ผู้เขียน หัวข้อ: เพื่อนๆคิดว่าอีกสัก 5 ปี บ้านเราจะมีการผลิตรถไฟฟ้าในแบบ Mass Production มั้ยครับ  (อ่าน 17926 ครั้ง)

ออฟไลน์ equinox

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 56
คิดว่าอีกสัก 5 ปี พอจะเป็นไปได้มั้ยครับที่จะมีรถไฟฟ้าผลิตแบบ Mass Production ในบ้านเรา ด้วยราคาเริ่มต้น 5-6 แสนบาท

ถ้าคิดว่าเป็นไปได้ อยากทราบเหตุผล ที่เพื่อนๆคิดว่า เกื้อหนุนให้เกิด

ถ้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ อยากทราบเหตุผล ที่เพื่อนๆคิดว่า เป็นอุปสรรค ต่อการเกิด Ev Mass Production ในบ้านเรา

เชิญแสดงทัศนะกันได้เลยครับ เปิดรับความคิดเห็นแบบเสรีครับผม


ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์


ไม่มี ทาง ครับ

เพราะ กลุ่ม ทุน ที่ ครอบประเทศ นี้อยู่ไม่ยอมครับ

รถยนต์ แห่ง ชาติ ทำไม่ยากครับ ถ้าจะทำ มีเงิน ซื้อ มันสมองได้ จ้่าง กลุ่มที่เคยทำงาน ออกแบบ OEM ได้
เพียง แต่ ทำแล้ว นักการเมืองได้อะไร 

ออฟไลน์ ซิ่งเข้าส้วม

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,150
ถามว่าเป็นไปได้มั้ย เป็นไปได้ครับ แต่ราคา 5-6 แสนนี่ยาก

ซึ่งมันสอดคล้องกับตลาดโลกครับ บริษัทรถหลายเจ้าต้องการสร้างรถไฟฟ้าให้ได้ในปี 2020 คืออีก 3 ปี

ถึงแม้กลุ่มทุนในไทยจะไม่อยากให้มันมาแต่มันก็ต้องมา จะไม่เอามาเลยเดี๋ยวตกขบวน

อย่างน้อยๆ MG เจ้านึงแหละที่ประกาศออกมาชัดเจนว่าจะเอา EV มาให้คนไทยได้ใช้เร็วๆ นี้

ถ้ามีเจ้านึงเปิด เดี๋ยวเจ้าอื่นๆ ก็ตามมาครับ

ออฟไลน์ Nikle_pk

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,678
อีก 10 ปียังต้องลุ้นเลยนะผมว่า

5 ปี นี่ไม่มีทางแน่
My Review !!! New Vellfire 2.5ZG Edition !!!
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=44242.0

ออฟไลน์ GoatGoat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 895
เมืองนอกเป็นไปได้ แต่บ้านเราอาจต้องรอให้ถนนลูกรังหมดไปก่อนครับ :'(

ออฟไลน์ SUN-PS

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 808
ขาใหญ่คงไม่ให้เกิดหรอกครับ

ออฟไลน์ kati348

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 237
แค่ไฟฟ้าที่ต้องหามาใช้ในการดำรงชีพ ยังหายากเลยครับตอนนี้

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
5 ปี ไม่มีทางครับ เพราะดูจาก trend ตอนนี้

เจ้าตลาดล้าหลัง สุด arrogant ที่มั่นใจในตัวเองเกินไป ทำของออกมาห่วย ด้อยสเปคกว่าชาวบ้าน ไม่มีความเด่นนอกจากอะไหล่มันเยอะ
ซ่อมง่ายเพราะ low tech หลงไปตาม fool cell เค้าออกมาแสดงความเห็นไม่เอารถไฟฟ้า พูดจาทื่อๆ บิดเบือนเข้าใจว่าคนอื่นจะเชื่อ (แต่น่าจะหลอกติ่งในไทยได้)

เจ้าตลาดอีกคนเป็นเซียนรถ passenger ก็ยังบ้าในกะลา fool cell พอกันแต่ขี้โม้ บิดเบือนน้อยกว่าเจ้าตลาดแรก สำหรับตลาดไทยไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรในวงการรถไฟฟ้า

อีกรายเคยเป็นเจ้าตลาดในอดีต ตอนนี้เป็นหนึ่งในผู้นำ BEV ในตลาดโลก แต่ในไทยเค้า fail ค่อนข้างมาก จนไม่แน่ใจว่ามีแรงดัน BEV ในตลาดไทยหรือเปล่า แต่ถ้าเค้ามีแรงน่าจะได้ first mover advantage อย่างแน่นอน

มีค่ายรองนึงทำรถ BEV มาตั้งแต่ราวๆปี 2007 เป็นรถ supermini ตอนนี้ยังเอาตัวเองไม่รอด ดูแนวโน้มแล้วมืดมน

ดูแนวโน้มแล้ว พวกค่ายเจ้าตลอดยุ่นจะถ่วงเวลาให้มากถึงมากที่สุด

หันมาดูพวกนอกกระแสจากจีน มีแนวโน้มส่งรถ BEV ทั้ง passenger กับ commercial มา บุกตลอดไทย แค่โรงงานที่บ้านเค้าเอง เค้าก็ได้ scale economies ในการผลิตทุกชิ้นส่วน ไม่จำเป็นต้องมาลงทุนในไทย

ส่วนค่าย upscale รถ import เป็นที่นิยมในกลุ่มกำลังซื้อสูงเท่านั้น แม้ว่าในปีสองปีนี้จะมี entry level model มาเพิ่มเติม แต่ไทยแลนด์มักคิดภาษีแบบเอาตามใจฉัน เอามันส์ไว้ก่อน เพื่อกีดกันการค้าอวยเจ้าตลาดไว้ก่อน

wild card จริงๆอยู่ที่ฝั่งจีนครับ

ออฟไลน์ ariazero

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 621
ถ้าโจทย์ที่ให้มาโอกาส 0%(ไม่มีทศนิยม) สำหรับ อีก 5ปีนะครับ
Mass Production อันที่จริง ทางประเทศไทยเราก็ผลิตอยู่นะ...
ผมนับ Ev Hybrid ของ MB และ BM หมดนะครับ ก็แค่มันผสมน้ำมันอยู่

สมมุติว่าคุณยก Nissan Leaf ที่เป็นไฟฟ้าล้วนๆ หรือ Chevrolet Volt ที่เป็น EV Hybrid แบบไม่แพงมาก เอาเข้ามาขายในไทยแบบอิงราคาของ Japan หรือ America มาเลยไม่มี + เพิ่ม แปลงเป็น Thai Baht ราคามันก็น่าจะไปเกาะๆ 700,000 - 900,000 และไม่น่าจะต่ำกว่านี้นะครับ(ในช่วง 5 ปีนี้สำหรับเมืองไทยนะครับ)   

ล้วนๆก้มี... คันที่ไทยเปิดตัวไปไงครับไฟฟ้าล้วนนนนนนนนน ราคา เกือบล้านนั่นก็เรียกว่าเริ่มต้นที่ดีครับ แต่ราคาต่ำๆนั้นยากแน่ๆครับแต่เดียวอุปกรณ์จะเพิ่มขึ้นแน่ ใน 5ปีนี้นะ


ความเห็นส่วนตัวผมนะครับ เมือไหร่ก็ตามที่
-ปั้มน้ำมันเริ่มหายไปจากในเมือง หาเติมยากมาก 
-ค่ายรถยนต์ไม่ออก Hybrid แต่เป็น Plug-in ล้วน (อันนี้ยากมาก)

เมื่อนั้นแหละครับ บอกลาน้ำมันเหอะ (ซึ่งมันเป็๋นไปไม่ได้)

เมืองไทยเป็นเมืองใช้รถน้ำมันนะครับเพราะว่าการขนส่งสาธารณะก็ยังไม่พัฒนาให้เห็นเป็นรูปร่างยังต้องอาศัยการขนส่งจากรถเข้ามาส่วนใหญ่

ใน 20 ปีนี้ไม่มีทางจะมี สถานีบริการEVเยอะๆหรอกครับ (ยกเว้นPTTถ้าเขาไปตั้งเสาเติม EV ได้จริงทุกปั้มของเขาอันนี้ไม่แน่ถ้าทำจริงผมนับถือนะ)
ซึ่งไม่เกิดขึ้นในช่วง 15-20 ปีนี้แน่นอนครับ

ญี่ปุ่นใช้เวลาเกือบ 15 ปีในการทำให้ปั้มหาเติมยากขึ้น แล้วก็คนหันมาใช้ Hybrid แต่ลองสั่งเกตดูดีๆ ในLine การผลิตดีๆ รถ EV- นี่แต่ละเจ้าออกมา 1-2 รุ่นเองครับ (ไม่นับ Tesla) ที่เหลือก็เป็น line Hybrid ทั่วไป โดยเฉพาะ Line รถบรรทุกยังน้ำมันล้วนๆอยู่เลย


Keep Clam and Jump in Cadillac girls put some mile on it. ครับ  8)

 
 
'8X Familia, '91 TFR ,
'94 Sunny B13, '98 520i (E28), '99 Sunny B14,
'08 Vios, '08 C200, '08 Vitara
'15 Vios, '17Accord G9 MC, '17 X1 18i

ออฟไลน์ TrentXWB

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 831
  • เมาไม่ขับ ง่วงไม่ขับ
ยากครับ ดันกันหอบแฮ่กแหงๆ
โครงสร้างพื้นฐานเรายังไม่พร้อมเท่าไหร่เลยครับ
ผู้บริโภคเองก็เป็นอีกปัจจัยครับ ว่าพร้อมเปิดใจไหม

ชาร์จปลั๊กอย่างเดียวเกิดยากแน่ๆ เว้นแต่ได้พวก Supercharge มาช่วย
หรืออาจจะเป็นสถานีเปลี่ยนแบต แต่ก็ยังมีเรื่องที่ต้องคิดอีกมาก
ใช้น้ำมันปั่นไฟฟฟ้าไปขับมอเตอร์ ผมว่าดูเหมาะกับประเทศไทยดีนะ ไม่ต้องกลัวกินข้าวลิงเมื่อแบตหมด แต่อาจจะไม่คลีนสะอาดสุด แต่มันน่าจะดีกว่าเครื่องกับเกียร์ในปัจจุบันนะครับ


ส่วนตัวผมแอบลุ้น Note e-power ช่วงปี 2018 - 2019 กับราคาไม่เกิน 740k (นี่ผมยอมจ่ายเพิ่มจากตัว VL แสนนึงเลยนะเอ้า  ;D)
แม้ว่าจะเลือนรางมากกกกกกกกกกกกกกกกก็เถอะ  ;)

*แก้ไขเพิ่มเติมความเห็นและราคาที่ยอมจ่ายเพิ่มครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 12, 2017, 15:10:41 โดย TrentXWB »

ออฟไลน์ Sleepy Boy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,417
    • อีเมล์
ช่วงแรกของรถไฟฟ้ามันต้องมาจากพวกเจ้าตลาดในไทยก่อนครับ แต่ในราคาเกินล้านแน่นอน ผ่านไปอีกสักระยะจนรายอื่นๆทะยอยทำบ้างราคาถึงได้ดร็อปลงมาตามวัฏจักรสินค้าครับ คิดว่าไม่แก่เกินรอที่จะเห็นรถไฟฟ้าคุณภาพดีในราคาหลักแสนนะครับ

ออฟไลน์ equinox

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 56
จริงๆผมว่าถึงเกิน 5-6 แสน มาเป็นล้านต้นๆ ในขนาด Sub Compact ผมว่าคนไทยก็ยอมจ่ายนะ เพียงแต่ว่า EcoSystem จะพร้อมแค่ไหน เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เอาแค่ Tesla ต่อให้มีเงินมากๆตอนนี้ผมก็คงยังไม่เลือกใช้ เนื่องด้วยความพร้อมทางด้านระบบ EcoSystem ในไทยนี่แหละครับ ถ้ามีเงินมากๆตอนนี้ผมคงเลือก Plug In Hybrid ไปก่อนแทน ถ้าโจทย์ของผมคือรถไฟฟ้า

ออฟไลน์ huiimanoid

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 303
    • อีเมล์
ตามความเห็นนะ
รถนะผลิตไม่ยากหรอกครับ แต่ที่มันยากกกกกกกกส์ มันอยู่ที่การลงทุนทำ Station ที่ใช้เติมไฟ แม้จะดูว่าไม่มีอะไร แต่ต้องเตรียมระบบ Safety กันไฟอย่างดี
แถมจะ Charge ทีไม่ใช่แค่ 5-10 นาที ต้องรอกันเป็น ชม. 1 หัวชาร์ต/คัน ชาร์ตเต็ม 1 ครั้งก็เดินทางได้ไม่กี่กิโล เมื่อเทียบกับ NGV เติมกันคันละ 5-10 นาที
ยังรอคิวกันเป็น ชม. (เมื่อก่อน) แต่เมื่อเติมเต็มก็เดินทางต่อได้ แล้วถ้าเดินทาง ตจว.ล่ะ สถานีแทบไม่มีแน่ๆ แม้จะทำให้มีเครื่อง Charge แบบ Portable ใช้เสียบไฟบ้านได้
แต่ก็ใช้เวลานานมาก แล้วถ้าเดินทางขณะขึ้นเขา แบตหมดจะทำยังไง จะใช้ Solar Cell ชาร์ตหรือยังไง

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,839
โจทย์แรก มนุษย์เงินเดือน กลุ่มใหญ่ของตลาดรถพร้อมซื้อเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นครับ

โจทย์ที่สอง น้ำมันในตลาดโลกเกิดอาการสะดุดหนักๆ

และโจทย์สุดท้าย กรุงเทพเกิดมลพิษขั้นรุนแรงจนเป็ภาคบังคับ

ตัวอย่างอย่างปักกิ่งที่ผมไปล่าสุด รถไฟฟ้าที่ใช้ แบตแห้งธรรมดาก็ถูกบังคับให้ใช้แล้ว มอไซค์ก็โดน

อย่างบ้านเราเหรอ ตอนนี้ มอไซค์แม่บ้านบวกกับ i stop
ก็จะ 50-60 โลลิตรแล้ว ถ้าไม่โดนบังคับเป็นมอไซค์ไฟฟ้า น้ำมันยังถูกมากๆครับ

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,620
 ผมว่าผมเคยตอบไปบ้างแล้ว  แต่บางคนอาจไม่ฟังดันทุรังความคิดตนเองกันอยู่    คิดเองเออเองกันเยอะมาก
     เวปนี้หลายท่านมีความรู้กันนะแต่ว่าส่วนใหญ่เน้นข้อมูลทางอินเตอร์เนตกันมากกว่าข้อเท๊จจริงในชีวิตประจำวัน

รถไฟฟ้าไม่รู้นับรถ Plug in Hybrid ด้วยหรือไม่ถ้านับก็เริ่มผลิตไปแล้ว     รถไฮบริดนับเป็นไฟฟ้าด้วยหรือเปล่าถ้านับก็เป็นก้าวแรกเริ่มสู่ปัจจัยพื้นฐานของรถไฟฟ้า        ค่ายรถญี่ปุ่นไม่ได้ค้านรถไฟฟ้า 100% เพียงแต่ว่าตลาดมันยังไม่เกิดและมันมีองค์ประกอบอื่นที่มันยังไม่เหมาะกับหลายที่ทั่วโลก   รวมถึงปัจจัยพื้นฐานตั้งแต่โครงสร้างสถานีชาร์จไฟฟ้า ที่มันยังไม่มีการลงทุนรองรับให้มากเพียงพอ  ปริมาณกระแสไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าที่บ้านเรามันไม่พอให้ทุกคนเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้า        มลพิษจากรถยนต์มันจะย้ายไปสู่โรงไฟฟ้าแทนซึ่งมีปริมาณมลพิษที่มหาศาลพอสมควร     และคนส่วนใหญ่ที่ไม่ไ่ด้ใช้รถยนต์จะได้รับผลกระทบทั้งเรื่องมลพิษและค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้นตามค่า FT  ความมั่นคงทางพลังงานของทางบ้านเรา    นอกจากนี้ยังมีเรื่องมลพิษในการผลิตแบตเตอรี่อีก       คือมลพิษมันจะย้ายจากไอเสียรถยนต์ย้ายไป โรงงานไฟฟ้ากับโรงงานผลิตแบตเตอรี่แทน

                ค่ายรถกำลังทดลองเอารถไฟฟ้ามาให้ใช้และมีการเก็บข้อมูลอยู่บ้างแล้วแต่โครงการนี้   ผมไม่บอกแล้วกันว่าเริ่มเมื่อไหร่ มีการผลิตแบบ Mass production แน่นอนแต่อีกนานแค่ไหนก็ไม่ทราบ   แต่ไม่ไ่ด้ผลิตเยอะเพราะมันไม่สามารถเอามาทดแทนเครื่องยนต์ที่ใช้สันดาปเป็นส่วนใหญ่ที่ยังเหมาะกับบ้านเรามากกว่าได้           กลุ่มคนซื้อคงก็ไม่ใช่ทั่วไป  และราคารถก็ไม่ไ่ด้มีราคาถูก    ราคาที่แพงขึ้นเทียบกับรถที่ใช้เครื่องยนต์เมื่อเทียบกับความประหยัดน้ำมันแล้วหาความคุ้มค่าไม่ได้เพราะค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่ายต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง และราคารถที่แพงกว่าเดิม  เทียบกับการใช้งานยังไงรถไฟฟ้าก็แพงกว่า               นอกจากนี้ค่าซ่อมบำรุงมันก็ไมไ่ด้ถูกลงมากนักแต่ตรงข้ามมันจะแพงกว่าถ้าเทียบกับรถยนต์สันดาปแบเดิม    คนส่วนใหญ่ยังรับค่าซ่อมแบบนี้ไม่ได้อยู่ดี 

ปล รถไฟฟ้าแบรนด์ไทยก็ทำออกมาแล้ว ผลตอบรับการสั่งซื้อจะเป็นตัวบ่งบอกรถในอนาคต      ถ้าคนไทยแห่ไปซื้อรถไฟฟ้าแบรนด์นี้กัน   ค่ายรถก็คงรีบทำออกมาเร็ว ๆ เพื่อสกัดคู่แข่งบ้างล่ะ           แต่ถ้าทำแล้วเงียบผลตอบรับก็รู้ ๆ กันอยู่ ว่าค่ายอื่นจะเอาด้วยไหม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 12, 2017, 16:46:17 โดย Auto »

ออฟไลน์ alpha14

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,109
หันมาผลิตรถพลังงานน้ำดีกว่า เคยเห็นเมื่อนานมาแล้วญี่ปุ่นเคยทำได้แต่ก็เงียบไป ไม่รู้ทำไม หรือไม่ก็ออกแบบเครื่องยนต์ไห้ประหยัดน้ำมันสุดๆ(เป็นภาคบังคับของรัฐ)50กม/ลิตร แฟร์ๆทั้งคนใช้และบ.น้ำมัน ยังอยู่กันได้

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ยากครับ ดันกันหอบแฮ่กแหงๆ
โครงสร้างพื้นฐานเรายังไม่พร้อมเท่าไหร่เลยครับ
ผู้บริโภคเองก็เป็นอีกปัจจัยครับ ว่าพร้อมเปิดใจไหม

ชาร์จปลั๊กอย่างเดียวเกิดยากแน่ๆ เว้นแต่ได้พวก Supercharge มาช่วย
หรืออาจจะเป็นสถานีเปลี่ยนแบต แต่ก็ยังมีเรื่องที่ต้องคิดอีกมาก
ใช้น้ำมันปั่นไฟฟฟ้าไปขับมอเตอร์ ผมว่าดูเหมาะกับประเทศไทยดีนะ ไม่ต้องกลัวกินข้าวลิงเมื่อแบตหมด แต่อาจจะไม่คลีนสะอาดสุด แต่มันน่าจะดีกว่าเครื่องกับเกียร์ในปัจจุบันนะครับ


ส่วนตัวผมแอบลุ้น Note e-power ช่วงปี 2018 - 2019 กับราคาไม่เกิน 740k (นี่ผมยอมจ่ายเพิ่มจากตัว VL แสนนึงเลยนะเอ้า  ;D)
แม้ว่าจะเลือนรางมากกกกกกกกกกกกกกกกก็เถอะ  ;)

*แก้ไขเพิ่มเติมความเห็นและราคาที่ยอมจ่ายเพิ่มครับ

ผมเห็นด้วยครับ โดยสภาพความเป็นไปในปัจจุบัน
ถ้าไม่มี e-power มาเชื่อมไปสู่ EV ดูแล้วยากมาก เพราะ
พื้นฐานเราคือปั้มน้ำมันทั่วไปหมด แล้วมันเปลี่ยนยากที่จะมาเติมไฟฟ้า
เราก็เยอะแออัดไปหมดในเมือง จะมาชาร์จนอกบ้านนี่ยากมากเลย
ส่วน Hybrid ผมว่ามันยังมีความเป็นรถน้ำมันสูงงงงง ความเป็น ev ติ๊ดดดเดียว
ฝรั่งเขา Jump ไปหา ev ได้เลย เพราะรัฐบาลเขาแกร่ง เขาแน่ แต่สำหรับ
เอเซีย ผมว่าหวังให้ e-power มาให้ได้ก่อนเถอะ

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ตามความเห็นนะ
รถนะผลิตไม่ยากหรอกครับ แต่ที่มันยากกกกกกกกส์ มันอยู่ที่การลงทุนทำ Station ที่ใช้เติมไฟ แม้จะดูว่าไม่มีอะไร แต่ต้องเตรียมระบบ Safety กันไฟอย่างดี
แถมจะ Charge ทีไม่ใช่แค่ 5-10 นาที ต้องรอกันเป็น ชม. 1 หัวชาร์ต/คัน ชาร์ตเต็ม 1 ครั้งก็เดินทางได้ไม่กี่กิโล เมื่อเทียบกับ NGV เติมกันคันละ 5-10 นาที
ยังรอคิวกันเป็น ชม. (เมื่อก่อน) แต่เมื่อเติมเต็มก็เดินทางต่อได้ แล้วถ้าเดินทาง ตจว.ล่ะ สถานีแทบไม่มีแน่ๆ แม้จะทำให้มีเครื่อง Charge แบบ Portable ใช้เสียบไฟบ้านได้
แต่ก็ใช้เวลานานมาก แล้วถ้าเดินทางขณะขึ้นเขา แบตหมดจะทำยังไง จะใช้ Solar Cell ชาร์ตหรือยังไง

นี่ล่ะครับ ผมว่าประเด็นนี้สำคัญ
มันไม่เข้ากับวิถีชีวิตบ้านเราเลย รถแออัดจอแจในเมืองเพียบ
ใครจะมารอชาร์จไหว ใครๆ ก็อยากจะไปๆ เร็วๆ
e-power ค่อนข้างเป็นทางสายกลางที่สุดครับ ที่จะเข้ากับวิถีชีวิต
ปัจจุบันเราได้ และทำให้เราได้สัมผัสรถไฟฟ้าแม้ว่าจะไม่ประหยัดเท่าหรือสะอาดเท่าก็ตาม

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
ผมว่าคงยาก แต่มีแนวโน้ม
อีกห้าปีมันคงเริ่มจาก รถยนต์กลุ่มพรีเมี่ยมก่อน เพราะคนกลุ่มนี้มีรถหลายคันและต้องการนำกระแส พวกเบนซ์bm ก็ชัดเจนในแนวทางรถไฟฟ้าเพียวๆอยู่แล้ว และประเทศเยรมันเองก็ประกาศ แนวทางชัดเจนในอีก10กว่าปีเรื่องรถไฟฟ้า อีกหน่อย ลูกค้าอาจจะโดนบีบเรื่องรถไฟฟ้าเพียวๆ คล้ายๆ phevของbenz bmตอนนี้

และอีกห้าปีผมว่ารัฐก็คงให้การสนับสนุนมากขึ้น คล้ายๆphevตอนนี้ที่ราคาถูกลงเพราะภาษีนิดเดียว
อีกสัก3-5ปีอาจจะมีนโยบายที่ชัดเจนขึ้น เรื่องภาษี รถไฟฟ้าบุคคล
และอีก5-10ปีคงมีให้เห็นกันจนเกือบเป็นเรื่องปกติเพราะคงมีรถให้เลือกหลากหลายและประสิทธิภาพดีขึ้นครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 12, 2017, 19:01:38 โดย koko86 »

ออฟไลน์ onbit40

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 215
มีแน่นอนคับ ทุกเจ้ามันเอาเข้ามาวิ่งเทสกันแล้ว :) หัวชารจ์ก็เร่งสร้างกันแล้วคับ

5 ปี จะมีอะไรให้เห็นแน่นอน

ออฟไลน์ koko86

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,593
    • อีเมล์
อีกประเด็นนึงที่ผมอยากให้เกิดก่อนยุครถไฟฟ้าครองโลก100%แต่เทคโนโลยีในปัจุบันมันยังมาไม่ถึง คือเอาความร้อนจากเครื่องยนต์มาผลิตเป็นไฟฟ้าโดยตรง  ทุกคนรู้ดีว่าทุกวันนี้น้ำมันที่เราใช้กัน80%มันออกมาเป็นพลังงานความร้อน  ถ้าเราเอาซัก10-20%ของพลังงานความร้อนมาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรงนอกจากจะลดโลกร้อนแล้วยังเพิ่มสมมรถนะรถยนต์โดย อีกหน่อยเครื่องหนึ่งลิตรอาจให้พลังงานรวมมอเตอร์ได้ถึง 200-300แรงม้าเลยทีเดียวและ ไม่ต้องชาร์จไฟบ่อยๆอีกด้วยซึ่งเหมาะกับบ้านเรามาก

ออฟไลน์ locomotive

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 791
คนที่จะใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้ คือคนที่ใช้รถเก๋ง เดิมๆ อยุ่แล้ว ส่วนใหญ คืนคน เมือง ใน กทม. ภาคกลาง ขับไปทำงาน วิงทางเรียบ ขึ้นทางด่วน มีเวลาชาร์จไฟ แต่ คนส่วนใหญ่ในไทยใช้รถกระบะ ดีเซล หาเช้า กินค้ำ บรรทุกของ ค้าขาย เกษตรกรรม ลุยป่า โครน ขึ้นเขา ลงดอย ฝ่า น้ำท่วม รอระบาย น้ำขัง ถนนลูกรัง เข้า สวน ไร่ ทุกสภาพทาง จะเอารถไฟฟ้ามาใช้ได้ตรงส่วนไหนครับ วิธีชีวิตคนไทยส่วนมันไม่ได้เลย คนที่มีอาชีพอย่างผมกล่าว ต้องทำเวลา ครับ เสียซ่อมได้ทุกที่ ประแจ ไขควง ทำเองได้ น้ำมันเติมได้ไปต่อ เสียเวลาชัวโมงเดียว รายได้หายเป้นพันๆ แล้วรถไฟฟ้ามันลุยได้ได้เท่าไหร่

กับอีกเรื่องบ้านเราพื้นฐานระบบไฟฟ้า ทุกวันนี้ยังซื้อจาก ลาว พม่า ใช่ อยู่เลย โรงไฟฟ้าสร้างเองก็ไม่ได้ โดนต่อต้าน ระบบรถไฟยังไม่ได้ใช้ไฟฟ้าเหนือรางเลย จะเอาไรกับรถยนต์ไฟฟ้า

*****ก่อนจะได้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า รอรถไฟใช้ไฟฟ้าก่อน ภาพรถจักรไฟฟ้า Electric locomotive ของมาเลย์เชีย ของเขาถึงไหน  กันแล้ว อย่าว่า 5-6 ปีเลย ผมคนโลกไม่สวยนะ เมืองไทย อีก 50 ปี ถึงได้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ากัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 12, 2017, 21:08:25 โดย locomotive »

ออฟไลน์ Noncyclopedia

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,200
น่าจะยัง... แผนพัฒฯ ไม่มีระบุ

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์
ตอนนี้ ยอดขายรถ ไฟฟ้า BEV ทั่วโลก แค่ เกือบๆ 1 % ของรถทุกประเภท
ถ้า คุณ เป็น OEM คุณ จะยัง ลงทุนขายไหมละ

รอให้ ตลาดมัน ถึงจุด ของมัน ตามกลไก ไหม

ขนาด อเมริกา โลกหนึ่ง ที่ บางคน คลั่งนักหนา ยอดขาย สูงสุดยังเป็น กะบะ ซดน้ำมัน มหาโหดเลย
แต่ ดัน ย้อนแยง ตัวเองว่ารถไฟฟ้า จะมาแทน รถน้ำมัน แล้วจะให้รีบ เอามาขายแทนไวๆ

ถามว่า มาวันไหน  วันไหนก้วันที่มันพร้อม ทุกคนพร้อม โลกพร้อม

ไม่มี ใคร หลอกใครได้หรอก ตัวเลขมันฟ้อง

ถามว่า ทำไม Toyota ยัง นิ่งๆ กับ BEV ก็ ทำไปแล้ว เจ้งไง ที่ทำใช้แบต Tesla  ยอดขาย กับ เป้าหมาาย เห็นชัดๆ ว่า เจ้งมาแล้ว ปัญหาเยอะ
ไม่ใช่ ยอดขาย กับ เป้าหมาย ใกล้เคียง แต่ไปบอกเค้า ทัวหิ่ม เจ้ง ล่มสลายแบบโกดัก บ้างละ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 12, 2017, 22:18:37 โดย mamaman »

ออฟไลน์ Noncyclopedia

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,200
ตอนนี้ ยอดขายรถ ไฟฟ้า BEV ทั่วโลก แค่ เกือบๆ 1 % ของรถทุกประเภท
ถ้า คุณ เป็น OEM คุณ จะยัง ลงทุนขายไหมละ

รอให้ ตลาดมัน

ขนาด อเมริกา โลกหนึ่ง ที่ บางคน คลั่งนักหนา ยอดขาย สูงสุดยังเป็น กะบะ ซดน้ำมัน มหาโหดเลย
แต่ ดัน ย้อนแยง ตัวเองว่ารถไฟฟ้า จะมาแทน รถน้ำมัน แล้วจะให้รีบ เอามาขายแทนไวๆ

ถามว่า มาวันไหน

ไม่มี ใคร หรอกใครหรอก ตัวเลขมันฟ้อง

ถามว่า ทำไม Toyota ยัง นิ่งๆ กับ BEV ก็ ทำไปแล้ว เจ้งไง ที่ทำใช้แบต Tesla  ยอดขาย กับ เป้าหมาาย เห็นชัดๆ ว่า เจ้งมาแล้ว ปัญหาเยอะ
ไม่ใช่ ยอดขาย กับ เป้าหมาย ใกล้เคียง แต่ไปบอกเค้า ทัวหิ่ม เจ้ง ล่มสลายแบบโกดัก บ้างละ
ผมชอบอ่านเมนต์อาจารย์เพราะแบบนี้

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
ตอนนี้ ยอดขายรถ ไฟฟ้า BEV ทั่วโลก แค่ เกือบๆ 1 % ของรถทุกประเภท
ถ้า คุณ เป็น OEM คุณ จะยัง ลงทุนขายไหมละ

รอให้ ตลาดมัน

ขนาด อเมริกา โลกหนึ่ง ที่ บางคน คลั่งนักหนา ยอดขาย สูงสุดยังเป็น กะบะ ซดน้ำมัน มหาโหดเลย
แต่ ดัน ย้อนแยง ตัวเองว่ารถไฟฟ้า จะมาแทน รถน้ำมัน แล้วจะให้รีบ เอามาขายแทนไวๆ

ถามว่า มาวันไหน

ไม่มี ใคร หรอกใครหรอก ตัวเลขมันฟ้อง

ถามว่า ทำไม Toyota ยัง นิ่งๆ กับ BEV ก็ ทำไปแล้ว เจ้งไง ที่ทำใช้แบต Tesla  ยอดขาย กับ เป้าหมาาย เห็นชัดๆ ว่า เจ้งมาแล้ว ปัญหาเยอะ
ไม่ใช่ ยอดขาย กับ เป้าหมาย ใกล้เคียง แต่ไปบอกเค้า ทัวหิ่ม เจ้ง ล่มสลายแบบโกดัก บ้างละ

"ถามว่า ทำไม Toyota ยัง นิ่งๆ กับ BEV"

หัวทิ่มไปกับ Fool cell ที่ Fail พังไม่เป็นท่า

"ถามว่า มาวันไหน"
Start to supersede ICE in 2020s, tentatively for the west and China

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์
ตอนนี้ ยอดขายรถ ไฟฟ้า BEV ทั่วโลก แค่ เกือบๆ 1 % ของรถทุกประเภท
ถ้า คุณ เป็น OEM คุณ จะยัง ลงทุนขายไหมละ

รอให้ ตลาดมัน

ขนาด อเมริกา โลกหนึ่ง ที่ บางคน คลั่งนักหนา ยอดขาย สูงสุดยังเป็น กะบะ ซดน้ำมัน มหาโหดเลย
แต่ ดัน ย้อนแยง ตัวเองว่ารถไฟฟ้า จะมาแทน รถน้ำมัน แล้วจะให้รีบ เอามาขายแทนไวๆ

ถามว่า มาวันไหน

ไม่มี ใคร หรอกใครหรอก ตัวเลขมันฟ้อง

ถามว่า ทำไม Toyota ยัง นิ่งๆ กับ BEV ก็ ทำไปแล้ว เจ้งไง ที่ทำใช้แบต Tesla  ยอดขาย กับ เป้าหมาาย เห็นชัดๆ ว่า เจ้งมาแล้ว ปัญหาเยอะ
ไม่ใช่ ยอดขาย กับ เป้าหมาย ใกล้เคียง แต่ไปบอกเค้า ทัวหิ่ม เจ้ง ล่มสลายแบบโกดัก บ้างละ

"ถามว่า ทำไม Toyota ยัง นิ่งๆ กับ BEV"

หัวทิ่มไปกับ Fool cell ที่ Fail พังไม่เป็นท่า

"ถามว่า มาวันไหน"
Start to supersede ICE in 2020s, tentatively for the west and China


BEV ล่มไป ก่อน FCV อีกนะ ลงทุน Mass ไปตั้งเยอะกับ REV 4 BEV แต่ขายไม่ได้ ใช้แบต Tesla เจอ ฐาน ลูกค้า ประนาม
FCV เค้าประกาศชัด ประกาศ กำลังการผลิต แค่เดือนละไม่กี่ คัน แบบนี้เรียกเจ้งเหรอ ถ้าหวังกำไร คิดสิ คิด
หากหัวทิ่ม กับ FCV ทำไม ยังขาย PHEV , HEV ยอดขาย ดีทั่วโลกอยู่

การทำ FCV ก็ไม่ใช่ แค่ Toyota มีอีกหลาย OEM ทำมาขาย และ เลิกผลิตไปเยอะก็มี และ ขายเฉพาะพื้นที่ ที่มี ปั้ม ไฮรโดรเจน ขาย หัดเปิดตาซะหน่อยเหอะ 


ไอ้ที่ หัวทิ่ม จริงๆ นะคือ REV4 BEV ที่ ทำออกมาขายได้แค่ 2012-2014 ปัญหา เยอะ จน Toyota ส่ายหัว ลูกค้า ด่า จนเสียชื่อ คิดสิ คิดเยอะๆ

พ่อค้า ตลาดไปทางไหน ก็ขาย ตาม ตลาด นั่นละ คิดง่ายๆ
เทคโนโลยี อยู่ในมือ ทำตอนไหน ก็ได้ มีคนซื้อ ก็มีคนขาย มีคนซื้อน้อย ก็ไปขายไอ้ที่คนซื้อเยอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 12, 2017, 22:35:29 โดย mamaman »

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
ตอนนี้ ยอดขายรถ ไฟฟ้า BEV ทั่วโลก แค่ เกือบๆ 1 % ของรถทุกประเภท
ถ้า คุณ เป็น OEM คุณ จะยัง ลงทุนขายไหมละ

รอให้ ตลาดมัน

ขนาด อเมริกา โลกหนึ่ง ที่ บางคน คลั่งนักหนา ยอดขาย สูงสุดยังเป็น กะบะ ซดน้ำมัน มหาโหดเลย
แต่ ดัน ย้อนแยง ตัวเองว่ารถไฟฟ้า จะมาแทน รถน้ำมัน แล้วจะให้รีบ เอามาขายแทนไวๆ

ถามว่า มาวันไหน

ไม่มี ใคร หรอกใครหรอก ตัวเลขมันฟ้อง

ถามว่า ทำไม Toyota ยัง นิ่งๆ กับ BEV ก็ ทำไปแล้ว เจ้งไง ที่ทำใช้แบต Tesla  ยอดขาย กับ เป้าหมาาย เห็นชัดๆ ว่า เจ้งมาแล้ว ปัญหาเยอะ
ไม่ใช่ ยอดขาย กับ เป้าหมาย ใกล้เคียง แต่ไปบอกเค้า ทัวหิ่ม เจ้ง ล่มสลายแบบโกดัก บ้างละ

"ถามว่า ทำไม Toyota ยัง นิ่งๆ กับ BEV"

หัวทิ่มไปกับ Fool cell ที่ Fail พังไม่เป็นท่า

"ถามว่า มาวันไหน"
Start to supersede ICE in 2020s, tentatively for the west and China


BEV ล่มไป ก่อน FCV อีกนะ ลงทุน Mass ไปตั้งเยอะกับ REV 4 BEV แต่ขายไม่ได้ ใช้แบต Tesla เจอ ฐาน ลูกค้า ประนาม
FCV เค้าประกาศชัด ประกาศ กำลังการผลิต แค่เดือนละไม่กี่ คัน แบบนี้เรียกเจ้งเหรอ ถ้าหวังกำไร คิดสิ คิด
หากหัวทิ่ม กับ FCV ทำไม ยังขาย PHEV , HEV ยอดขาย ดีทั่วโลกอยู่

ไอ้ที่ หัวทิ่ม จริงๆ นะคือ REV4 BEV ที่ ทำออกมาขายได้แค่ 2012-2014 ปัญหา เยอะ จน Toyota ส่ายหัว ลูกค้า ด่า จนเสียชื่อ คิดสิ คิดเยอะๆ

พ่อค้า ตลาดไปทางไหน ก็ขาย ตาม ตลาด นั่นละ คิดง่ายๆ
เทคโนโลยี อยู่ในมือ ทำตอนไหน ก็ได้ มีคนซื้อ ก็มีคนขาย มีคนซื้อน้อย ก็ไปขายไอ้ที่คนซื้อเยอะ

เค้ากล้าออกมาแถลงว่า ไม่เห็นอนาคตใน BEV เชื่อมั่นใน FCV เพราะเค้ามองว่ามัน efficient กว่า นี่มี implication อะไรครับ คิดหน่อย

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,422
    • อีเมล์
เค้ากล้าออกมาแถลงว่า ไม่เห็นอนาคตใน BEV เชื่อมั่นใน FCV เพราะเค้ามองว่ามัน efficient กว่า นี่มี implication อะไรครับ คิดหน่อย

คิดหน่อย ๆ สิ ตีความ คำพูด ณ เวลา นั้น ดีๆ อย่า ปรับ คำพูด แปลแบบ เอาถูกใจ ตัวเองสิ
เอา Video คลิป หลักฐาน

ลองดู สิ แต่ ละคน ตีความ หมายยังไง ยก คลิป ยก text จริงๆ มา
 เวลาแปลเป็น ไทย ลองเอา 10 คนมาแปล  ดู สิ จะแปลกันมายัง

ให้ ไอ้พวก อคติ มัน ตีความ  มัน ก็ ตีความ แบบ รอเหยียบซ้ำอย่างเดียว
มันก้ ใส่ สี ตีไข่  เอาที่ ถูกใจมัน

ตามไปอ่าน ข่าว ทุก สำนัก เค้าก็ บอก Hydrogen เป็นพลังงาน สำคัญ ในอนาคต ย้ำโครตจะหลาย คำ ว่า ในอนาคต ด้วยซ้ำ สำหรับ Hydrogen
เพิ่มทางเลือก

ลองดู ข่าว นี้นะ Toyota ประเทศไทย
เค้า พูด ชัดเจน แล้วแต่นโยบาย รัฐ และ ผู้ใช้  พูดแบบ คนมี สมอง มีความคิด ไม่ได้ พูดเอามันส์
" แต่สุดท้ายอยู่ที่ลูกค้าตัดสินนะครับ "

ผมว่าเค้าพูดถูกเพราะ ยัง สนับสนุนให้ใช้ PHEV ที่ ใช้ไฟก็ได้ น้ำมันก็ดี ไปก่อน จนถึง เวลาพร้อม สรุป ง่ายๆ Toyota ทำขายได้หมดแล้ว แต่ ลูกค้าวะ ครับ

http://www.manager.co.th/Columnist/ViewNews.aspx?NewsID=9590000077643
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 12, 2017, 22:48:35 โดย mamaman »

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
เค้ากล้าออกมาแถลงว่า ไม่เห็นอนาคตใน BEV เชื่อมั่นใน FCV เพราะเค้ามองว่ามัน efficient กว่า นี่มี implication อะไรครับ คิดหน่อย

คิดหน่อย ๆ สิ ตีความ คำพูด ณ เวลา นั้น ดีๆ อย่า ปรับ คำพูด แปลแบบ เอาถูกใจ ตัวเองสิ
เอา Video คลิป หลักฐาน

ลองดู สิ แต่ ละคน ตีความ หมายยังไง ยก คลิป ยก text จริงๆ มา
 เวลาแปลเป็น ไทย ลองเอา 10 คนมาแปล  ดู สิ จะแปลกันมายัง

ให้ ไอ้พวก อคติ มัน ตีความ  มัน ก็ ตีความ แบบ รอเหยียบซ้ำอย่างเดียว
มันก้ ใส่ สี ตีไข่

https://www.geek.com/news/chief-toyota-engineer-says-electric-cars-are-not-practical-1620539/

https://www.theverge.com/2013/10/1/4790136/toyota-hybrid-hydrogen-future-not-all-electric

http://insideevs.com/former-toyota-exec-future-of-electric-cars-is-dim/

https://longtailpipe.com/2016/01/06/for-toyota-the-future-of-mobility-still-does-not-plug-in-but-is-foolishly-dependent-on-hydrogen/

http://www.autonews.com/article/20150416/OEM05/150419918/toyota-engineer-doubts-electric-cars-will-spread-even-with-rapid

https://thestack.com/world/2015/04/16/chief-toyota-engineer-sees-no-practical-future-for-electric-cars/

etc....

อ๋อช่าย ผมจำได้ว่า คุณติ่งเคยแถอ้าง ตอนผมเรียกให้เอาหลักฐานข้อมูลมาสนับสนุนการกล่าวอ้างของตัวเอง แต่เ_ือกหาไม่ได้ แถว่าไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานเพราะใช้ความรู้สึก มโน  ตอนนี้มาเรียกร้องเอาๆหลักฐาน ฟังดูกระดาก
ปาก ironic ดีนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 12, 2017, 22:52:57 โดย Ivy Modernist »