ผู้เขียน หัวข้อ: ภายใน 5 ปีข้างหน้า รถยนต์ไฟฟ้าในไทยจะนิยมมากขึ้นหรือเท่าเดิม  (อ่าน 6045 ครั้ง)

Gunther

  • บุคคลทั่วไป
ข้อมูลมาจาก
https://www.thansettakij.com/motor/486774



ล่าสุด เห็นข่าวเรื่อง มาตรการกระตุ้นใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV

ซึ่งมาตรการนี้ น่าจะเป็น ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับคนที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

-รถยนต์เก่า กำจัดซากและได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีเมื่อนำไปซื้อรถ EV
-กำหนดที่จอดรถเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
-ลดค่าทางด่วนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (เริ่มประมาณปี 2568)
-ลดค่าที่จอดรถสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (เริ่มประมาณปี 2568)
-ลดเบี้ยประกันภัยสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
-กำหนดอัตราค่าไฟฟ้าคงที่สำหรับผู้ให้บริการสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้า

ทุกท่านคิดว่า รถยนต์ไฟฟ้าในไทยจะได้รับความนิยมหรือไม่ ภายใน 5 ปีข้างหน้า กับนโยบายมาตรการกระตุ้นการใช้รถยนต์ไฟฟ้า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 09, 2021, 00:21:45 โดย Gunther »

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์


ถ้า EV มัน ทดแทน รถน้ำมัน ได้ทุกๆ อย่าง  ก็นิยมครับ
แต่ถ้า มัน ยังมี จุดด้อยกว่า รถรถน้ำมัน  มันก็ไม่นิยมครับ


ออฟไลน์ whoami

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,171
    • อีเมล์
อีก 5 ปีไม่มีทางที่รถไฟฟ้าจะเป็นที่นิยมมากกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปครับ

แต่ยอดขายมากกว่าปัจจุบันมั้ย ก็ต้องมากขึ้นแน่ๆ

ตราบใดที่สถานีชาร์จยังน้อย คนยังต้องแย่งต่อคิวชาร์จต่อให้รถไฟฟ้ามันถูกก็ยากที่จะเป็นที่นิยม

ออฟไลน์ BN`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,073
อาจจะนิยมมากกว่าเดิมบ้าง แต่ยังไม่ถึงกับใช้ครอบคลุมทั่วประเทศหรอกครับ มันต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนผ่านนานครับ

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,839
ไม่ได้แอนตี้นะครับ

แต่ผมเคยอธิบายในหลายคอมเม้นท์ที่ถามถึงรถไฟฟ้าหรือรถน้ำมันบางค่ายที่ไม่ประสบความสำเร็จ

การจะทะลาย​กำแพงวัฏจักรการใช้งานของคนทำงานหาเช้ากินค่ำำ และพนักงานประจำลงได้นั้น ในประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ให้ได้ครับ

เก็บเงินก้อน -​ ดาวน์รถ -​ ผ่อน 5-7 ปี -​ ขาย
กลับสู่วงกลมเดิม

ส่วนรถที่ขายไป ไปสู่เจ้าของใหม่
อาจจะไม่ต้องดาวน์หรือดาวน์น้อย -​ ผ่อน 5 ปี -​ ขาย
แล้วก็กลับเข้าสู่วงกลมใหม่

แปลว่ารถคันนั้นๆ จะอยู่ในตลาดร่วมๆ 12-15 ปี

ถ้ารถคันไหนไม่สามารถเข้าสู่วัฏจักรนี้ได้ ส่วนใหญ่ก็จะจากไปตั้งแต่วงกลมแรก เผลอๆจะไม่ได้อยู่ในวงกลมแรกเลย

เพราะวงกลมแรกนั้นสำคัญมาก ถ้ารถคันนั้นๆเมื่อขายแล้วเอาไปดาวน์คันใหม่ไม่ได้หรือต้องเพิ่มเงินเยอะ รถคันนั้นๆก็จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จทางด้านยอดขาย

ถึงตรงนี้ ผมยังนึกไม่ออกว่า รถไฟฟ้าจะเข้าไปในวงกลมแรกได้อย่างไร???

ไฮบริด หรือ รถน้ำมันบางรุ่นยังไปไม่รอดเลยครับ

ถ้ารัฐบาลหักดิบ ก็คงเกิดเป็นผลกระทบเป็นวงกว้างแน่ๆ

ส่วนอะไรที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้ ผมขอรวบสั้นๆเลยคือ ความทนทาน ความเหมาะสมเรื่องราคาและระยะเวลาการป้อนของอะไหล่ และความนิยมของรถยี่ห้อนั้นๆ

ออฟไลน์ evlover

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 42
มีใช้มากขึ้นแต่ยังไม่ถึงขั้นนิยม ที่แน่ๆคนซื้อมือสองรถสันดาปส่วนมากคงใช้ยาวๆจนกว่าจะซ่อมไม่ไหวกันไปเลย คนพวกนี้เขามองรถเป็นทรัพย์สินนะ ให้ขายเป็นซากราคาเท่าขี้คงไม่มีใครเอาด้วย คนซื้อมือหนึ่งถ้าเบนซ์อย่างน้อยๆผมคนนึงไม่ซื้อรุ่นไฟฟ้า เพราะดีไซน์สุดเห่ยของมัน รุ่นสันดาปนี่แพรวพราวเชียว c-classตัวใหม่ออกก็คงเอาสันดาป เบนซ์ไม่เอากระดองสันดาปมาใส่ไฟฟ้าอยู่แล้ว ยกเว้นไฮบริด

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,935
    • อีเมล์
          มาตรการกระตุ้นการใช้รถไฟฟ้าที่กล่าวมานั้นคงช่วยได้บ้างแต่ไม่มาก เพราะปัญหาใหญ่คือรถไฟฟ้าราคาแพงกว่ารถสันดาป  แต่ถ้าเมื่อไรที่รถไฟฟ้าราคาใกล้เคียงหรือถูกกว่ารถสันดาป เมื่อนั้นยอดขายรถไฟฟ้าจะพุ่งขึ้นแบบกระทันหันแน่นอน

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
มันมีปัจจัยอยู่สองอย่าง ราคา และ ที่ชาร์จ

ตอนนี้ข้อจำกัดด้านราคามันลดลงมาเรื่อยๆ เพราะ ASEAN-China FTA 0% มันดีย์ อย่างน้อยตัดวงจรกำแพงภาษีเว่อร์ๆไปได้หลายอยู่ แม้จะยังเจอด่าน excise, vat, มหาดไทย และ margin อยู่ ถ้าไม่หัวชาตินิยมหัวทิ่มสุดโต่งเกินเพราะมีส่วนได้ส่วนเสียกับความเป็นไปของอุตภายในประเทศเยอะ ก็คงไม่ mind ที่ในอนาคตจะต้องขี่รถที่ผลิตและนำเข้าจากเมืองนอกโดยเฉพาะจากจีนกันทั้งรถ mass และ premium   

อย่างที่สองด้านที่ชาร์จ ก็ไล่แก้ bottleneck กันไปเรื่อยอย่างตอนนี้ประเด็นเรื่อง peak demand charge ก็เคลียร์กันไปแล้ว มี operator หน้าใหม่ๆโดยเฉพาะพวก state-owned enterprise เงินหนาๆเข้ามาในวงการกันเยอะขึ้นเรื่อยๆ   

ถ้าได้ลองรถ EV เสียงแหล่มๆเหมือนเครื่องเจ็ต RPM ซัดกันอย่างน้อยๆเกือบหมื่นรอบเข้าไปแล้ว จะลืมฟิลรถเกียร์ CVT แม่บ้านติ่มๆไปเลยทีเดียว   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 08, 2021, 22:02:19 โดย Nathal Goldstein »

ออฟไลน์ bobsan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,605
    • อีเมล์
ไม่ได้แอนตี้นะครับ

แต่ผมเคยอธิบายในหลายคอมเม้นท์ที่ถามถึงรถไฟฟ้าหรือรถน้ำมันบางค่ายที่ไม่ประสบความสำเร็จ

การจะทะลาย​กำแพงวัฏจักรการใช้งานของคนทำงานหาเช้ากินค่ำำ และพนักงานประจำลงได้นั้น ในประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ให้ได้ครับ

เก็บเงินก้อน -​ ดาวน์รถ -​ ผ่อน 5-7 ปี -​ ขาย
กลับสู่วงกลมเดิม

ส่วนรถที่ขายไป ไปสู่เจ้าของใหม่
อาจจะไม่ต้องดาวน์หรือดาวน์น้อย -​ ผ่อน 5 ปี -​ ขาย
แล้วก็กลับเข้าสู่วงกลมใหม่

แปลว่ารถคันนั้นๆ จะอยู่ในตลาดร่วมๆ 12-15 ปี

ถ้ารถคันไหนไม่สามารถเข้าสู่วัฏจักรนี้ได้ ส่วนใหญ่ก็จะจากไปตั้งแต่วงกลมแรก เผลอๆจะไม่ได้อยู่ในวงกลมแรกเลย

เพราะวงกลมแรกนั้นสำคัญมาก ถ้ารถคันนั้นๆเมื่อขายแล้วเอาไปดาวน์คันใหม่ไม่ได้หรือต้องเพิ่มเงินเยอะ รถคันนั้นๆก็จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จทางด้านยอดขาย

ถึงตรงนี้ ผมยังนึกไม่ออกว่า รถไฟฟ้าจะเข้าไปในวงกลมแรกได้อย่างไร???

ไฮบริด หรือ รถน้ำมันบางรุ่นยังไปไม่รอดเลยครับ

ถ้ารัฐบาลหักดิบ ก็คงเกิดเป็นผลกระทบเป็นวงกว้างแน่ๆ

ส่วนอะไรที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้ ผมขอรวบสั้นๆเลยคือ ความทนทาน ความเหมาะสมเรื่องราคาและระยะเวลาการป้อนของอะไหล่ และความนิยมของรถยี่ห้อนั้นๆ

ถูกครับ
ราคาขายต่อ เป็นเรื่องที่น่าคิดและรอการพิสูจน์

อย่างผมเคยคิดซื้อรถพวก plug-in hybrid มือสองมาใช้
แต่ก็ยังสงสัยว่าแล้วจะได้ wall box มาด้วยหรือเปล่า เจ้าของเก่าจะให้เรามั้ย
คิดว่าน่าจะยุ่งยาก เลยเลิกคิดที่จะซื้อไป


ออนไลน์ REX

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,015
รถยนต์ไฟฟ้า มันติดขัดตรง ชาร์ตนาน วิ่งทางไกลๆแล้วลำบาก ขายต่อไม่มีใครอยากได้
รัฐ ใจเย็นๆก็ได้ไม่ต้องเร่งให้คนมารีบซื้อหรอก
อุปสรรค พวกนี้ผู้ผลิตกำลังพัฒนา และพัฒนารวดเร็วด้วย
ให้มันดีขึ้นมากๆจนลบข้อด้อยไปเกือบหมด  ยอดขายจะเดินเองหละ

ออฟไลน์ StruckleP

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 45
จากใจที่ใช้อยู่เรื่องการชาร์จ สำคัญครับ
ผมใช้อยู่ตจว (อุตรดิตถ์ - แพร่ - เชียงใหม่)
ปัญหาที่ชาร์จอะไรพวกนี้ปัญหามากๆ ตามปั้มนะครับมันหาไม่ค่อยได้เลย พอไปของการไฟฟ้าบางที่ปลั๊กเสีย ต้องถามก่อนตลอด

ออฟไลน์ Devil13

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,985
5 ปี ไวไปครับ
ผมให้ 10 ปี
และที่สำคัญราคาต้องไม่ต่างกับรถน้ำมัน
ถ้าส่วนต่างยังเอามาเติมน้ำมันได้ 3-4 ปี คนก็ยังซื้อรถน้ำมันอยู่ครับ

ออฟไลน์ jame894561

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 533
นิยมมากขึ้นแต่กลุ่มเล็กๆที่มีเงินทองเหลือใช้ ฐานะการเงินดี

อย่าลืมว่าเราเป็นโลกที่ 3 หลักๆคือแพงเกินไป คนส่วนใหญ่ไม่มีปัญญา คนมีเงินพอก็ไม่เอา เพราะข้อเสียเยอะมาก ราคาขายต่อ จุดชาร์ต ระยะทาง บลาๆ แต่ข้อดีก็เยอะเหมือนกัน

รอมันบูมและพัฒนาอีกดีกว่าค่อยซื้อก็ยังทัน เช่น ชาร์ต 1 ครั้งวิ่งได้อย่างต่ำ 1000กม.++ ชาร์ตไว 10 นาทีได้แบต 80%+ รถไฟฟ้าเป็นที่ยอมรับราคาขายต่อได้ง่ายหรือมือ 1 ไม่แพงเว่อแบบนี้

สรุปน้ำมันต่อไปดีกว่าสบายใจ ทำไมต้องหาเรื่องลำบากให้ชีวิต

ออฟไลน์ ไทบ้าน

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,668
จะได้รับความนิยมแบบก้าวกระโดด
1990 Yamaha Mate-100
1992 Yamaha Bell-100
2000 Yamaha Tiara-R
2017 Yamaha MT-03

ออฟไลน์ pikara

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 193
    • อีเมล์
สินค้าดี มีคุณภาพ ปลอดภัย ใช้งานง่าย คุ้มราคา มันขาย ตัวมันเองได้อยู่แล้ว
EV ใน 5ปี มีครบ ก็เป็นที่นิยมแน่นอน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 09, 2021, 08:25:01 โดย pikara »

Gunther

  • บุคคลทั่วไป
อีก 5 ปีไม่มีทางที่รถไฟฟ้าจะเป็นที่นิยมมากกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปครับ

แต่ยอดขายมากกว่าปัจจุบันมั้ย ก็ต้องมากขึ้นแน่ๆ

ตราบใดที่สถานีชาร์จยังน้อย คนยังต้องแย่งต่อคิวชาร์จต่อให้รถไฟฟ้ามันถูกก็ยากที่จะเป็นที่นิยม

ใช่ครับ อีก 5 ปีข้างหน้ารถยนต์ไฟฟ้าก็จะได้รับความนิยมเท่าๆกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปครับ เพราะเป็นนโยบายช่วงแรก + สถานีชาร์จที่ยังไม่ครอบคลุมทั้งประเทศ

แต่อีก 15 ปีข้างหน้า แน่นอนเลยว่า รถยนต์ไฟฟ้าจะนิยมมากกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปครับ และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ

กว่าที่จะให้สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่มีจำนวนสถานีชาร์จรถ EV ให้มากๆเท่ากับ ปั๊มน้ำมันทั่วไป คงใช้เวลามากกว่า 20 ปีครับ คนถึงสนใจรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นแน่นอนครับ

ปัจจุบัน ตอนนี้สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าก็มาเยอะครับ ประมาณมากกว่า 1,000 แห่ง แต่ยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 09, 2021, 08:28:01 โดย Gunther »

ออฟไลน์ XaNaX

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 589
    • อีเมล์
ดูแล้วก็น่าจะนิยมมากขึ้นอยู่แล้ว ผมยังอยากได้เลย

แต่จะมาทดแทนเครื่องยนต์สันดาปอย่างประเทศทางยุโรปทำคงจะยาก

ืส่วนมากที่ซื้อคงจะมีรถยนต์สันดาปหรือไฮบริดเป็นคันแรกอยู่แล้ว รถไฟฟ้าคงจะเป็นรถคันที่สองคันที่สาม

ออฟไลน์ Sympho

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 996
นิยมมากขึ้นในกลุ่มคนรายได้สูงรึเปล่าครับ

รถไฟฟ้าราคาที่จับต้องได้ แบบมนุษย์เงินเดือนทั่วๆไปซื้อได้ และใช้งานได้แบบรถเก๋ง Eco Car ยังไม่มีเลย

ออฟไลน์ rojsak2021

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,196
    • อีเมล์
ผมว่าน่าจะซัก 10 ปี

ออฟไลน์ NineKlao

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,907
  • ชีวิตไม่ได้เป็นดังที่คิด ก็มันคือชีวิตนี่
นิยมคงเป็นตลาดเฉพาะ เพราะคนซื้อรถ ราคาไม่ถึงล้านมันมีหลายกลุ่ม

และอุตสาหกรรมยานยนต์บ้านเราที่ลงกับ ice คงเอาตัวรอดยาก ขนาดในญี่ปุ่นยังเกิดยาก

แต่ถ้าตอนนี้จะซื้อรถ ผมว่า Hybrid, Phev ยังน่าสนใจในช่วง 1-4 ปีข้างหน้า

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,463
เดี๋ยวมันมาเอง  ห้าปี เร็วไป

การบีบบังคับโดยภาครัฐมันจะค่อย ๆ เข้ม

เช่น  ลดภาษี   อุดหนุน 

ในขณะเดียวกัน เพิ่มภาษีเครื่องสันดาป ฯลฯ  เพิ่มภาษีน้ำมัน   

สองสิ่งนี้  จะถูกบีบ  หลังจากยุโรป - เมกา  เริ่มบีบ...

ออฟไลน์ MyName

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 8,141
  • I'm............................
เมื่อไหร่ที่สามารถเติมพลังงานได้เพียงแค่ 10-15 นาที/ครั้ง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน แบบรถที่ใช้เชื้อเพลิง
แล้วสามารถวิ่งได้ไม่ต่ำกว่า 450 km ต่อการเติมพลังงานครั้งนึง

ค่อยมาคุยกันเรื่องความนิยมกับผมครับ
Cars
2022 - Nissan Almera 1.0 Turbo VL
2016 - Mazda 2 1.5XD High Plus L
2008 - Mitsubishi Space Wagon 2.4 GLS Ltd. !User'Review Click here!
1997 - Daihatsu Mira

Motorcycles
2023 - Vespa Sprint S 150 i
2012 - Yamaha Mio 125 GTX

ออฟไลน์ flybigbear

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,564
1.อยู่ที่แบตฯ ว่าจะวิ่งได้ระยะทางมากกว่า 1,000กิโลเมตร(ผลทดสอบในไทย)
2.จุดชาร์จ มีเยอะ และ QC 80% ภายใน 15นาที 100% ภายใน 30นาที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 09, 2021, 09:06:37 โดย flybigbear »

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์
เดี๋ยวมันมาเอง  ห้าปี เร็วไป

การบีบบังคับโดยภาครัฐมันจะค่อย ๆ เข้ม

เช่น  ลดภาษี   อุดหนุน 

ในขณะเดียวกัน เพิ่มภาษีเครื่องสันดาป ฯลฯ  เพิ่มภาษีน้ำมัน   

สองสิ่งนี้  จะถูกบีบ  หลังจากยุโรป - เมกา  เริ่มบีบ...

ใช่ครับ มันจะค่อยๆเป็นค่อยไป ไม่มีใครต่อต้านอะไรหรอก
คนไม่ใช้เค้าก็มีเหตุผลสมควร
คนจะใช้ก็มองแค่ ด้านเดียว ไม่ได้มอง ข้อด้อยเลย จะอวยอย่างไม่ลืมหูลืมตา

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,338
ต้องดูหลายๆอย่างครับ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ราคารถ

แต่สำหรับผมถ้าไม่ผ่าน hybrid น่าจะไม่ได้ใช้รถไฟฟ้าแน่ๆ

ออฟไลน์ ABUSEz

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 612
    • อีเมล์
ปัญหาเหนือสิ่งอื่นได้คือที่ชาร์จครับ
มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ใช้รถคันเดียวครอบจักรวาล
นั่นแปลว่าต้องไปได้ไม่ว่าจะขับไปทำงานในเมือง หรือขับออกไปเที่ยวต่างจังหวัด

ณ ตอนนี้ที่แท่นชาร์จมีจำนวนเท่านี้ ยังไงก็ไม่มีทางเกิดครับ
ผมคนนึงที่ไม่เอา เพราะผมต้องใช้รถไปต่างจังหวัด ต้องเดินทาง
ถ้าต้องลุ้นเรื่องที่ชาร์จตลอด ไม่ไหวครับ

ออฟไลน์ Sazabi

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 330
5 ปีมันก็คือปัจจุบันของอุตสาหกรรมยานยนต์ครับ เพราะงานที่ทำๆกันอยู่ตอนนี้ก็คือรถยนต์ที่จะออกวางขายในอีก 5-7 ปีข้างหน้าทั้งนั้น สำหรับประเทศไทยบอกได้เลยว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะขายได้มากขึ้นแต่เมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฮบริดแล้วมันก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆเท่านั้นเอง

ทำไม?
เพราะรถยนต์ไฟฟ้าที่จะขายได้นั้นมันมาจากปลาซิวปลาสร้อยพวกค่ายรถจีนและค่ายเล็กๆ ในขณะที่ 3 เจ้าตลาดรถญี่ปุ่นในไทยนั้น ค่ายยักษ์ใหญ่ที่สุด "อาจจะ" มีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศไทยภายใน 5 ปีข้างหน้าแต่ก็เป็นจำนวนน้อยมากๆ ค่ายรถกระบะก็ไม่แน่ว่าจะทำรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์ไฮบริดหรือทำทั้งสองอย่างแต่ไม่ว่าแบบไหนก็เป็นจำนวนน้อยมากๆอีกเช่นกัน ในขณะที่ค่ายใหญ่ที่ทำแต่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่มีแผนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายใน 5 ปีนี้ หากจะมีเซอร์ไพรส์ก็น่าจะเป็นค่าย"ขับสนุก"แต่ด้วยปริมาณแล้วก็เปลี่ยนแปลงตลาดไม่ได้อยู่ดี

สรุป เมื่อปลาใหญ่ไม่ขยับจะหวังให้ปลาซิวปลาสร้อยมาเปลี่ยนแปลงตลาดรถยนต์เมืองไทยก็ไม่มีวันเป็นไปได้หรอก

ออฟไลน์ choomodify

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,632
บริบทประเทศไทยในภาพรวม ไม่พร้อมสำหรับรถไฟฟ้าครับ จบ

**ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น**

ออฟไลน์ Sazabi

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 330
อ้อ จะบอกว่าไอ้มาตรการกระตุ้นอะไรทั้งหลายนั่นมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ ในเมื่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมันอยู่ในกำมือของบริษัทต่างชาติ เมื่อตลาดรถเมืองไทยและประเทศที่บรรดาโรงงานรถในไทยส่งออกไปขายทั้งหลายไม่ได้เร่งรีบจะเปลี่ยนไปเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบทุกวันนี้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่บริษัทรถยนต์จะต้องรีบเปลี่ยน จะออกมาตรการกระตุ้นมาอีก 20-30 ข้อ จะเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนนายก เปลี่ยนรมต.อุตสาหกรรมก็ไร้ค่าเพราะบริษัทรถไม่แคร์ซักนิด เค้าจะเริ่มเปลี่ยนไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเป็นหลักก็ต่อเมื่อแนวโน้มของลูกค้าส่วนใหญ่ของเค้าต้องการรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น ไม่ใช่จากนโยบายของรัฐบาลไทย

ทางเดียวที่จะเปลี่ยนได้รวดเร็วคือมี Game Changer เช่น
(1) ยักษ์ใหญ่ที่ครองตลาดอยู่ตอนนี้เปลี่ยนไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทันที ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เพราะลูกค้าในตลาดของเค้ายังไม่ต้องการ
(2) กำเนิดบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าของไทยและขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทันที ซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้เพราะขาดทั้งเทคโนโลยีและที่สำคัญที่สุดขาด Reliability
(3) ค่ายจีนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศไทยจนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า นี่ก็เป็นไปไม่ได้อีกเพราะทุกวันนี้ค่ายจีนก็รู้สภาพตัวเองดีจึงไม่มีแผนงานที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยในช่วง 4-5 ปีนี้ มีแต่รถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฮบริด ซึ่งก็รวมหมดทั้งค่ายที่อยู่มานานแล้ว ค่ายที่เพิ่งจะเปิดตัว และค่ายที่กำลังจะมา
(4) ยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง TESLA หรือ VW มาเปิดโรงงานรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย นี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยเพราะเมื่อดูจากตลาดที่โรงงานรถในไทยรับผิดชอบตามที่กล่าวไปข้างต้นไม่มีความเร่งรีบใดๆในการเปลี่ยนไปใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าแล้วก็ไม่มีความคุ้มค่าใดๆทั้งสิ้นในขณะนี้ที่จะมาตั้งโรงงานในภูมิภาค ASEAN

เมื่อไม่มี Game Changer ก็ไม่มีทางเปลี่ยนตลาดได้รวดเร็วเหมือนที่หลายคนฝันกันหรอกครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 09, 2021, 10:05:21 โดย Sazabi »

ออฟไลน์ mozart

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,341
ตอนนี้ก็อยากใช้แล้วครับ เบื่อราคาน้ำมัน อยากจะหันไปชาร์จไฟและติดระบบโซล่าแทน