« ตอบกลับ #29 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2011, 23:43:36 »
ต้องถามใจตัวเองให้ดีครับ ว่าอยากได้รถสปอร์ตสองประตูแบบไหน
ถ้าเอาไว้ขับสนุก เน้นความแตกต่าง ไม่เหมือนใคร ไม่เกลื่อนถนน ไม่ได้สนความแรงมาก
พวก MX-5 na ยังพอหามาเล่นได้ แต่ถ้ามีรถคันเดียวต้องใช้ในชีวิตประจำวัน มันจะอึดอัดไปรึเปล่า
เพราะมันคันเล็กมาก เตี้ยมาก และภายในก็อึดอัด ถ้านั่งรถติดในกรุงเทพสัก 2-3 ชั่วโมงคงเวียนหัว
แถมถ้าจะเอาแรง มันก็ไม่ได้มีดีทางแรงอีก ต้องไปหาเทอร์โบมาเซ็ทเอง เพราะถึงจะใช้เครื่อง B6, BP
แต่มันไม่สามารถยกเครื่อง BP-T GTX, GTR มาลงได้เลย เพราะพวกนั้นทำไว้สำหรับวางขวาง ขับหน้า
ครั้นจะไปสั่งชุดแคมชาฟท์ ลูกสูบ และเทอร์โบ kit สำหรับ MX-5 NA ผมว่ามันจะเกินงบประมาณไปครับ
Trueno AE101 ต้องคิดเรื่องอะไหล่ให้มาก เอาง่ายง่ายว่าโดนชนไปทีแล้วจะไปหาอะไหล่ตัวถังจากไหน
เป็นผม ผมจะมองข้ามตัวนี้ไปก่อนเลยครับ รถหายาก รถไม่มีขายในประเทศ ถ้าจะซื้อมาเก็บไว้สวยสวย
เอาออกไปขับเล่นวันหยุดเสาร์อาทิตย์พอได้ แต่ถ้าจะเป็นรถคันเดียวที่ใช้ในชีวิตประจำวันนี่ หลีกให้ไกลดีกว่า
MR-2 ได้สนุกแน่นอน เครื่องวางกลางขับหลัง บาลานซ์น้ำหนักดีดี ได้อารมณ์เหมือน MX-5 คันโตที่แรงกว่า
มีคลับเล่นเป็นตัวเป็นตน แถมรูปทรงสวยงามและแหวกแนวมาก ตัวนี้ก็น่าสนใจถ้าไม่ติดเรื่องงบประมาณครับ
คำถามเดิมก็คือ เป็นรถสองที่นั่งและคันเล็ก จะใช้ในชีวิตประจำวันไหวหรือไม่
จริงจริงในตัวเลือกทั้งหมดที่ว่ามา ผมว่า Celica ตากลมเหมาะที่สุดแล้วครับ ตัวปลาคาร์ฟนั้นเก่ามากเกินไปแล้ว
ตัวรถไม่เล็กไม่ใหญ่ นั่งสบายภายในกว้างกว่าตัวเลือกอื่น อะไหล่ตัวถังและเครื่องยนต์ไม่ต้องห่วง
เพราะ Toyota เอาเข้ามาขายเองในสมัยนั้น ดังนั้น supply อะไหล่น่าจะยังมี หรืออย่างน้อยก็มีช่องทางให้สั่งได้
บอดี้พาร์ททีให้เกลื่อน สั่งประมูลจากญี่ปุ่นเองก็ได้ ทำเป็น GT-Four แต่ภายนอกก็สวยงาม และแตกต่างแล้ว
รุ่นนี้ทำออกมาดีดี วิ่งมาเทียบกับรุ่นใหม่นี่ รุ่นใหม่ยังดูจืดไปเลยครับ
Galant E33 ผมว่ารถมันเก่าและคันมันใหญ่ ไม่น่าจะอยู่ในตัวเลือกนะครับ
แต่ถ้าจะเอามาต่อยอดทำแรงล่ะ คันนี้ก็ได้เรื่องได้ราวเหมือนกัน อะไหล่ตัวถังและอะไหล่สิ้นเปลือง
ผมไม่เห็นว่ามันจะหายากตรงไหนนะ ที่บ้านใช้ตั้งแต่ป้ายแดง ปี 93 ปัจจุบันนี้ก็ 19 ขวบแล้ว
ไม่เคยจุกจิก ไม่เคยพาไปตายกลางทาง ค่าซ่อมบำรุงต่อปีก็ถูกแสนจะถูก น้ำมันก็ไม่ได้กินมาก
มีอะไรเสีย เบิกอะไหล่จากศูนย์บริการไม่เคยต้องให้รอ อะไหล่ชิ้นหายากก็รออย่างมากสองสามวันได้
แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ คุณพ่อผมใช้เองดูแลเองตั้งแต่อ้อนแต่ออก มันเลยทำตัวน่ารักเสมอมา
ถึงแม้จะเดิมเดิม เครื่อง 4G-63 DOHC 148 แรงม้า เกียร์ธรรมดา ตอนนี้ก็ยังเฆี่ยนพวกรถใหม่เสี้ยนตีนได้สบาย
พวก C-Segment ไม่ต้องพูดถึง Galant ไล่จนความเร็วปลายแถว 200 แล้วฉีกขึ้นได้ เพราะท้อปสปีดมัน 215 กม./ชม.
พวก D-Segment เครื่องโต ตอนไล่ลำบากหน่อย เพราะพิกัดต่างกันเยอะ แต่ความเร็วปลายปลายก็ยังไหลขึ้นหน้าได้อยู่
แต่ถ้าคิดจะเอามาทำเป็น VR-4 อันนี้เรื่องใหญ่นะครับ เพราะของ VR-4 จากญี่ปุ่นก็มีน้อยมากแล้ว
แล้วเวลาทำรถ Galant ให้เป็นขับสี่ ต้องรื้อและตัดพื้นหลังรถเหมือนกับทำ Evo นั่นแหละ เสียดายรถและใช้ค่าใช้จ่ายสูงมากเลยทีเดียว
แหมพูดถึงรถยุค '90 แล้วมันรู้สึกกระปี้กระเปร่าอย่างบอกไม่ถูก รถยุคที่ไม่ต้องห่วงเรื่องมลพิษ
รถที่ยังไม่ต้องห่วงเรื่องสิ่งแวดล้อม ใช้วัสดุดีดี เค้นแรงออกมาเต็มเต็ม มันซู่ซ่ากว่ารถจิ้มลิ้มสมัยนี้เยอะจริงจริง