์ และเอารถที่ขนาดเท่าเดิมนะ สามาระแบกแบตเตอรี่สัก 200 kg หมายความว่าถ้าสามารถได้แบตเตอรี่ที่ความจุราว 330-350 wh/kg ได้แล้ว รถคันเล็กขนาด city,almera, attrage สามาระมีแบกแบตเตอรี่ได้ราว 60-66kwh ซึ่งถ้า set การใช้แบบธรรมดาไม่บ้าพลังนะ ความจุแบตขนาดนี้ใน รถขนาดนี้สามารถวิ่งได้ราว 450-540 km ต่อการชาร์ตไฟ 1 ครั้งได้สบายๆโดยต้นแบตเตอรี่ก็อยู่แค่ราวๆ 160,000-180,000 บาทซึ่งผมไม่แน่ใจว่าต้นทุนการผลิตส่วนที่เป็นแบตเตอรี่และมอเตอร์นี้จะเยอะกว่า ต้นทุนระบบส่งกำลังและเครื่องยนต์แล้วหรือไม่ แต่ผม่วาคงไม่ต่างกันมาก แต่ถ้าได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจริงๆแล้วละก็นะ ผมว่าระยะทางที่วิ่งได้ระดับนี้ต่อการชาร์ต 1 ครั้ง ผมว่าคนเกินกว่า 70% คงสามารถใช้งานรถไฟฟ้าโดยไม่มีอุปสรรคแล้วละ  และถ้าสมมติมีการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ได้มากกว่านี้หรือเร็วกว่านี้อีกละก็ คิดดูซิว่ารถไฟฟ้าจะดูน่าใช้ขึ้นมากขนาดไหน

 8) 8) 8)   สาธุขอให้เป็นจริง

ออฟไลน์ lay

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,265
มากขึ้นแน่ๆ  ผมคน1ละซื้อใช้แน่นอน  ภายใน4-5ปีนี้

ออฟไลน์ jayjung

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 49
ตจว ขนาดในเมือง ฝนตก ลมแรงไฟฟ้าก็ดับ แล้ว
ทำไงละ

ออฟไลน์ basterias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,793
ผมว่าตอบยากนะ คนเมืองก็อยู่คอนโดกันอยู่ดี แต่ถ้าคนเมืองอยู่คอนโด จ-ศ กลับบ้านชานเมืองเสาร์-อาทิตย์ชาร์จเต็มก็ทำได้นะ ขอแค่ระยะวิ่งครอบคบุมการใช้งาน 1 อาทิตย์ในเมืองก็พอครับ
Current cars:
2018 - Volvo XC60 T8 R-design (Stock)
2020 - Mercedes C43 Sedan FL (tuned)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79186.0)
2021 - BMW 530e M sport LCI (Stock)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79736.0)