ขออนุญาติระบายความผิดหวังอัดอั้นตันใจกับc class 5ปีเมื่อเทียบกับnissan teana

cloud

บ้านผมมีC250cdi w204 ตอนนี้ก็5ปีเต็มๆเอารถเข้าศูนย์แทบช็อคค่าซ่อม5หมื่นกว่าคือไม่เคยเจอ ตั้งตัวไม่ทันจริงๆรถวิ่งแค่35,000โลเอง
อาจเพราะผมใช้ญี่ปุ่นมาตลอด ผมก็บอกพ่อว่าค่าซ่อมเท่านี้พ่อก็เริ่มพูดออกมาว่าบอกตรงๆรถคันนี้นั่งไม่สบายเบาะแข็งโป้กเมื่อเทียบกับTeana j32อีกคัน
เสียงดีเซลก็โคตรดังผิดกับTeanaเครื่องเบนซินเงียบกริบ วิ่งทางไกลก็ไม่ได้เงียบอย่างที่หวังเอาไว้ วิ่งทางไกลเสียงก็ใกล้ๆteanaแหละ ช่วงล่างteanaนุ่มกว่าชัดเจนbenzนี่กระแทกตึงตัง ข้อดีคือ แรง ประหยัดน้ำมัน ภาพลักษณ์ คิดว่ามีแค่3ข้อนี้ นอกจากteanaผมก็เคยขับcamryของคนอื่นนะ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าbenzมันดีกว่าd segmentมากมาย น้องชายผมไม่มีความรู้เรื่องรถเอา2คันนี้ไปขับมันบอกteanaขับดีกว่า
คำถามครับ
1.มันผิดที่ผมรึป่าวที่ดันซื้อรถมาขับในเมืองรถติดๆมันเลยไม่รู้สึกว่ารถดีเด่น
2.คือผมผิดปกติรึป่าวที่บอกว่าdsegmentขับดีกว่า c classในเมืองไม่ได้ต่าง

ทำไมถึงเป็นแบบนี้ครับ หรือผมหวังมากเกินไปหรือป่าวที่จ่ายค่ารถ3.2ล้านมันเป็นเพราะค่าภาษี ที่อังกฤษรถbenzคันนึงล้านเดียวก็ซื้อได้แล้ว



ps000000

ผมเคยอ่านเรื่องทำนองนี้มาหลายปี
ผมคิดว่าเป็นเรื่องจริงตามท่านว่าครับ
https://SecreLocal.com - Dating Chat Online - No Verify - Anonymous Adult Dating -   Live Video Dating



Ty ESC

ผม ก็ใช้ ทั้งสองรุ่นตามท่านว่า ราคาค่าซ่อมโดนไปใกล้เคียงที่ท่านบอก


เห็นด้วยทุกประการไม่มีขัดแย้งใดๆทุกคำพูด
ตามนั่นครับค่าซ่อมรถยุโรปอยู่หลักนั้นไม่แปลกอันใดเลย

แต่คันต่อไปก็ดูw205อยู่ ส่วนL33ไม่เอาคิดว่ากำลังจะขายj32รอcx5 ตัวใหม่มาคงไปทางนั้นคู่กับw205
หรือยุบไปเป็น Glc ไปเลย



kritsada

บางอย่างมีข้อดีข้อเสียในตัวมันเองครับ บ้านผมใช้ vito 115 cdi บอกตามตรงภายในห้องโดยสารผมชอบอัลพาร์ดมากกว่า พละกำลังก็สู้ h-1 ไม่ได้ ค่าซ่อมก็แพง แต่ข้อดีมันก็มีครับ
C.kritsada



รักเธอเสมอ

อืม....บางทีเราก็คาดหวังกับผู้หญิงสวยๆ สินสอดหลายล้าน ว่าจะต้องถูกใจเราในเรื่องอย่างว่าแน่ๆ ที่ไหนได้ แข็งทื่อเป็นท่อนไม้ ไร้ซึ่งอารมณ์สิ้นดี



mark2015

ราคาเซอร์วิสมากเพราะปีถึงระยะแล้วครับ ซึ่งก่อนหน้าเซฮร์วิส A B อาจจะไม่ได้ทำไรเลยไม่เยอะ พอรวบ 5 ปี เลยดูว่าหนัก หากว่า ห้าปีสัก แปดเก้าหมื่น พี่อาจไม่ตกใจ เพราะก่อนนั้นคงเสียมาเยอะแล้ว

C คันมันเล็ก ยังไงก็กว้างสู้เทน่าไม่ได้

ขอตอบครับ
1 ไม่ผิดครับ ถือว่าได้ภาพลักษณ์ นานๆขับที ตลอดห้าปีที่ใช้ผมว่าเวลาขับ C ต้องรู้สึกดีบ้างละครับ คนที่ซื้อใช้น้อยแบบพี่มีเยอะครับ
2 ไม่ผิดปกติครับ รถติดๆในเมือง ขับเฟอรารี่หรือขับซีวิค ก็คงไม่ต่างครับ คือติดๆขยับๆ จะต่างก็ตอนวิ่งแหละครับที่จะต่างกัน

ปล ความเห็นส่วนตัวผิดพลาดใดๆก็ขออภัยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 08, 2017, 17:27:59 โดย mark2015 »
" เงินทองของนอกกาย ไม่ตายก็หาจนตาย "



jaesz

อ่า เจ้าของเบนซ์มือใหม่

เป็นเรื่องปรกตินะครับ ถ้าซ่อมอะไรๆก็เข้าศูนย์

นั่งสบายต้องE ขึ้นไป

เก็บเสียงผมว่าดีกว่ารถพวกAltis Civicนะ อย่าคิดมาก เลือกมาแล้ว สู้ต่อไปครับ



buttt

ด้วยความเคารพ หลายวันมานี้ผมส่อง แต่ bmw กับ benz หมกหมุ่นกับมันมากเล็งๆจะเอามือสองสักคัน เห็น จขกท มาระบายให้ฟังแบบนี้เริ่มชักจะเปลี่ยนใจ เล่นรถญี่ปุ่นอย่างเดิมดีกว่า 



หมีขับสี่

ค่าหน้าตาทางสังคมครับ
ก็ลองในสังคมเค้าไม่มองว่าขับเบนซ์แล้วรวย ยามไม่โบกให้
นี่ผมไป D segment แบบไม่ต้องคิด ใช้ยาวๆ ซ่อมสบายใจกว่า ไปไหนไกลๆ เปลี่ยวๆไม่ต้องกลัวว่ามันจะดับ จะเสีย ไฟร้องเตือน



Carrera

เห็นด้วยครับ  จริงอยู่ว่าสมัยนี้ ราคา D Seg กับ Premium COMPACT ราคามันอาจจะห่างกันไม่มาก

แต่การขับขี่รถญี่ปุ่นสมัยนี้ มันก็ไม่ได้ห่างจาก รถยุโรปมากเหมือนสมัยก่อนอีกต่อไปแล้วเหมือนกัน   มันหมดยุค ร่อน หวิว แบบรถญี่ปุ่นยุค 90 ไปนานแล้ว  ถ้าใช้ความเร็วเดินทางทั่วๆไป ผมยังเลือกจะนั่งรถ D Seg มากกว่า รถยุโรปครับ

เอาจริงๆ ต่อให้ E Class w212 213 , F10 (G30 ผมได้นั่งแปปเดียวเลยจับอะไรไม่ได้มาก) เท่าที่ลองนั่งมา เบาะหลังนั่งไม่สบายสักคัน  รถนับวันมีแต่ใหญ่ขึ้นๆ แต่ขนาดห้องโดยสารกลับเล็กลงๆ  :(

พูดอธิบายมันยาก  มันต้องลองเยอะๆครับ 

ผมว่าสมัยนี้ รถยุโรปมันก้าวถอยหลัง แต่รถญี่ปุ่นมันพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ  ไปนั่ง Lexus ES300h นี่ฟินจริงจัง  ว่ารถญี่ปุ่นมาไกลขนาดนี้เลย  แต่ Benz กลับแย่ลง ถ้าเทียบกับความนิ่งแน่น กว้างสบาย  กลิ่นหนังของ benz ในยุค w124 , w210 ที่มันหายไป   ทดแทนด้วยผิวสัมผัสสากๆมือของเบาะ Artico แทน

 ใช้ดีไซน์+สารพัดแสงสี ไฟตกหมึก เพื่อดึงดูดสายตา กลบเกลื่อนการลดต้นทุนในวัสดุบางจุด  จากยุคเก่าที่เรียบง่ายแต่ให้สัมผัสที่รู้สึกดีกว่า   ผมว่ารุ่นเก่าๆ มันเหมือนผู้หญิงสวยดูดี จริงๆ กับรถรุ่นใหม่ๆ มันเหมือนสาวแต่งหน้าจัดรองพื้นหนาๆ สวย แต่มันเบื่อง่าย   และพอได้สัมผัสจริงๆก็แอบผิดหวัง
 (ยกเว้น s class ไว้คันนึง)

อีกอย่างผมไม่ชอบบรรยากาศร้านเหล้าเคล้าแสงไฟของเบนซ์ยุคใหม่ๆนะ  ชอบแบบ Lexus LS500 มัน Zen มันเรียบง่าย  มันผ่อนคลาย  มากกว่าชีวิต Night Life แบบ S Class

เอาจริงๆ ผมโตมากับ E34 ตั้งแต่เด็ก

ผมว่า BMW ยุคใหม่ๆ มันขาดเสน่ห์บางอย่างไปตั้งแต่ E39  ทุกวันนี้  ทำรถเหมือนมือถือซัมซุง  ยัดสารพัดเทคโนโลยี  แต่เอาใจใส่ในรายละเอียดน้อยลง  อย่าง Gesture นี่ผมมองว่าโครตไร้สาระ ทั้งที่มีปุ่มเพิ่มลดเสียงบนพวงมาลัยอยู่แล้ว 

  ในจุดนี้ผมให้ Volvo Lexus ทำได้ดีกว่า  ในแง่การใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ  :-\
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 08, 2017, 22:14:14 โดย Butterzai »



Nerdys

Premium ก็จริง แต่ C-class กับ 3 series ก็เปรียบได้กับ C-seg ญี่ปุ่นแหละครับ
ประมาณ Civic Altis ของ Premium เพียงแต่อยู่คนละ tier กับรถญี่ปุ่น การเก็บเสียง ความนิ่ม ความสบายก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่

ถ้าเปรียบเทียบจริงคงต้องไป E-class หรือ 5 Series ถึงเป็น D-seg ของพรีเมียม คือเก็บเสียงดี นิ่ม เงียบ เหมือน D-seg ญี่ปุ่น



Nonlamer

ก่อนซื้อรถผมก็มีตัวเลือกระหว่าง D-Seg และแบรนด์พรีเมี่ยมเยอรมันเหมือนกันครับ เท่าที่ศึกษาและทดลองขับก็เป็นตามที่คุณว่าทุกอย่างนั่นล่ะครับ

ผมจะบอกว่าเท่าที่ลองกับตัวเอง แม้แต่ E-Class หรือ 5 Series ที่นั่งด้านหลังก็นั่งไม่สบายเท่า J32/ACV51 แต่ที่นั่งด้านหน้าก็ไม่ได้ห่างกันอะไร (ยังไม่ได้ลอง G30) โดยรวม D-Seg ให้ความสบายในการนั่งโดยสารดีกว่าในความเร็วไม่เกิน 120 และยิ่งในเมืองรถติดๆความสบายจะห่างกันพอสมควรเลยครับ หลักๆมาจาก พื้นที่ในห้องโดยสารที่ต่างกันเยอะ และเบาะนั่งที่ขนาดต่างกัน  และการเซตช่วงล่างของ D-Seg ส่วนใหญ่จะมาในแนวนุ่มเหมาะกับการขับเรื่อยๆสบายๆแต่ไม่คล่องตัวเท่ารถเล็ก ........ และคุณมาเทียบกับ C-Class นี่ก็ต้องบอกว่าเบาะนั่งความสบายนั้นห่างกันลิบลับในความเห็นของผม

และแน่นอนว่ารถญี่ปุ่นค่าบำรุงถูกกว่า และปัญหาจุกจิกน้อยกว่าอยู่แล้ว ถ้าตัดเรื่องภาพลักษณ์ออกไปสำหรับผมแล้ว D-Seg เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับการเดินทางที่ผ่อนคลายในความเร็วเดินทางปกติ เมื่อเทียบกับราคา

ผมเองก็อยากลองนั่งรถที่เปลี่ยนยางเป็นยางปกติที่ไม่ใช่ยางรันแฟลตเหมือนกันว่าจะนุ่มสบายขึ้นสักเท่าไร(แม็กก็ดันใหญ่ แก้มยางก็เลยบาง อีกสาเหตุที่ไม่นุ่ม) แต่ก็นะ เบาะกับพื้นที่นั่งในห้องโดยสารก็ไม่ดีแบบ D-Seg อยู่ดี


ตอบคำถาม

ข้อ 1. ถ้าขับในเมืองรถติดๆ แล้ววัดที่ความสบายผ่อนคลายล้วนๆก็ตามนั้นครับ มีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่า แต่ถ้าเอาภาพลักษณ์ด้วยก็ต้องใช้อยู่ดี (ไม่ได้ลองขับก่อนซื้อแหงๆ)
ข้อ 2. ไม่ผิดปกติครับ เทียบรถคนละขนาดและคนละบุคลิก คุณแค่ชอบอีกแบบมากกว่า

ลองไปวิ่งต่างจังหวัดที่สามารถทำความเร็วได้ดูครับ และลองคำนวณค่าน้ำมันดู น่าจะจะรู้สึกดีขึ้น (ข้อนี้จริงมั้ยผมก็ไม่รู้ ตอนลองผมก็ไม่ได้ขับเกิน 120 เพราะในการใช้งานปกติขับไม่เกินนี้)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 08, 2017, 18:27:46 โดย Nonlamer »



Stp

1. ค่าใช้จ่าย
ต้องถามว่า ก่อนซื้อคุณไม่ได้หาข้อมูลไว้จริงๆ เหรอ แล้ว Benz ก็ไม่ได้เพิ่งจะแพงตอน W204 เขาแพงแบบนี้มาช่วงนึงแล้ว แค่ค่าตรวจเช็คก็แพงกว่า 2-3 เท่าแล้ว ยังไม่นับค่าอะไหล่ถ้าโดนชิ้นแพงๆ อีกนะ

2. นั่งสบาย
Teana นี่มือวางอันดับต้นๆ เรื่องความสบาย ตัวรถก็กว้างขวางกว่า ไหนจะช่วงล่างแตกต่างกันอีก ถ้าคุณบอก W204 นั่งสบายกว่าผมก็คงแปลกใจมาก

3. เสียงเครื่องยนต์
ถ้าคุณบอกว่าเบนซินเสียงดังกว่าดีเซล ผมคงแปลกใจมากกว่าเช่นกัน
:D ;D ร่วมรณรงค์รักการอ่านหนังสือ แทนการถามตลอดเวลา ;D :D



Smith686

     ค่าซ่อมห้าหมื่นบาทที่จข.กท.ว่านั้นถ้าเอาซ่อมอู่นอกราคาคงเหลือแค่ครึ่งเดียว  ค่าอะไหล่ของเบนซ์แท้เขามีส่วนลดให้ศูนย์ 30% นะครับ  อู่มีระดับเขาก็คิดราคาเต็มไม่หักส่วนลดให้เรา  อู่ทั่วๆไปเขาคิดค่าอะไหล่หลังหักส่วนลด 30% แล้ว  ค่าแรงของศูนย์ก็แพงมาก  อู่ข้างนอกคิดค่าแรงไม่ถึงครึ่งของศูนย์แน่นอน  อะไหล่บางชิ้นที่ไม่สำคัญก็ไม่จำเป็นต้องใช้อะไหล่แท้  ลองไปสำรวจราคาตามเฟสที่ขายอะไหล่เบนซ์ดูก่อน ส่วนอู่ซ่อมก็ลองหาตามเฟสเช่นกัน สำหรับเทียน่านั้นเพื่อนผมใช้เขาบ่นว่ากินน้ำมันจุนะ 



Smith686

     สำหรับความนุ่มนวลนั้นคงไม่ต้องคาดหวังกับเบนซ์รุ่นใหม่ๆ  เพราะเบนซ์รุ่นใหม่ๆเน้นสมรรถนะและการทรงตัว  ถ้านุ่มมากการทรงตัวที่ความเร็วสูงจะไม่ดี  ลองขับที่ความเร็วเกิน 150 ขึ้นไปดูสิแล้วจะรู้ว่าเบนซ์เหนือกว่ารถญี่ปุ่น



CJ.

1.ไม่ผิด เพราะแค่ C Class คือจริงๆรถไม่ได้ดีเด่นอยู่แล้วครับ
2.ข้อนี้เรื่องความรู้สึกส่วนตัว คหสต.ผมใช้ในเมืองก็ไม่รู้สึกต่างครับ

คหสต.ผมมองเรื่อง class รถเป็นหลักก่อน position ของ C Class จะหวังนั่งสบายก็คงไม่ใช่
ยิ่งมาเทียบกับ Teana ด้วยยิ่งตายอนาถ อาจรู้สึกว่าเบาะนั่งสบายกว่า E Class ด้วยซ้ำครับ

ผมว่าอาจมีเคสแบบนี้เกิดขึ้นอีกเยอะ เจอหลายคนที่มองว่า D Seg ราคาพอๆกับยุโรป Entry
สุดท้ายแล้วรับมือกับค่าซ่อมบำรุงไม่ไหว แถมได้ความสบายลดลงด้วยความที่ยุโรปเป็น segment ต่ำครับ
2005 Jaguar XJ Super V8
2011 Aston Martin DBS
2013 Jaguar XJL 5.0 V8 Portfolio
2017 Lexus RX200t Premium
2019 Bentley Continental GT W12
2021 Porsche 911 Carrera S
2024 Honda CR-V e:HEV RS
2025 Honda HR-V e:HEV RS
2025 Toyota Camry 2.5 HEV Premium Luxury



Nonnics

 :(*ฟังจากเพื่อนที่ใช้ Benz รุ่นหลังๆไม่ได้ทนเหมือนสมัยก่อน

กลับจุกจิก ชิ้นส่วนเสื่อมสภาพซ่อมแพงในระยะเวลาไม่นาน

* เรื่องนั่งสบาย นุ่มนวล จริงตาม จขกท.บอกครับ แพ้ญี่ปุ่น

*ส่วนเรื่องภาพลักษณ์  ระยะหลังมุมมองคนเปลี่ยนไปแยะ

A , Cla , Gla ราคาเอื้อมถึงง่าย ใกล้รถdญี่ปุ่น

ยิ่งรุ่นเก่าตกรุ่นถึงจะเป็นE class ก็ไม่ได้ดูดี

กว่าd seg.jp.ป้ายแดงเท่าไหร่เลยครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 08, 2017, 18:55:23 โดย Nonnics »



PKS8

ไม่ผิดเลยครับ E90 ผมก็จอดนอนอยู่บ้าน ไม่มีคนอยากเอาไปใช้ นอกรถตัวเองเชคระยะ หรือซ่อม ก็มายืมไป พอเอามาคืนก็มีแต่บ่น ดีแค่อย่างเดียวคือเครื่องแรง แค่นั้นครับ ส่วนค่าซ่อมก็แพงมากขนาดไม่ค่อยได้ใช้ปีนึงก็ต้องมีเตรียมไว้ 5 หมื่น- 1 แสน

เห็นหลายกระทู้เทียบ D Seg กับ Compact Premium ก็จะพยายามโพสบอกว่ายังไง D Seg ก็น่าใช้กว่าครับ



Noncyclopedia

คุณก้อได้นั่งได้ใช้รถpremiumแล้วนะครับ. บ่นทำไม



Newhang

ทุกข์ของคนรวย ถ้ารวยสุดๆจนไม่คิดอะไรก็แล้วไป

คือคนอื่นเค้าไม่ค่อยได้ใช้กัน เค้าก็มองแต่เปลือก ดูดีนะ น่าจะดีนะ หรือมองมุมเดียวแบบสุดๆ แต่เคา้ก็ไม่ได้ใช้เองอยู่ดี
ขนาดผมใช้รถญี่ปุ่น บ่นไปยังเท่านั้นเลย คนเค้ามองแค่เปลือก บางคนใช้ก็อวยสุดๆมองด้านเดียว

ทุกวันนี้บอกได้ผมก็บอก ใครบอกไม่ได้ก็ช่างเค้าครับ แต่มันเป็นประสบการ์ณส่วนตัว ไว้ครั้งหน้าเราแก้ตัวใหม่ครับ ปล่อยให้คนอื่นเค้าลิ้มลองบ้างก็ดีครับ



cloud

คุณก้อได้นั่งได้ใช้รถpremiumแล้วนะครับ. บ่นทำไม

ขอโทษที่บ่น



punn

ความแตกต่างอย่างมีนัยยะด้าน performance เริ่มน้อยลงขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างรถญี่ปุ่นกับยุโรป
ถ้าไม่ได้ใช้ภาพลักษณ์ในอาชีพ ผมคิดว่ารถยุโรปไม่คุ้มอย่างยิ่ง

แต่อย่างน้อยจขกท.ก็ได้ลองไล่ตามฝันตัวเอง อันนี้คือปสก.อันมีค่าที่ยิ่งกว่าได้ครอบครองครับ  :)
เป็นคนโลกปกติธรรมดา :)
ไม่โลกสวย และไม่โลกมืด อยู่กับความเป็นจริงและพลังงานบวก ..

ปราชญ์สอนสิ่งไหน คนก็จะจำสิ่งนั้น
ประสบการณ์เจอแบบไหน คนก็จะคิดทางนั้น
ต่างคนต่างประสบการณ์เรียนรู้สิ่งเดียวกัน ก็จะออกมาแตกต่างกันไปครับ



J_Serie5

ถ้าไม่อยากพลาดก่อนซื้อ benz / bmw ก็คุยกับ ผจก./เจ้าของโชว์รูมเลยครับ บอกว่าสนใจจริงๆ ยินดีจ่ายเงินให้พิเศษ ขอเช่าขับซัก 1-2 อาทิตย์ ยิ่งถ้าเป็นลูกค้าเก่าซื้อประจำ พวกระดับ S / 7 serie บางโชว์รูมเอารถไปให้ลองใช้ฟรีเป็นอาทิตย์ถึงบ้านเลยครับ



fishfinger

ในฐานะที่เคยใช้ w203 และตอนนี้ใช้ w204 อนู่นะครับ
อยากจจะบอกว่าเจ้า C-Class นี่เค้าซื้อกันเพราะมันนั่งสบาย เหรอครับ ?
แล้วรถ 5 ปีนี่ ยังไงก็ต้องเริ่มมีซ่อมอยู่แล้วไม่เกี่ยวกับจำนวน ไมล์เลย

คุณวิ่ง ไม่ถึงหมื่นโล 5-6 ปียังไงก็ต้องซ่อม
ส่วนราคาค่าซ่อมไหวไม่ไหว สมมุติซื้อรถ 3 ล้าน ดาวน์ 1 ล้าน ผ่อน 5 ปี
ผ่อนเดือนละ 3 หมื่นกว่า ค่าซ่อม 5 หมื่น นี่มันก็ไม่ได้ตึงมาก ถ้ามีตังซื้อรถขนาดนี้

รถมันเด่นคนละแบบกัน ถ้าผมซื้อ C-coupe ไปลุยนาผมควรจะผิดหวังไหมครับ  >:(

ปล. ถ้าอยากได้ Feeling ยุโรปจริงๆ แนะนำ D segment เป็นต้นไปครับ
      C-segment ยุโรปผมว่ามันยังกั้กๆอยู่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 08, 2017, 20:37:58 โดย fishfinger »



V221

นานาจิตตังครับ คุณพ่อผมลองGLEกับX5 บอกว่าX5ไม่เกาะถนน ผมกับน้องเขยงงเลย เพราะตอนผมลองX5แล้วชอบช่วงล่างมากกว่าGLEซะอีก
BMW 750E M SPORT



Sit: )

1. ก็ไม่น่าผิดครับ ใข้ในเมือง c class กระทัดรัดคล่องตัวกว่า d seg ประหยัดนืำมันกว่า แต่มันก็แคบกว่านั่งนานๆอาจเมื่อยกว่า

2. D seg ญี่ปุ่นผมก็ว่าขับและนั่งดีกว่า c class แต่ก็อาจจะเกะกะ มุดยากกว่า c

ต้นเหตุมาจากค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึงรึเปล่าทำให้รู้สึกผิดหวัง ลองหาอู่นอกครับ ความผิดหวังอาจลดน้อยลง
และอาจจะต้องลองนึกย้อนว่ารถคันนี้ให้ะไรเราบ้างเมื่อ 5ปีที่ผ่านมา ถึงเวลาก็ดูแลมันบ้าง

ผมมีรถเก่า ถึงเวลาซ่อมก็เซ็ง แต่พอนึกไป
เออ รถอายุเกิน 20ปีสตาร์ทไม่ติด กลับบ้านไม่ได้ 1 ครั้งถ้วน เวลาอยากซิ่ง ก็ตอบสนองให้เราได้คลายเบื่อ คราวลูกป่วยก็พาไป รพ. คิดแล้วคุ้มครับที่จะซ่อม

รถแต่ละคันให้อะไรไม่เหมือนกัน
C class ได้ขนาดคล่องตัว ประหยัดน้ำมัน การควบคุมที่ดีในระดับนึง และหน้าตาทางสังคม(ที่ผมไม่ได้ให้ความสำคัญแต่คนไม่น้อยให้) ถ้าเทียบ j32 อันนั้นได้กว้างนุ่มสบายแต่ซด

ของยังงี้ต้องลองครับ จะได้รู้ว่าคันต่อไปซื้ออะไรดี
ขอให้เจอทางที่ถูกใจ

สำหรับผมรถที่มีจะซ่อมใช้ต่อไหนๆก็อยู่กันมานาน
ถ้าเสียบ่อยๆคงไป d seg ญี่ปุ่นแบบ 6-8ปีเปลี่ยน ไม่อยากซ่อมเยอะ หน้าตาทางสังคมอะไรผมไม่สน ขอแค่รถที่ปลอดภัย กว้างขวางสำหรับครอบครัว ในงบที่เราไหว

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 08, 2017, 20:55:01 โดย Sit: ) »



SM.

ก่อนซื้อไม่ได้ลองหรือเปล่าครับ รุ่นนี้ผมนั่งไปครั้ง 2ครั้ง รถเพื่อน ผมไม่ชอบเช่นเดียวกัน ทั้งเบาะหน้า เบาะหลัง เพราะมันแข็ง แต่เหมือนว่า Benz BMW ก็เบาะแข็งๆกันหมด

อีกอย่างคือ ไม่ชอบกลิ่นมันครับ กลิ่นแปลกๆ ตอนหลังเหมือน altis จะเอาบ้าง



Nismo De Alpina

เห็นละอยากมีอารมณ์แบบนั้นบ้างจัง
อยากเปรียบเทียบกับเขาบ้าง
แต่ตังค์ยังไม่มีเลยต้องขับญี่ปุ่นบ้านๆต่อไปผม  :(
เอาเถอะครับ จขกท.ถือว่าเป็นประสบการณ์ละกันครับ  :)
Eventually i've made my home country,Thailand.



OXYGEN2

แล้วอย่างนี้ในอนาคตจะซื้อ D-Seg ญี่ปุ่น หรือซื้อขยับเป็น Mid-size luxury ครับ ให้เดาอนาคตอาจจะขยับไปซื้อ E-Class / Series 5 หรือเปล่า น่าจะให้ความสบายไม่ต่างจาก D-Seg

น่าเสียดายแทนตอนซื้อ C250 W204 นะครับ ตอนนั้นรู้สึกว่าราคาน่าจะแพงพอตัวเลย ถ้าจำไม่ผิดน่าจะสามล้านกว่าหรือเปล่า ถ้าเพิ่มอีกนิด หรือบางที่ไม่ต้องเพิ่มเลย แล้วเอาเป็น E200 W211 มาใช้ อาจจะไม่ผิดหวังเท่านี้
2021 - BMW 530e
2023 - Tesla Model Y Performance
2023 - Tesla Model Y RWD

My website~ :) ;) :D 8)



Eakkypoo

ท่านเจ้าของกระทู้ ไม่ต้องคิดไรมากครับ
คุณคิดถูกแล้วครับ ถ้าเปรียบเทียบแบบนี้ครับ

แต่สิ่งที่ C-class และ Series 3 ให้ได้อย่างแตกต่างคือ วัสดุในรถ, การเกาะถนน และความแรง

เท่านั่นจริงๆ และจริงๆ  ภาพลักษณ์ผมก็ไม่เห็นมันจะมีใครมา อู้หู อาห๊า อะไรมากมาย นอกจากคนงานที่โรงงานผมบอกว่า มันหล่อจริงๆ
ถ้าจะภาพลักษณ์จริงๆคงต้องไป S, 7 แน่ๆครับ

ผมขับ F30 320d LCi ครับ
ผมมาจาก G9 และ HV Premium มันคือความนุ่มสบายแน่นอนโดยเฉพาะ Camry
แต่ความเกาะถนน ความมั่นใจ ความเป็นหนึ่งกับตัวรถ มันต่างราวฟ้ากับเหวเลยครับ

ทุกวันนี้ยังอยากจะขายมันทิ้งอยู่ แต่มันขายไม่ออกครับ ราคานี้ โดนกดจมดิน รถเดือนกว่าๆเอง
คาดว่าถ้าขายออก คงจะหนีไป Lexus แล้วจริงๆ อาจจะไม่หล่อเท่า แต่มันจบ