เอาแบบที่ผมเห็นจะๆเลยนะครับ
1. ระบบไฟฟ้า ญี่ปุ่นทำซับซ้อนน้อยกว่าเยอะมากครับ เช่น ระบบเซนทรัลล๊อค กล่องของญี่ปุ่นแทบจะเป็นแบบ Stand Alone ไม่เหมือนของยุโรปที่ชอบกับระบบเซ็นเซอร์ต่างๆพอเซ็นเซอร์เริ่มรวน มันก็รวนทั้งระบบครับ
2. วัสดุปิดความสวยงามรถยุโรปเยอะกว่า เช่น ฝาครอบเครื่อง ฝาครอบต่างๆนาๆ บุวัสดุซับต่างๆ วัสดุหุ้มคอนโซลและแผงประตูต่างๆ เป็นที่มาว่าทำไมรถยุโรปมันแน่น และเก็บเสียงดี แต่พอกาลเวลาผ่านไปกลายเป็นภาระของผู้ใช้เมื่อมันเสื่อมสภาพ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมเก็บรายละเอียดสูงมาก เมื่อเทียบกับรถญี่ปุ่นที่รื้อคอนโซลมา เปิดแผงประตูมา เจอเหล็กเลย
3. ระบบเซ็นเซอร์ยุโรปเยอะมาก เยอะจนปวดหัว เซ็นเซอร์ผ้าเบรค เซ็นเซอร์จับระดับตัวรถ เซ็นเซอร์จับปิดประตูไม่สนิท อากาศบ้านเรามันร้อนมาก พอใช้งานไปซักพักมันมีเอ๋อครับ ที่ผมเข็ดมากๆคือเซ็นเซอร์กันขโมยในห้องเครื่องของ E60 ที่ไม่รู้จะใส่มาทำไม วันนึงผมไปพาพราก้อน กว่าจะหาที่จอดรถได้ก็ยากมากแล้ว พอจอดได้จะล๊อครถ เดินไปยังไม่ถึงทางเข้ากันขโมยร้อง หาไปหามา มันฟ้องมาเซ็นเซอร์ปิดฝากระโปรงหน้าเอ๋อ จบครับ ขับรถกลับบ้าน ล๊อครถไม่ได้
4. เครื่องยนต์ยุโรปมีระบบที่ซับซ้อน การวางเลย์เอ้าเครื่องสะสมความร้อนมากกว่า ผมซ่อม BMW BENZ AUDI มาจนชินตากับห้องเครื่องแน่นมาก ฝาปิดโน่นนั่น สายไฟระบบต่างๆเต็มไปหมด น่าจะเป็นที่มาว่าทำไม CC เครื่องเท่ากันรถยุโรปส่วนมากจะแรงกว่า โดยเฉพาะความเร็วปลาย แต่พอผมมาเปิดห้องญี่ปุ่น นี่ถึงร้อง มันช่างโล่ง มองเห็นพื้นเลยครับ วางเลย์เอ้าแบบเข้าใจง่ายมาก แล้วมันโผล่มาให้เห็นหมด ไม่ต้องมุดหาเลยว่าอยุ่ตรงไหน
5. ระบบแอร์ยุโรป ส่วนมากจะมีระบบซับซ้อนและมีฮีตเตอร์ ยกระบบแอร์ทีนึงรถยุโรปประมาณ 4-5 หมื่น รายการท่อ โอริง มาเป็นหางว่าวเลยครับ ผิดกับระบบแอร์ญี่ปุ่นที่ง่ายๆ เย็นอย่างเดียว เปิด 27 ยังหนาวไข่หดเลยครับ
6. สุดท้าย ระบบช่วงล่างรถยุโรปที่ขึ้นชื่อ มีจุดเชื่อมต่อ ทั้งลูกหมาก บูช เยอะกว่ารถญี่ปุ่นเยอะมาก ครึ่งผมไปเปลี่ยนยาง ช่างยกอัลติสหน้าหมูขึ้น ผมเห็นเพลาขับหน้า/หลัง แทบร้องนี่เพลาขับหรือไม้กลอง หันมามองของ A6 ใหญ่และแน่นหนากว่าเยอะ
เท่าที่ผมเห็นประมาณนี้นะครับ ส่วนใครที่คิดว่ารถยุโรปถึงทนกว่าญี่ปุ่น อันนี้เถียงขาดใจ ไม่จริงเลยครับ ช่วงล่างเปลี่ยนยกหมด ของใหม่ของแท้ ไม่ถึงปีมีเสียงอีกแล้ว แล้วยิ่งพวกกล่องต่างๆนี่เอาแน่เอานอนไม่ได้เลย รับประกัน 3 เดือน พอเดือนที่ 4 มันพังเลย ซ่อมถึงแล้วทนกว่าผมยืนยันไม่จริงครับ
ส่วนที่ผมทึ่งมากๆกับญี่ปุ่นคือ ระบบไฟฟ้าเค้าแน่นอนมาก รถญี่ปุ่นที่บ้านไม่เคยเจอปัญหา กล่อง ABS CentralLock ECU หรือระบบกระจกไฟฟ้า ม่านไฟฟ้า ประตูดูดพังแม้แต่ครั้งเดียว บางคันวิ่งไป 3-4 แสนผ่านมือผ่านเท้าคนขับรถยังไม่เคยเสียเลย แต่ยุโรปที่ใช้อย่างทนุถนอม 2 ปี เสีย ซ่อมอีก 1-2 ปี ไม่ไฟโชว์ก็เสียอีกแล้ว
เห็นด้วยครับ จากประสบการ์ที่ผ่าน VW, MB, BMW และ Mini ใช้เกิน 5 ปีมานะครับ
ระบบไฟ - ซับซ้อน กล่อง สายไฟ เซ็นเซอร์ เยอะมาก ผลัดกันเจ๊ง ไม่เตือนก่อน เสียไฟโชว์เลย
สายไฟกับพวกพลาสติก - เจออากาศบ้านเรา ใช้เกิน 5 ปี ถ้าไปแกะ โอกาสกรอบแตกสูง
เครื่องยนต์ - หลังๆยุโรปมาเป็นฉีดตรงเทอร์โบ เจอร้อนๆกับน้ำมันบ้านเรา พวกปั๊ม กับหัวฉีดมักอยู่ไม่ทน
ช่วงล่าง - ลองไปมุดดูจะรู้เลยครับ จุดต่อเยอะมาก ผมเคยไปมุด Bentley คันเบ่อเร่อ บูชตัวนิดเดียว เจอถนนบ้านเรา ไม่เหลือ
ญี่ปุ่นออกแบบง่ายเทคโนโลยีง่ายและเน้นปรับปรุงต่อยอดจากของเดิมที่ดีอยู่แล้วมากกว่าครับ ระบบไฟฟ้าแน่นอนกว่ามาก
ยุโรปก็ไม่ได้พังทุกคัน แต่ค่าเฉลี่ยขึ้นยานแม่มันสูงกว่ารถญี่ปุ่นแค่นั้นเองครับ รับความเสี่ยง ซ่อมถึงพร้อมจ่ายได้ก็ใช้รถมีความสุขครับ